20 มี.ค. 2022 เวลา 17:20 • ปรัชญา
เรื่องราวของเรื่องราวของคำว่าจิตหลอนมันเกิดได้ จากเรื่องราวของคำว่าวิญญาณตา วิญญาณหู เอาเฉพาะสองส่วนนี้ ที่มันทำให้เกิดความผิดปกติเกิดขึ้น ทีทำให้เกิดอาการผิดปกติ (นี่ไม่ตอบแบบหมอนะ) ส่วนหนึ่งมันเกิดจากเรื่องราวที่เราไปสัมผัสในสิ่งที่มองไม่เห็น เช่น ไปสักยันต์ ไปท่องคาถา ไปเกี่ยวเนื่องเรื่องราวหรือไปพัวพัน เรื่องเจ้าพ่อเจ้าแม่ คนอ้างว่ามีญาณ(ที่แท้จริงมีอะไรแอบแฝงอยู่)อะไรทำนองนี้ พวกนี้ เค้าเรียกว่า เป็นตัวกระทำที่มีจิตอาศัยอยู่ เช่น เรื่องราวของกุมารที่มีการบูชา หรือนำมาพกติดตัวไปตามสถานที่ต่างๆ เมื่อเราเอาสิ่งเหล่านี้ มาติดกับมาเกาะเรา เหมือนเป็นฝุ่นละออง สิ่งเหล่านี้ก็สามารถทำให้เกิดเป็นภาพมายา ทำให้เราการเห็นของวิญญาณตานั้น มันผิดปกติ อารมณ์ก็จะหงุดหงิด โมโหง่ายๆ ทำเกิดการทะเลาะวิวาทกันง่ายๆ นอนหลับไม่สนิท ฝันเรื่องราวร้ายๆ แล้วก็เป็นจิตที่มีแต่เรื่องความทุกข์ร้อน หาความสุขไม่ได้
สิ่งเหล่านี้ก็ทำให้เกิดเป็นถาพอะไรขึ้นมาได้ เป็นภาพหลอนจิตเกิดขึ้น ที่เราเรียกว่าจิตหลอน..เหมือนกับเราไปบางสถานที่ เราไปเจอะเจอ ภาพเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เช่น เราไปเห็นเมฆ เป็นรูปร่างอย่างนั้นอย่างนี้ นั้นก็เป็นลักษณะของจิตหลอนเหมือนกัน เมื่อจิตมันหลอน มันก็เกิดเป็นอารมณ์ขึ้นมาอีก ก็ทำไปตามอารมณ์นึกคิดที่เกิดขึ้น บางครั้งก็ทำให้เกิดเป็นอาการหูแว่วเกิดขึ้นมา ได้ยินเสียงบอกอย่างนี้อย่างนี้ ให้ทำอย่างงั้นอย่างงี้เกิดขึ้นมาอีกได้เหมือนกัน เรื่องราวของไสยศาสตร์ในบ้านเรา สมัยนี้มีมาก ตามวัดตามวาก็มี เรื่องราวเหล่านี้ มันเกิดขึ้น ก็เนื่องด้วยกรรมของคนยุคนี้ ที่มุ่งมั่น มีความโลภ จึงไปหาตัวช่วยเรื่องราวของไสยศาสตร์ นึกว่าช่วยได้ แท้จริงเป็นเรื่องราวของการทำลายกัน แล้วมันไม่ใช่เรื่องราวสร้างบุญกุศลเสียเลย
เมื่อสิ่งเหล่านี้เข้ามาพัวพันที่กายที่วิญญาณ มันก็เกิดอาการจิตหลอน หูแว่วขึ้นมาได้ ถ้าหากเกิดอาการทำนองนี้ ก็ให้สังเกตวันโกณ วันพระ คนที่มาอาการเหล่านี้ก็มีอาการเพิ่มขึ้น ยิ่งไปกินเหล้า กินยา พวกจิตพวกผีที่ตกเป็นทาสของเรื่องราวไสยศาสตร์ ก็แสดงอิทธิฤทธิ์ อิทธิเดชมากขึ้น ซึ่งเราก็ลองสังเกตุ ตามข่าว ที่มีเรื่องราวของการตีกัน ทะเลาะกัน เราก็จะเห็นได้ แล้วสิ่งเหล่านี้ ก็นำไปสู่เรื่องซึมเศร้าได้เหมือนกัน ยิ่งไปกินยา ที่เค้าเรียกว่า ปรับสารเคมีในสมอง เมื่อมีอาการผิดปกติ มันก็เหมือนผีมาแฝง ยิ่งกินยาเหล่านี้ไปเรื่อยๆ กดประสาทไปเรื่อย จิตเราก็ยิ่งอ่อนไม่มีสติควบคุมกายวาจาใจ ผีมันก็มาสั่งจิตเรา เค้าเรียกว่าตกเป็นทาสเค้า เป็นทาสของผีไป
เรื่องทำนองนี้ มันก็พูดกันยาก เพราะคนเราปฏิเสธว่าเป็นสมัยวิทยาศาสตร์ พิสูจน์ไม่ได้ อีกอย่างหนึ่งเราก็ไม่ใช่จะมีหูทิพย์ตาทิพย์ แต่เราก็สังเกตได้ ของนิสัยคนที่มีอาการจิตหลอน แต่ในอีกด้านหนึ่งผู้คนก็ไปพัวพันกับเรื่องราวของไสยศาสตร์ ร่างทรง กุมาร หมอดูพรายกระซิบ ไปกราบเจ้าพ่อเจ้าแม่ที่เป็นผี ขอโชคขอลาภ อะไรๆมากมายก่ายกอง
เรื่องของพระที่ประพฤติปฏิบัติธรรมก็มีน้อยหายากมากๆ ส่วนมากทำตามๆกัน มันเป็นเรื่องของไสยศาสตร์ไปหมด คนที่โดนเรื่องราวเหล่านี้กระทำ ก็ผิดปกตินิสัยเดิมของเค้า ยิ่งเป็นพวกหูแว่ว ยิ่งน่ากลัวมากๆ บุคคลที่มีเรื่องราวเหล่านี้ ยึดเรื่องราวพวกนี้ ท้ายที่สุดก่อนตายก็ลำบาก เป็นมะเร็งตรงนั้นตรงนี้ อย่าเชื่อสิ่งที่เขียนน่ะ ต้องไปลองสังเกตดูว่าใช่มั้ย ที่ดีก็อย่าไปยุ่งเกี่ยวเลยดีที่สุด แต่ก็หลบหลีกยาก เพราะพ่อค้าแม่ค้า ก็หามาช่วยค้าขาย มันจึงมีไปทั่วไป ก็ต้องตัวใครตัวมันแล้วกันน่ะ บางทีว่าจะไปหาหมอ ที่ข้อมือหมอก็มีตะกรุดกับเค้าด้วยเหมือนกัน
โฆษณา