Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
จริงๆแล้ว พระพุทธเจ้า สอนอะไร
•
ติดตาม
21 มี.ค. 2022 เวลา 15:01 • ปรัชญา
ตอนที่ 3 : ร่างกายนี้เป็นของใคร?
ผ่านมาแล้ว 2 ตอน
เราได้รู้แล้วว่า ร่างกายเรามันทำงานยังไง
แล้วหลักๆเราก็ใช้งานมันด้วยการปรนเปรอทางใจตัวเอง
ลองนึกง่ายๆว่า ร่างกายคนเป็นเหมือนรถยนต์ที่วิ่งไปวิ่งมาบนถนน
แล้วเราก็เป็น ดวงจิตดวงเล็กๆ ที่กำลังขับร่างกายนี้อยู่
ที่นั่งคนขับอยู่ตรงกลางหน้าผากละกัน แบบหนังเรื่อง Pacific Rim
ซึ่งส่วนใหญ่ เราก็จะขับพาร่างกายนี้ ไปปรนเปรอตัวเอง กับสิ่งต่างๆรอบตัว
การกินของดีๆก็เหมือนเติมน้ำมันดีๆ
การอาบน้ำ ก็เหมือนการล้างรถ
การออกกำลังกายด้วยการปีนเขา ก็เหมือนการเอารถไปลุยออฟโรด
ร่างกายของเรา จริงๆแล้วมันไม่ใช่ของเราเลย
เราแค่ มีเวทนา (รู้สึกดี รู้สึกไม่ดี)
ในขณะที่เรานั่งอยู่ในรถ แค่นั้นเอง
ยกตัวอย่างง่ายๆ ให้ทุกคนหยุดอ่าน
แล้วมองไปที่ เท้าข้างซ้ายของตัวเอง
ลองจินตนาการว่า มีมีดตกลงมาสับ ข้อเท้าเราขาด ฉับ!!
สมมุติว่า เท้าเราข้างซ้ายหลุดออกจากข้อเท้าเราไปแล้ว
เราคิดว่าเราจะกระดิกนิ้วเท้าได้ไหม
ตามความเป็นจริงก็ไม่น่าจะได้นะครับ
จะเห็นว่าเมื่อกี้เท้าข้างซ้ายของเรายังเป็นของเรา เรายังกระดิกมันได้
แต่ตอนนี้เรากระดิกมันไม่ได้แล้วเพราะมันหลุดออกไปจากร่างกายเราแล้ว
อะไรที่เป็นของเราอย่างแท้จริง เราจะต้องควบคุมมันได้สิ
ถ้าร่างกายเป็นของเราจริง เราต้องบังคับให้เท้าตัวเอง
กลับมาติดกับข้อเท้าเราได้
แต่นี่มันหลุดไปแล้วอะ ทำไงอะ เชื้อโรคเริ่มกินเท้า
ย่อยสลาย กลืนไปกับโลกแล้ว
ถ้ามันเป็นของเราจริง
เราต้องบังคับให้ ไม่ป่วย ไม่ตายได้สิ
ซึ่งตามความจริงก็ทำไม่ได้อยู่แล้ว
เพราะร่างกายมันก็ดำเนินไปตามปกติของมัน
ควบคุมอะไรไม่ได้เลย
พระพุทธเจ้าอยากจะบอกเราตรงนี้แหละ
เค้าอยากจะบอกเราว่า ตัวเราและทุกๆสิ่งรอบตัวเรา
มันไม่สามารถ อยู่ได้แบบยั่งยืนตลอดไป
แล้วถ้ามันไม่ยั่งยืน
มันก็จะมีช่วงเวลาที่มันต้อง แปรสภาพ เปลี่ยนไป
ถ้ามันแปรสภาพ เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไปได้เรื่อยๆ
แปลว่า สิ่งที่มันเป็นก่อนหน้านั้น ก็ไม่มีตัวตนที่แท้จริง
เพราะมันได้เปลี่ยนไปเป็นอีกอย่างนึงแล้ว
Keyword สำคัญที่จะบอกในบทนี้ก็คือ
ทุกๆอย่างรอบตัวมันไม่เที่ยง
เพราะมันไม่เที่ยง มันก็เลยจะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา
"นี่คือธรรมชาติของทุกอย่างบนโลกนี้"
สิ่งที่เราไม่มี วันนึงเราอาจจะมีก็ได้
สิ่งที่เรามีอยู่แล้ว วันหนึ่งเราอาจจะเสียมันไปก็ได้
แล้วมันก็เป็นอย่างนี้เป็นปกติ ไม่มีอะไรเที่ยงเลย
เพราะฉะนั้น สิ่งที่เราไม่มีแล้วเราดันมีขึ้นมา เราก็ไม่ต้องไปหลงใหลกับมันมาก เพราะเมื่อเรามีมันแล้ว วันหนึ่งมันก็อาจจะหายไปก็ได้
แต่เราก็ไม่ต้องไปเสียใจอีกแหละ
เพราะมันก็เป็นอย่างนี้แหละ เดี๋ยวมันหายไป มันก็อาจจะกลับมามีใหม่ได้
ยกตัวอย่างในชีวิตจริง
เหมือนกับการขายของ
ขายของไม่ดี ก็อาจจะขายดี แต่ขายดีเดี๋ยวมันก็กลับไปขายไม่ดี
แต่ไม่ดีก็ไม่ต้องเศร้า เพราะเดี๋ยวมันก็อาจจะดีอีก
เราอย่าไป ดีใจ เสียใจกับสิ่งที่ได้มาหรือเสียไป ขนาดนั้น
ก็แค่ทำไปเรื่อยๆตามปกติ
ถ้าเราใช้สติจากตอนที่แล้ว
- มารู้ทันว่าทุกวันนี้เรากำลังทำอะไรอยู่
- ร่างกายเราปรุงแต่งอะไรอยู่
- รู้ทันว่าชีวิตก็ดำเนินไปตามปกติของมัน
โดยที่ทุกอย่างที่เรากำลังพบเจออยู่นี้ มันไม่ได้มีอะไรที่เป็นของเราเลย
เดี๋ยวมา เดี๋ยวไป เป็นอย่างนี้แหละ
สุดท้ายแล้วจะทำให้เรา ค่อยๆลด ความอยากมี อยากครอบครองลงได้
จนทำให้เราหลุดพ้น จากสิ่งรอบกายทั้งหมด
ส่วนการที่เราจะเอาสติ มารู้ให้ทันชีวิต มันก็มีวิธีของมันอยู่
ซึ่งพระพุทธเจ้า ได้ทำจนสำเร็จแล้ว
แล้วก็เอามาบอกเรานี่ไง
สิ่งที่เราต้องทำ ก็แค่ทำตามขั้นตอนครับ
พุทธศาสนา
บันทึก
2
1
2
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย