Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
จริงๆแล้ว พระพุทธเจ้า สอนอะไร
•
ติดตาม
22 มี.ค. 2022 เวลา 02:55 • ปรัชญา
ตอนที่ 4 : ขั้นตอนแรก
ถ้าพัดลมกำลังหมุนอยู่ (เปรียบเหมือนทุกอย่างรอบตัวเราเกิดดับ)
แล้วผมบอกว่า ให้ใช้มือของเรานี่แหละ (เปรียบเหมือน สติ)
ตอนนี้แหละ! จับใบพัดให้หยุด คุณคิดว่าจะจับได้มั้ย
ได้สิครับ... ได้เลือดแน่ๆ 555
ทุกอย่างรอบตัวเรา รวมถึงตัวเรา เกิดดับเร็วมาก
แล้วก็เกิดต่อเนื่องกันไปเรื่อยๆอีกต่างหาก
เช่นพออย่างนึงเกิดขึ้น ก็จะทำให้อีกอย่างนึงเกิดตาม
และพออย่างนึงดับลง ก็จะทำให้อีกอย่างนึงดับตามไปด้วย
วนเวียนไปเรื่อยๆเป็นวงกลม
การเกิดดับนี้ มันเร็วจนเราแทบจะมองไม่เห็นมันเลย
เพราะฉะนั้น ก่อนที่เราจะเข้าสู่วิธีการฝึกสติ เพื่อเอามาจับร่างกายให้ทัน
กับความเร็วระดับนี้
เราจะต้องเข้าใจก่อน ว่า ไอ้วงกลมที่เกิดดับเนี่ย มันมีวัฏจักรยังไง
ที่เราต้องหยุดวงเวียนนี้ก็เพราะว่า ทุกการกระทำเรามันส่งผลต่อไปเรื่อยๆ
ถ้ามีอย่างใดอย่างหนึ่งดับ มันก็จะดับต่อกันไปเรื่อยๆ
นี่แหละคือ
"Trick & Tips fromพระพุทธเจ้า"
ถ้าเราทำให้อย่างนึงดับ ทุกอย่างก็จะดับต่อกันไปเรื่อยๆ
จนทำให้เราหลุดพ้นจากวงเวียนนี้ได้
ถ้าเราเข้าใจบทความนี้ เราก็จะตอบคำถามที่ว่า
"เราจะรู้ได้ไงว่าเราจะมาเกิดซ้ำอีก" ได้
ยกตัวอย่าง เหมือนกับวัฏจักรของยุง
เป็นลูกน้ำ > แล้วก็โตมาเป็นยุง > พอเป็นยุงก็ไปไข่ไว้ในน้ำ > ไข่นั้นก็จะแตกออกมาเป็นลูกน้ำเหมือนเดิม
ถ้าเราต้องการที่จะหยุดวัฏจักรการเกิดของยุง
เราก็แค่ต้องตัดขั้นตอนการเป็นลูกน้ำ
โดยการเทน้ำที่ขังไว้ ไม่ให้ยุงมาวางไข่
มาเข้าเรื่องกันดีกว่า ไอ้วงกลมที่ว่าเนี่ย
มันเป็นของสัตว์ทุกชนิด ทุกการกระทำ
ทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนเกิดมาจากอีกสิ่งนึงก่อนหน้าเสมอ
ตัวเราก็เป็นสัตว์อย่างหนึ่ง เพราะฉะนั้น ทุกคนก็จะมีไอ้วงกลมนี้อยู่กับตัว
แต่พระพุทธเจ้าบอกว่า You บ่ต้องหาจุดเริ่มต้นเด้อ
เพราะหาจุดเริ่มต้นตอนที่เราเข้ามาในวงกลมนี้ไม่ได้
ไม่รู้ว่าเริ่มจากจุดไหนก่อน เพราะทุกๆอย่างมันเกิดต่อกันไปเรื่อยๆ
เหมือนคำถามที่ถามว่า "ไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน"
จนป่านนี้เราก็ยังไม่รู้เลย
วงกลมที่ว่า หน้าตาเป็นยังงี้ครับ
เริ่มกันเลยครับ เพื่อความง่ายในการเข้าใจ ผมจะเริ่มจาก
1. อวิชชา คือ ความไม่รู้
(เราไม่รู้ว่าตัวเรา ไม่ได้มีตัวตนที่แท้จริงร่างกายของเรามันไม่ใช่ของเรา)
2. สังขาร คือ การนึกคิด ความจงใจที่จะทำอะไรบางอย่าง
(เราเลยคิดว่าเราต้องทำอะไรสักอย่างกับร่างกายเรา เช่นทำให้มันดูดี)
3. วิญญาณ คือ การรับรู้ด้วยประสาททั้ง 6
(เรามีประสาทสัมผัสได้ว่าเรามีร่าง)
4. นามรูป คือ ร่างกายเรา
(ร่างกายที่สามารถรู้สึกดี รู้สึกไม่ดี และมีความรู้ อันนี้เรียกแขน อันนี้เรียกขา)
5. สฬายตนะ คือ ช่องทางที่เอาไว้ติดต่อกับโลกภายนอก
(ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ)
6. ผัสสะ คือ การกระทบกับภายนอกแล้วสัมผัสได้
(ตาเราไปกระทบกับ กระเป๋าแบรนด์เนม)
7. เวทนา คือ ความรู้สึกดี ไม่ดี หรือเฉยๆ
(เราก็จะเกิดความรู้สึกดีกับกระเป๋าใบนั้น)
8. ตัณหา คือ การปรุงแต่งต่างๆ อยาก/ไม่อยาก โทสะ โมหะ โลภะ
(อยากได้กระเป๋า ไม่อยากให้เป็นของคนอื่น ถ้าเป็นของคนอื่นเราก็โกรธ ถ้าเราได้มาแล้วเราก็อยากได้อีกใบ)
9. อุปทาน คือ ความยึดมั่น
(เรายึดมั่นว่า กระเป๋านั้นเป็นของเรา ร่างกายนี้เป็นของเรา เมื่อเรามีความยึดมั่น ก็จะทำให้เกิด)
10. ภพ คือ เจตนาของการกระทำ
(เจตนาตรงนี้จะเป็นเหมือน ดินแดนที่เราจะอยู่ในอนาคต
ความยึดมั่นที่เราถือไว้ เป็นเหมือนดินที่จะมาถมที่ของเราไปเรื่อยๆ
ยิ่งเรายึดมั่นกับอะไรมากเราก็จะเกิดในภพที่ถมไปด้วยสิ่งนั้นมาก
และเมื่อเราตายไปแล้ว เจตนาเจตจำนงหรือความตั้งใจ
ที่เรายึดมั่นไว้ว่า ตัวเราเป็นของเรา อยากทำให้ร่างกายเราสวย
แต่เราไม่มีกายหยาบแล้วนี่ จิตของเราก็จะไปจับกับร่างกายของสัตว์ตัวต่อไป
ซึ่งก็คือ 11. ชาติ(ต่อไป) นั่นเอง
สุดท้าย
12. ชรามรณะ คือ แก่แล้วตายนั่นแหละ
(ซึ่งก็จะมีอยู่ในทุกสิ่งมีชีวิตทุกชาติ ก่อนที่เราจะตาย ก็จะมี
- ความแห้งใจ
- ความร่ำไร
- ความเสียใจ
- ความผิดหวังแค้นใจ
สิ่งพวกนี้ก็จะมารุมเร้าเรา ทำให้เราไม่รู้ความเป็นจริง
คิดว่าตัวเรามีตัวตนจริงๆ
เราก็เลยอยากที่จะมีตัวตน
ยึดมั่นที่จะมีตัวตน
แล้วก็เกิดเป็น 1. อวิชชา อีกรอบหนึ่งไปเรื่อยๆ
ถ้าลองเอามาคิดดีๆ ช้าๆ
เราจะเห็นได้ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตเราวนอยู่ในวงเวียนนี้
"อวิชชา" เป็นสิ่งที่ทำให้เราเกิดมาในชีวิตนี้
และ "ตัณหา" ของเราในชีวิตนี้ ความอยากต่างๆ
จะทำให้เราได้เกิดอีกในชีวิตหน้า
และ "ตัณหา" เหล่านั้นก็จะกลายเป็น >>> "อวิชชา" หรือความไม่รู้
สำหรับชีวิตหน้า
ถ้าเอาการเวียนว่ายตายเกิดมาเรียงกัน ก็จะเกิดเป็นรูปนี้ครับ
เพราะฉะนั้น ถ้าเราต้องการที่จะหยุดวงเวียนนี้
เราจะต้องใช้ "สติ" ในการตามใจเราให้ทัน
เราต้องรู้ว่าเราโกรธ เราอยากได้ อยากมีอะไร เราปรุงแต่งอะไรอยู่
เราต้องตัด "ตัณหา" นั้นให้ดับไป แล้วทุกอย่างก็จะดับตาม
จะได้ไม่ต้องมี อุปาทาน ภพ ชาติ (หน้า) แล้วไงครับ
พุทธศาสนา
บันทึก
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย