Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
รูปรูป คำคำ
•
ติดตาม
22 มี.ค. 2022 เวลา 13:27 • นิยาย เรื่องสั้น
ทอดน่องมองเมือง 6 อบายมุขคอมเพล็กซ์
ผมนั่งมองท้องฟ้ายามเย็น ที่ดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า อยู่บนรถแวนขนาด 7 ที่นั่ง ที่วิ่งบนถนนหลวงหมายเลย 15 (I-15N) โดยมีผืนทรายของ ทะเลทราย โมฮาวี (Mojavi Desert) ล้อมรอบไปสุดตา ... จุดหมายข้างหน้า คือเมืองแห่งแสงไฟกลางทะเลทรายอันโด่งดัง ลาสเวกัส (Las Vegas)
ผมออกเดินทางจาก ลอสแอนเจลิส (Los Angeles) เมื่อตอนบ่ายแก่ ๆ ด้วยระยะทางราว ๆ ห้าร้อยกิโลเมตร หรือประมาณจากกรุงเทพไปลำปาง นั่นทำให้ผมจะต้องใช้เวลาบนถนนมืด ๆ กลางทะเลทรายไปอีกสักพักใหญ่ กว่าจะถึงที่หมาย
มันเป็นการเดินทางข้ามรัฐ เพราะ ลอสแอนเจลิส นั้นตั้งอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย (California) ริมมหาสมุทรแปซิฟิก ด้านตะวันตกสุดของทวีปอเมริกาเหนือ ส่วน ลาสเวกัส นั้นตั้งอยู่ในรัฐเนวาดา (Nevada) ถัดเข้ามาในทวีป ไปทางตะวันออก และมีภูมิประเทศเป็นทะเลทราย
เพื่อนร่วมทางเล่าให้ผมฟังว่า แต่เดิมนั้น พื้นที่ของ ลาสเวกัส ไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครผ่านมา แม้แต่ถนนก็ยังไม่ตัดผ่าน มีแต่คนทำเหมืองหินในทะเลทรายแค่ไม่กี่คน และคนค้าขายผ่านทางมาเท่านั้น ซึ่งนั่นก็เห็นจะจริงอย่างที่เขาเล่า เพราะบนถนนที่ทอดตัวยาวไปข้างหน้านั้น สุดลูกหูลูกตารอบตัวนั้นไม่มีอะไรเลยจริง ๆ ครับ นอกจากทะเลทราย และทะเลทราย
พอฟ้ามืดลง ภาพที่ผมมองเห็นก็เปลี่ยนไป จากที่เวิ้งว้างที่ควรจะมืดมิด กลับมีแสงเรือง ๆ อยู่ที่ขอบฟ้าข้างหน้า คล้าย ๆ กับตอนเช้ามืดที่ดวงอาทิตย์กำลังจะโผล่พ้นขอบฟ้า แต่ว่าเป็นจุดเล็กกว่าเท่านั้น ...
แม้จะห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตร แต่แสงสว่างจากเมือง ลาสเวกัส นั้น มองเห็นด้วยตาเปล่าชัดเจนทีเดียวครับ ว่ากันว่ามันสว่างไสวไปไกลถึงนอกโลก จนสามารถชี้ที่ตั้งของ ลาสเวกัส ได้จากอวกาศกันเลยทีเดียว ก็เห็นจะจริงอย่างเขาว่าล่ะครับ
ผ่านไปเป็นชั่วโมง จุดสว่างเรืองรองที่ขอบฟ้านั้น ก็ไม่ได้ใกล้เข้ามาอย่างที่คาดหวังเลยครับ บนถนนที่เป็นเส้นตรงนั้นมีเพียงแสงไฟจากรถ จนนึกสงสัยว่า จะมีจุดแวะจอดปั๊มเหมือนที่เราคุ้นเคยบ้างไหม ถ้าปวดฉี่ หรือหิว จะทำยังไง เพราะมันมืดมิดจนคิดถึงร้านสะดวกซื้อ และห้องน้ำ ที่คุ้นเคยบนถนนหลวงบ้านเรา
เจ้าถิ่นที่เดินทางร่วมคณะมาด้วย ก็บอกให้อดทนอีกนิด เพราะใกล้จะถึงจุดข้ามรัฐ จาก แคลิฟอร์เนีย ไป เนวาดา แล้ว และตรงนั้นมีจุดแวะจอดรถใหญ่โตทีเดียว
พอเรามาถึงจุดข้ามรัฐ จุดนั้นสว่างไสวใหญ่โตมากครับ ขนาดราว ๆ เมกกะบางนาสองอันรวมกัน นอกจากมีปั๊มเติมน้ำมันแล้ว ก็ยังเป็นจุดรวมร้านอาหารมากมาย และที่ยืนยันความเป็นรัฐเนวาดาชัดเจน นั่นคือมีคาสิโนแอนด์รีสอร์ท เปิดรับนักพนันกันตั้งแต่ตรงนี้กันเลยทีเดียว
ผมก็นึกไปว่า นี่ถ้าตั้งใจมาเล่นการพนันที่ ลาสเวกัส แล้วหลงเข้าไปทุ่มทุนพนันกันซะแต่ตรงชายขอบรัฐแบบนี้ แต่มาโดนเจ้ามือกินรวบหมดตัว ก็อาจต้องวกรถกลับซะตั้งแต่ยังไม่ทันเห็น ลาสเวกัส ก็เป็นได้
อากาศที่กลางทะเลทรายยามค่ำมืดนั้น หนาวเย็นใช้ได้ทีเดียวครับ แต่เป็นหนาวแบบแห้ง ๆ หายใจไม่สดชื่นนัก ผมอธิบายไม่ถูกว่ามันเป็นยังไง แต่ที่เห็นชัดเจนก็คือ มันหนาวแห้งจนริมฝีปากผมแตกจนเลือดซิบ ทั้งที่เดินอยู่กลางแจ้งนอกตัวรถแค่ไม่ถึงชั่วโมง
จากจุดข้ามเขตรัฐ ผมมุ่งหน้าเข้าหาแสงส่วางตรงขอบฟ้า ที่ค่อย ๆ ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ราวหนึ่งชั่วโมงจากนั้น รถแวนคันน้อยก็มาถึง ลาสเวกัส เมืองที่สว่างราวกับกลางวันอยู่ตลอดคืน และชีวิตในเมืองก็ไม่มีเวลาเงียบสงบหลับไหล มัน ฟู่ฟ่า อึกทึก ระยิบระยับ ไปทั้งเมือง ... ผมเกาะขอบหน้าต่างรถ มองออกไปสองข้างทาง ตื่นเต้นเหมือนเด็ก ๆ เลยทีเดียว
ทุกโรงแรมมีคาสิโน ใหญ่โต หรูหรา แปลกตา เต็มไปหมด และที่เหมือนเป็นธรรมเนียมของโรงแรมใหญ่ริมถนน ก็คือจะมีพื้นที่กว้างด้านหน้า เพื่อโชว์อวดเอกลักษณ์ของโรงแรม เหมือนเป็นดิสเพลย์หน้าร้าน แต่เป็นดิสเพลย์ขนาดมโหฬาร ที่คนผ่านทางจะมาหยุดยืนดูโชว์เหล่านั้นแบบฟรี ๆ ตระการตาเป็นที่สุด
ผมใช้เวลาในค่ำคืนแรกนั้น ด้วยการเดินเท้าบนถนน Strip หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ South Las Vegas Boulevard เพื่อเงยหน้าแหงนมองอาคารโรงแรม และคาสิโนใหญ่โตสองข้างทาง ที่ล้วนมีชื่อเสียงไปทั่วโลก MGM, Bellagio, Caesars Palace, Venetion, The Mirage รวมตัวเบียด ๆ กันอยู่บนถนนเส้นนี้
ที่ตื่นเต้นตระการตาผมที่สุด ก็เห็นจะเป็นโชว์ด้านหน้าของโรงแรม Treasure Island ที่มีทั้งทะเล เรือโจรสลัด แสงสีโหมกระหน่ำ จนทั้งไทยทั้งผรั่งพากันมุงจนแน่นทางเท้าหน้าโรงแรม
ผมเดินไปหยุดหน้าโรงแรมฟลามิงโก (Flamingo Las Vegas Hotel & Casino) หมุดหมายที่ตั้งใจมาตั้งแต่บ้าน เมื่อรู้ว่าจะมีโอกาสมาเยือนลาสเวกัส ผมอยากมายืนมองดูแผงไฟสลับสีด้านหน้าโรงแรม ที่เป็นหนึ่งในภาพจำของ ลาสเวกัส มาตั้งแต่เริ่มสร้างเมือง เมื่อเกือบร้อยปีก่อน ... ผมยืนมองดูอยู่นาน ไม่รู้ทำไม
ใจผมก็อยากหาที่นอนง่าย ๆ ล่ะครับ โรงแรมจิ้งหรีดสักที่ ด้วยว่าเกรงใจงบประมาณในกระเป๋า เพราะดูสภาพแวดล้อมที่หรูหราอลังการแล้ว ก็หวั่นใจบอกไม่ถูก
เรื่องใหม่ที่ไม่คาดคิดก็คือ ค่าที่พักใน ลาสเวกัส นั้น ไม่แพงอย่างที่คิดเลยครับ เรียกว่าเข้าขั้น “ถูก” เลยทีเดียว ยิ่งเมื่อเทียบกับความหรูหราที่เห็นด้วยแล้ว ยิ่งนับได้ว่าถูกมาก
ผมเข้าพักในโรงแรม ลักซอร์ (Luxor Hotel & Casino) โรงแรมที่เอาชื่อวิหารโบราณของอียิปต์มาเป็นคอนเซปไอเดีย ออกแบบเป็นทรงปิรามิดสีดำ ทางเข้าใหญ่โตเว่อร์วัง มีสฟิงซ์ (Sphinx) ตัวเบ้อเร่อ ห้องพักใหญ่โต สะดวกสบาย ราคาก็สบายกระเป๋า ดีจังเลย
ใคร ๆ ก็รู้ล่ะครับ ว่า ลาสเวกัส เป็นเมืองแห่งการพนัน แต่การเป็นเมืองการพนันนั้นเป็นยังไง ผมก็เพิ่งได้เห็นได้รับรู้นี่ล่ะครับ
แทบทุกมุมใน ลาสเวกัส นึกง่าย ๆ ว่า มุมที่ควรวางถังขยะ หรือจุดที่ควรเป็นตู้โทรศัพท์ กระถางต้นไม้ อะไรแบบนั้น จะมีตู้สล็อตแมชชีนวางอยู่ครับ ทั่วเมืองเลยทีเดียว จุดกดเงินหรือตู้เอทีอ็ม ก็จะมีตู้สล็อตแมชชีนวางอยู่คู่กันเสมอ ยิ่งในร้านสะดวกซื้อทุกร้าน ข้างเคาน์เตอร์จ่ายเงิน จะมีตู้สล็อตขนาดย่อม วางอยู่ข้าง ๆ เลย เรียกได้ว่า พอได้เศษเงินทอนจากพนักงาน ก็หยอดตู้แล้วโยกคันโยกได้ทันที
อาหารในโรงแรมที่พักก็ราคาถูกมากครับ ห้องอาหารในโรงแรมที่ผมพักนั้น เป็นบุฟเฟต์ราคา 5 เหรียญ หรือราว ๆ ร้อยกว่าบาท กินได้เต็มเหนี่ยว หิวเมื่อไหร่ก็มากินได้ เปิดตลอดวัน สอบถามก็ได้ความว่า โรงแรมอื่น ๆ ใน ลาสเวกัส ก็คล้ายกันครับ เน้นถูกและดี
เขาพยายามให้แขกทุกคนที่มาเยือน ลาสเวกัส มีเงินเหลือในกระเป๋าให้มากที่สุดครับ เพื่อที่จะได้เอาไปเล่นการพนัน ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของที่นี่ เรียกว่าทุ่มทุนเพื่อดึงคนมาเที่ยว และใช้เงินไปกับการพนันเท่านั้น เรื่องอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ที่พัก กระทั่งโชว์ต่าง ๆ ในเมืองนั้น ราคาถูกถึงถูกมาก โดยเฉพาะโชว์อลังการหน้าโรงแรมบนถนน Strip นั้น เต็มเหนี่ยวแต่ดูฟรี มีรอบการแสดงหลายรอบต่อคืน
ผมไม่ได้เล่นการพนันกับเขาเลยครับ ไม่ได้เป็นเด็กดีอะไรขนาดนั้นหรอกนะครับ แค่ไม่รู้สึกสนุก และที่สำคัญคือผมเล่นไม่เป็น ทั้งไพ่ ทั้งอะไรต่ออะไรที่เค้าเปิดให้แทง ผมไม่รู้เรื่องสักอย่าง ไปยืนดูก็เงอะ ๆ เงิ่น ๆ ที่พอจะเล่นง่าย ๆ ไม่ใช้เงินเยอะ อย่าง สล็อตแมชชีน ผมก็ไม่รู้สึกสนุกด้วย เลยเป็นอันใช้เวลาไปกับการเดินดูนั่นนี่ไปเรื่อย ซึ่งแค่นั้นก็ดูไม่หมดละครับ
วันที่จะเดินทางกลับ ตอนที่ผมกำลังเช็คเอ้าท์จากโรงแรมที่พัก หนึ่งในพวกเราที่กำลังรอเดินทาง ก็เอาเศษเหรียญในกระเป๋าหยอดตู้สล็อตแมชชีนข้างเคาน์เตอร์ แบบไม่ได้ตั้งใจเล่น ... ผมมองไม่ชัดว่ามันเป็นสัญลักษณ์เรียงกันแบบไหน แต่เหรียญจำนวนมาก ไหลออกมาจากตู้ เสียงเหรียญร่วงกราวบนพื้นดังไปทั่ว คนแถวนั้นตบมือโห่ร้องกันยกใหญ่เลยครับ โดยเฉพาะไอ้น้องคนที่ไม่ได้ตั้งใจหยอดเหรียญคนนั้น
ต้องเอากระป๋องพลาสติค หน้าตาเหมือนถ้วยไอติมสเวนเซ่น ขนาด 1 ควอท มาใส่เหรียญที่เต็มจนล้นถ้วย คิดเป็นเงินก็มากมายพอดูเชียวครับ ไม่ต้องใช้ความสามารถอะไรเลย โชคล้วน ๆ
บนถนนสาย 15 ขากลับ ทะเลทรายยามแดดจัดนั้น สวยแปลกตาไปกว่ายามโพล้เพล้เมื่อขามา นึกถึงหนังฝรั่ง ที่ว่ากันว่าเหล่ามาเฟียในลาสเวกัสนั้น นิยมเอาร่างของเหยื่ออาชญากรรมมาฝังทิ้งไว้ในทะเลทรายแถบนี้ เรื่องราวนั้นจริงไม่จริงก็ไม่รู้ได้ แต่ก็น่าขนลุกในความเวิ้งว้างไม่น้อยเลยล่ะครับ เป็นทิวทัศน์ที่ชนชาติเมืองร้อนชื้นอย่างผมไม่คุ้นเคยมาก่อน
เราแวะที่จุดข้ามรัฐอีกครั้ง ก่อนจะเดินทางข้ามจากรัฐเนวาดา เข้าสู่รัฐแคลิฟอร์เนีย ผมก็เข้าไปซื้อขนมในร้านสะดวกซื้อ ไว้กินระหว่างทางที่ยังอีกไกล
จ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ รับเงินทอนมา ก็หันมาพบกับตู้สล็อตแมชชีนข้าง ๆ ... ผมกำเหรียญไว้ในมือ มองตู้นั้นนิ่ง ๆ ... ทายสิครับว่า เรื่องมันจบยังไง
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย