27 มี.ค. 2022 เวลา 03:00 • ธุรกิจ
เคยสงสัยไหมว่า บิลบอร์ดโฆษณาขนาดใหญ่ ที่เราเห็นตามท้องถนน หรือสื่อโฆษณาต่าง ๆ ที่เราเจอบนรถโดยสารประจำทาง รถไฟฟ้าใต้ดิน หรือแม้กระทั่งในสนามบิน ไปจนถึงจอ LED ขนาดเล็กในร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven
1
จริง ๆ แล้ว มีใครเป็นเจ้าของสื่อโฆษณาเหล่านี้ ?
คำตอบก็คือ Plan B หรือ บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน)
ซึ่งนิยามตัวเอง ว่าเป็นเหมือนทีวีขนาดใหญ่ที่กระจายอยู่ทุกพื้นที่ทั่วไทย
แล้ว Plan B คือใคร ทำไมถึงมีสื่อโฆษณาที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ จนเรียกได้ว่า ถ้าตัดสินใจก้าวเท้าออกจากบ้าน ก็แทบเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะไม่เห็นสื่อโฆษณาของ Plan B
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2548 หรือ 17 ปีที่แล้ว Plan B ถูกก่อตั้งขึ้น โดยเริ่มจากธุรกิจสื่อโฆษณาภายนอกรถโดยสารประจำทางปรับอากาศ ที่ได้รับสัมปทานจากองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กว่า 1,200 คัน
เพราะมองว่า การทำสื่อโฆษณา ซึ่งเปรียบเสมือนบิลบอร์ดเคลื่อนที่ น่าจะดึงดูดสายตา และความสนใจของผู้ที่พบเห็นได้เป็นอย่างดี
1
หลังจากนั้น Plan B เริ่มขยายบริการเช่าพื้นที่โฆษณาภายในรถโดยสารประจำทางปรับอากาศ จนปัจจุบัน Plan B มีสื่อโฆษณาทั้งภายในและภายนอกรถประจำทางจำนวนกว่า 2,500 คัน ครอบคลุมสายรถประจำทางกว่า 109 เส้นทางทั่วกรุงเทพฯ
หลังจากแจ้งเกิดในฐานะผู้นำธุรกิจสื่อโฆษณาประเภทรถโดยสารประจำทางปรับอากาศ Plan B เห็นโอกาสที่ซ่อนอยู่ในธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้าน จากพฤติกรรมของผู้คนที่ต้องใช้ชีวิตนอกบ้านมากกว่าวันละ 10-14 ชั่วโมง
2
จึงค่อย ๆ ขยายธุรกิจให้มีความหลากหลาย และครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น
- สื่อโฆษณาประเภทภาพนิ่ง ที่มีขนาดที่หลากหลาย จัดวางในตำแหน่งและรูปแบบการนำเสนอที่แตกต่างกัน
- สื่อโฆษณาที่เป็นจอดิจิทัล
- สื่อภายในห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านสะดวกซื้อ
- สื่อ ณ สนามบิน
- สื่อโฆษณาออนไลน์
3
โดยกลยุทธ์สำคัญที่ Plan B ใช้ เพื่อไม่ให้สื่อโฆษณาเหล่านี้ เป็นแค่ป้ายข้างทางที่ไม่มีใครสนใจ คือ การเลือกจุดยุทธศาสตร์ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และหัวเมืองใหญ่ในประเทศไทย ในการติดตั้งสื่อโฆษณา
ควบคู่ไปกับ การพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ในการพัฒนารูปแบบการนำเสนอสื่อโฆษณานอกบ้านให้น่าดึงดูด และก้าวทันไปกับเทรนด์โลก
1
หนึ่งในนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ยุคที่ Data is the new oil ได้อย่างไร้ที่ติ คือ นวัตกรรม “Magnetic” ซึ่ง Plan B ได้ร่วมมือกับ Telco จัดทำขึ้น
1
เป้าหมายหลัก ก็เพื่อยกระดับสื่อนอกบ้านให้อัจฉริยะขึ้น สามารถวัดผลได้แบบเดียวกับทีวี ที่มีระบบเรตติง หรือสื่อออนไลน์ที่มี KPI เป็นตัวชี้วัด​
1
พูดง่าย ๆ จากเดิมที่สื่อนอกบ้านอาจจะมีจุดอ่อน ตรงที่ต้องวัดผลจากจำนวนรถยนต์ที่อยู่บนถนน หรือผู้ให้บริการประมาณเอาเองว่า มีคนเห็นเท่าไร ซึ่งอาจให้ผลที่ไม่แม่นยำ
1
แต่พอมี “Magnetic” มาช่วยวิเคราะห์ ทำให้สื่อโฆษณานอกบ้านก็สามารถเก็บข้อมูลพื้นฐาน, เพศ, อายุ, ความสนใจ ไปจนถึง จำนวนผู้ชมที่เห็น (Reach), จำนวนครั้งของการมองเห็น (Eyeball), ความถี่ในการมองเห็น (Frequency) และระยะเวลาในการอยู่บริเวณป้าย (Dwell Time) ได้เช่นกัน
3
นั่นหมายความว่า แบรนด์ที่เลือกทำโฆษณาด้วยสื่อนอกบ้าน จะสามารถนำข้อมูลเชิงลึกไปวัดผล และต่อยอดแคมเปญอื่น ๆ ได้
1
แน่นอนว่า ต่อให้มีนวัตกรรมแล้ว แต่ Plan B ไม่ได้หยุดอยู่เพียงเท่านี้ ในอนาคตยังมีแผนพัฒนา Magnetic ให้ยิ่งอัจฉริยะมากขึ้น เพื่อให้แบรนด์สามารถนำไปต่อยอด
เพื่อพัฒนาการสื่อสารให้มีประสิทธิภาพ และจัดสรรเม็ดเงินในการซื้อสื่อได้อย่างคุ้มค่า
นอกจากจะนำนวัตกรรมมาช่วยในการวัดผล Plan B ยังมีการพัฒนานวัตกรรมสื่อโฆษณาสามมิติ (3D) บนจอดิจิทัลนำมาใช้เป็นที่แรกในประเทศไทย เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสื่อโฆษณานอกบ้าน ที่นอกจากจะสร้างการรับรู้ มอบประสบการณ์ที่สมจริง​ เพื่อเข้าถึงผู้พบเห็นได้มากขึ้น
มาถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะคิดว่า Plan B ปูพรมเพื่อสร้างรากฐานให้ธุรกิจแข็งแกร่งแล้ว แต่เพื่อเติมเต็มและสนับสนุนธุรกิจหลักของบริษัทให้ยิ่งแข็งแกร่ง
Plan B ยังขยายธุรกิจไปสู่ “ธุรกิจการตลาดแบบมีส่วนร่วม” หรือ Engagement Marketing ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์ด้านกีฬาจากสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย, คอนเทนต์ด้านดนตรีจากวงเกิร์ลกรุ๊ป BNK48 และคอนเทนต์ด้านอีสปอร์ตจาก Thai E-League Pro และเกมออนไลน์
รวมถึงการเพิ่มคอนเทนต์ประเภทอื่น ๆ เพื่อให้ครอบคลุมความสนใจของผู้บริโภคทุกกลุ่ม สามารถตอบโจทย์นักการตลาดในการสื่อสารกับผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ผลจากการทำธุรกิจแบบไม่หยุดนิ่ง ทำให้ปัจจุบัน Plan B มีป้ายโฆษณาครอบคลุมทั่วประเทศไทยกว่า 20,000 ป้าย และมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด
1
สำหรับเป้าหมายในอนาคต Plan B ตั้งเป้าจะเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและสื่อนอกบ้านที่ครอบคลุม และเข้าถึงผู้บริโภค ตลอดชีวิตประจำวันของการเดินทาง ที่สำคัญไม่ใช่แค่ในประเทศไทย แต่ฝันไกลไปถึงในระดับเอเชีย
2
โดยมีเป้าหมายจะสร้างรายได้ 10,000 ล้านบาท ภายในปี 2025
ซึ่ง Plan B เชื่อว่า ด้วยแนวคิดที่ไม่หยุดอยู่กับที่ บวกกับเทรนด์การเติบโตของสื่อนอกบ้านที่ยังมีอีกมาก จะทำให้เป้าหมายนี้อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม..
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
รู้หรือไม่ว่า “กะทิ” อินฟลูเอนเซอร์เสมือนจริง (Virtual Influencer) คุณภาพระดับอินเตอร์ ที่เคยสร้างปรากฏการณ์ เผยโฉมบนบิลบอร์ดทั่วกรุงเทพฯ และยังขึ้นปกนิตยสารชั้นนำมาแล้วมากมาย
เป็นผลงานที่ Plan B ร่วมกับ เลมอนซ์ บางกอก ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ SOUR Bangkok และบริษัท AWW Inc. บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างมนุษย์เสมือน (Virtual Human) อันดับหนึ่งของญี่ปุ่น มีผลงานการสร้างอินฟลูเอนเซอร์เสมือนจริงมาแล้ว อย่าง Imma และ Ayayi พัฒนาขึ้น​ สำหรับรับงานพรีเซนเตอร์ให้กับแบรนด์ต่าง ๆ
1
เรียกว่าเป็นอีกหมัดเด็ดที่ Plan B ตอบโจทย์เทรนด์โลกที่กำลังเข้าสู่โลกอนาคตได้เป็นอย่างดี
และชวนให้น่าติดตามว่า หลังจากนี้ จะได้เห็น Plan B มีนวัตกรรมอะไรที่น่าสนใจออกมาเขย่าตลาดอีก..
โฆษณา