Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
The ONLY ONE (in The Universe)
•
ติดตาม
23 มี.ค. 2022 เวลา 16:15 • หนังสือ
#อยากทำหนังสือเสียงเป็นของตัวเอง
ขั้นตอน และกระบวนการบรรจุ "หนังสือเสียง" ลงขายในแพล็ตฟอร์มต่าง ๆ
(อัพเดท ณ วันที่ 23 เดือน มีนาคม 2565)
.
จริง ๆ มันมีหลายแพล็ตฟอร์มครับ แต่สำหรับ "หนังสือเสียง" หรือ Audio Book นี้ จะมีแค่ Ookbee, SE-ED และ MebMarket เท่านั้น ณ ตอนนี้
.
โดยแต่ละแพล็ตฟอร์มจะมีลักษณะการบรรจุ หนังสือเสียง ที่แตกต่างกันออกไปตามนโยบายของแต่ละที่
.
ซึ่งสำหรับ MebMarket น่าลงมากที่สุด เพราะเหตุใด มาฟังตอนท้าย ๆ นะครับ
.
มีดังนี้ครับ
1. วางสารบัญของหนังสือเสียงที่คุณจะอัดเสียง หากคุณมีหนังสือเป็นเล่ม หรือ E-Book อยู่แล้ว ก็สามารถ "อิง" ตามของเดิมที่มีอยู่เดิมได้เลย
.
แต่...
.
ในการทำหนังสือเสียงนั้น ผมแนะนำให้มีความ "แตกต่าง" จากหนังสือต้นฉบับ หรือ E-Book ด้วย เพราะหากคุณจะขายทั้งหนังสือเสียง และ E-Book หรือ หนังสือต้นฉบับ
.
ผู้อ่านจะรู้สึกว่า แต่ละสินค้ามีความแตกต่างกัน ไม่สามารถเอาอะไรทดแทนกันได้
.
การเริ่มแต่ละคน ให้ขึ้นอยู่กับว่า อะไรเริ่มได้เร็วก่อนครับ
.
ยกตัวอย่าง ผมเขียน E-Book (พูดภาษาอังกฤษจากความรู้สึก) เสร็จก่อน (ในกรณีของผมนะครับ) แล้วสักพักจากนั้น 5-6 เดือน ผมค่อยบันทึกเสียง โดยมีอธิบายเนื้อหาเพิ่มเติมที่ "นอกเหนือ" จาก E-Book ที่มีอยู่เดิม
.
เพื่อที่จะให้คนที่จะซื้อทราบว่า ทั้ง E-Book และ Audio Book มีความแตกต่างกัน ถ้า E-Book จะกระชับกว่า แต่ Audio Book จะมีรายละเอียดที่อธิบายเพิ่มเติมละเอียดว่า นานกว่า
.
2. อัดเสียง ในแต่ละแทร็คให้เรียบร้อย ทั้งนี้ ควรเขียนหัวข้อ อธิบาย ไว้คร่าว ๆ แต่ตอน "อัดเสียง" ให้สบาย ๆ เล่าเรื่อง เป็นธรรมชาติ และเป็นตัวของตัวเองนะครับ คนฟังจะ "สัมผัส" ได้ - ขั้นตอนนี้ ต้องมีทักษะ ความรู้ ความเข้าใจครับ เหมือนงานผลิตเพลง
.
3. ทำการ Mix/Master เสียงที่อัดจากขั้นตอนที่ 2 จะต้องผ่านโปรแกรมอัดเสียง หรือที่เค้าเรียกว่า โปรแกรมอัดเพลงนั่นแหละครับ (ผมโชคดีที่เคยทำโปรแกรมพวกนี้ตอน Cover เพลงใน ยูทูปมาก่อน) ให้มีความคมชัด ฟัง แล้วไม่แสบแก้วหู ฟังแล้วเพลินสบาย ๆ ตามธีมของเนื้อหา และผู้พากษ์ - ขั้นตอนนี้ ต้องมีทักษะ ความรู้ ความเข้าใจครับ เหมือนงานผลิตเพลง
.
4. ตั้งชื่อแต่ละแทร็คไว้ตามสารบัญในขั้นตอนที่ 1 แล้ว เอาขึ้นโฟลเดอร์ใน Google Drive ให้เรียบร้อย
.
5. ติดต่อแต่ละแพล็คฟอร์มครับ ซึ่งคุณสามารถหาได้ที่หน้าเว็บไซต์ครับ โดยแต่ละที่จะมีการส่งไฟล์เสียง แตกต่างกันออกไป ดังนี้ครับ
- MebMarket /Ookbee ให้ติดต่อเขียนไปหาที่อีเมล์ (ในเว็บ) และแชร์ Google Drive ไปที่อีเมล์นั้น ครับ โดยให้รายละเอียดใน E-mail ด้วยนะครับ
- ส่วนของ SE-ED จะมีที่อยู่ครับ ให้ส่งไปตามที่อยู่อีเมล์ โดยการแชร์ Google Drive แต่ให้โทรคอนเฟิร์ม สอบถามเรื่องการส่งไฟล์ทางจดหมายเป็น CD ไปด้วย
ส่วนตรงนี้เจ้าหน้าที่ดูแลมีทั้ง คุณเจี๊ยบ/คุณกิ๊ฟท์/ และคุณออม จากนั้น ทางซีเอ็ดจะส่งจดหมายหนังสือสัญญากลับมาให้เซ็นเรียบร้อย (ขั้นตอนนี้ยุ่งยากหน่อย 555) มีแจ้งราคา โน่นนี่นั่น ก็เซ็นเสร็จก็ส่งกลับไป
1
6. รอการตรวจสอบเรื่องเสียงครับ ว่าผ่านหรือไม่? อ้าว มีอย่างนี้ด้วย - ใช่ครับ คือ มันเหมือนการผลิตเพลง ๆ หนึ่งออกสู่สาธารณชนนะครับ อย่างน้อย เสียงจะต้องมีความ "คมชัด" ฟังแล้ว ไม่สร้างความรำคาญใจให้กับผู้ฟัง
เพราะอย่าลืมว่า งานชิ้นนึง เราทำ "จบไปแล้ว" เราขายตลอดไปนะครับ
ผมลงขายมาปัจจุบันตั้งแต่ E-Book น่าจะ เกือบ 2 ปี ส่วนหนังสือเสียงประมาณปีครึง
"ทำทีเดียว ให้ดี ให้โดน เป็นตัวเอง จบเลย ไม่เป็นภาระครับ"
ถ้าอยากจะเอาไปยิงแอด หรืออะไรก็สามารถทำได้ตามใจครับ
คือ ผมสอนภาษาอังกฤษออฟไลน์มาตลอด พอโควิดมา ออฟไลน์แทบจะดับไปหมดเลย
ก็ยังโชคดีที่ทำพวก Digital Products พวกนี้ทิ้งไว้ โพสต์แจ้งข่าวสารทั่ว ๆ ไป เพิ่งจะมายิงแอดใน Tiktok หลัง ๆ แบบหลักสิบบาท นิดหน่อย
มีผลงานจริง ๆ จังก็แค่ชิ้นเดียว แต่ 2 ผลิตภัณฑ์ คือ E-Book กับ Audio Book รวม ๆ ตั้งแต่วางขายมาปีกว่า ก็ได้พอสมควรช่วงปีครึ่ง แสนขึ้น อยู่ครับ
(แต่ยังถือว่าน้อย) เพราะว่า ผลงานผมยังออกไปไม่มาก และแทบจะไม่ได้โปรโมท และงานเดิมที่สอนมันหายไป
ที่มันดีสุด ๆ คือ ทำงานแล้วมันจบครับ
ไม่สร้างภาระต่อ
(ผมเบื่อมากที่ยิงแอด ตอบแชท ฯลฯ โอ้ย แบบนี้ไม่เอาครับ)
เคยมีนักเรียนมาเรียนส่วนตัวกับผม จาก MebMarket ด้วยครับ
ดังนั้น การมีผลงานไปอยู่ในแพล็ตฟอร์มเหล่า มันเป็น "กรุยทาง" ที่เห็นภาพเป็น "รูปธรรม" มากกว่าปกติทั่วไปครับ
ส่วนทำไมควรเป็น MebMarket เพราะ Meb
ให้ค่าพากษ์เสียง 20% ด้วยครับ
หากคุณพากษ์เองนะครับ
อย่างหนังสือเสียงของผม ราคา 1990 / ผมจะได้ค่าพากษ์เสียงประมาณ 200-350 บาทต่อชุดต่างหาก ถ้าเป็น Apple ซื้อผมจะได้น้อยกว่าครับ
อย่างที่ผมบอกแหละครับ ทำแล้วมันจบครับ แล้วไปออกผลงานใหม่ ๆ เหมือนร้านค้าเราใหญ่ขึ้นครับ อยู่ตลอดไปเท่าที่เว็บไซต์อยู่
แต่ปัญหาของทุกคนในการทำหนังสือเสียง มีดังต่อไปนี้ครับ
1. วางสารบัญ "ไม่โดน" ครับ การวางสารบัญต้องสร้าง "ข้อสงสัย" ในแต่ละแทร็คครับ ยังมีเรื่องอื่นอีกเยอะแยะครับ
2. ยากที่สุดคือ "การอัดเสียง" ครับ การอัดเสียง ต้องมีอุปกรณ์ เช่น ซาวน์การ์ด ไมค์คอนเดนเซอร์ (ในห้องอัด) โปรแกรม และทักษะในการใช้โปรแกรม - อย่างที่ผมบอก ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่า การ Cover เพลง ตอนนั้น จะได้อุปกรณ์มาใช้ในตอนนี้ด้วย
นอกจากนี้ยังมี คุณภาพเสียง อารมณ์ การเล่าเรื่อง ความรู้สึก ที่ถ่ายทอดไปหาผู้ฟังด้วย - คือ มันคือ "สร้างผลงาน" ชัด ๆ อะครับ
3. การปรับแต่งเสียง Mix Master เสียงของผู้พากษ์ เพื่อให้ผู้ฟังรู้สึกถึงความเป็นตัวตน และความเชี่ยวชาญด้านนั้น อย่างแท้จริง ของผู้พากษ์
4. ทำปก
5. ขั้นตอนการส่งไฟล์ และทำสัญญา - อย่าลืมนะครับว่า ถ้าอัดเสียงมาไม่ดี คือ เหนื่อยฟรีครับ
ถ้าคนไหนสนใจอยากมี "หนังสือเสียง"
ผมสามารถช่วยเหลือตั้งแต่ต้นจนจบตั้งแต่
"หาตัวตน" แท้ ๆ ของคุณ
เราต้องวางสารบัญให้คนอื่นตามเราไม่ได้อะครับ
-อัดเสียง
-ให้คำแนะนำ
-เรื่องการใช้เสียง
-ยิงมุขตลกบ้าง ธรรมชาติ
-มีซอยในการเล่าเรื่องบางอย่างให้น่าสนใจ
จนเป็นไฟล์ พร้อมวางขาย ก็แชทมานะครับ
ถ้าไปห้องอัดเค้าคิดเป็นคิวครับเช่น 6 ชม.5000 บาทครับ แต่เค้าจะไม่ได้ให้คำปรึกษา หรือติชมว่า ต้องทำยังไง แก้ตรงไหน เพราะเค้ามีหน้าที่แค่อัดเสียง
ประมาณนี้นะครับ
หนังสือเสียง พูดภาษาอังกฤษจากความรู้สึก
1 บันทึก
4
3
1
4
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย