24 มี.ค. 2022 เวลา 06:54 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ทำไมถึงไม่ควรซื้อรถตั้งแต่พึ่งเริ่มทำงาน???
วันนี้ทางstockaddict จะมาแถลงว่าทำไมไม่ควรรีบซื้อรถตั้งแต่เริ่มทำงาน (เป็นความคิดเห็นส่วนตัวไม่ได้มีจุดประสงค์จะว่าหรือบอกว่าไม่ดีนะครับแค่ชี้ให้เห็น)
การซื้อรถเป็นหนี้ก้อนใหญ่ก้อนนึงเลยครับ
โดยส่วนใหญ่ที่เด็กพึ่งจบ ทำงานใหม่ (ผมก็พึ่งทำงานได้ไม่กี่ปีเช่นกัน)
โดยปกติรถที่เลือกซื้อกันน่าจะมีมูลค่าประมาณ
600,000-700,000บาท
สมมติดาว 30% ก็ประมาณ 200,000บาท
จะต้องผ่อนอีกประมาณ 8,500 บาท/เดือน(6ปี 72งวด)
และจะมีค่าประกันรถที่ต้องจ่ายประจำ เฉลี่ยปีนึงประมาณ 15,000บาท ตกเดือนละ 1,250.-บาท/เดือน
ค่าน้ำมัน สมมติใช้สัปดาห์ละ500บาท เดือนละ 2,000.-บาท
ค่าเสื่อมซ่อมอะไรต่างๆ รวมถึงล้อรถ ตีกลมๆปีละ6,000.-บาท เดือนละ 500.- บาท (เป็นรถใหม่อาจจะซ่อมน้อยเลยเผื่อไว้ไม่เยอะ)
จากรายจ่ายข้างต้นสรุปเป็นค่าใช้จ่ายดังนี้
1.เงินดาวน์ 200,000บาท (จ่ายครั้งเดียว)
ค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายทุกเดือน
1.ค่าผ่อนรถ 8,500บาท
2.ค่าประกัน 1,250บาท
3.ค่าน้ำมัน 2,000บาท
4.ค่าเสื่อม 500 บาท
รวม 12,250บาท/เดือน ในระยะเวลา6ปี
เป็นค่าใช้จ่ายที่แลกกับการมีรถใช้ส่วนตัวกับความสะดวกสบาย
ผมให้มองอีกมุม
ถ้าเลือกที่จะไม่ซื้อรถละ แล้วลงทุนแทนจะเป็นยังไง
ด้วยสมมติฐาน
เงินต้น(แทนเงินดาวน์) 200,000บาท
เงินลงทุนเพิ่ม(แทนค่าผ่อน) 12,250บาท/เดือน
ระยะเวลา 7ปี
ผลตอบแทนที่คาดหวัง20% (จากการลงทุนหุ้นส่วนตัวคิดว่าปัจจุบันยังสามารถทำได้ถ้าขยันหน่อย)
จะเป็นภาพดังนี้
จะมีมูลค่าสินทรัพย์จากการลงทุน 2,338,758บาท ในระยะเวลา6ปี
ซึ่งต้องการให้เห็นค่าเสียโอกาสของการมีรถ กับอีกทางเลือกคือ เอาเงินที่จะซื้อรถไปลงทุน
รถอาจจะดีในแง่ความสะดวกสบาย แต่มูลค่าไม่ได้เพิ่มขึ้น และการลงทุนมูลค่าเพิ่มขึ้นแต่ก็ไม่ได้ความสะดวกสบาย
ต่างมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน ก็แล้วแต่ชอบ แล้วแต่แนวคิดแต่ละคน 😁
แต่ผมแค่ต้องการจะบอกว่าเราทุกคนมีศักยภาพมากกว่าที่คุณคิดครับ สามารถเก็บเงินล้านได้ก่อน30ปีแน่ๆ ครับถ้าตั้งใจและพยายามมากพอ เพราะขนาดรถยังออกได้ทำไม เก็บเงินลงทุนจะทำไม่ได้จริงไหมครับ เพราะเงินก็ใช้เงินเท่ากัน แค่มูลค่าในอนาคตแตกต่างกันแค่นั้นเอง 😁
ขอให้มีความสุขกับการลงทุนครับ
by StockAddict
โฆษณา