25 มี.ค. 2022 เวลา 02:50 • ธุรกิจ
ใครคือคนที่ทำให้ Porsche เริ่มผลิตรถ SUV
หากพูดถึงแบรนด์รถหรูอย่าง Porsche ภาพจำของใครหลายคน
ก็น่าจะเป็นแบรนด์รถสปอร์ต 2 ประตู หรือรถยนต์สปอร์ตรุ่นเรือธงรหัส “911”
3
รู้หรือไม่ว่าปัจจุบัน รายได้เกินกว่าครึ่งของ Porsche นั้น ไม่ได้มาจากรถสปอร์ต 2 ประตู
1
แต่มาจากโมเดลรถยนต์ในรุ่น SUV ทั้ง ๆ ที่ในวันแรกที่บริษัทประกาศว่าจะเริ่มผลิตนั้น กลับเต็มไปด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์ จากหลายฝ่ายว่าเอกลักษณ์ทั้งหมดของความเป็น Porsche จะหายไป
สำหรับผู้ที่อยู่เบื้องหลังการรุกเข้าสู่โมเดลรถยนต์ดังกล่าว ก็คือคุณ Wendelin Wiedeking
แล้วเขาคนนี้ คือใคร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
1
นับตั้งแต่บริษัท Daimler Motors และ Benz & Cie.
ได้ถูกก่อตั้งขึ้นในช่วงทศวรรษ 1880 หรือราว 142 ปีก่อน
จนในภายหลัง ทั้ง 2 บริษัทได้ควบรวมกันเป็น “Mercedes-Benz”
อุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศเยอรมนี ก็ได้เติบโต ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ซึ่งก็เรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์รถยนต์ชั้นนำ ที่ได้ทยอยเกิดขึ้นตามมาเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็น
- Horch ที่ได้ทำการเปลี่ยนชื่อมาเป็น Audi ในปี ค.ศ. 1910
- BMW ที่ถูกก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1917
1
รวมถึง Porsche ที่ถูกก่อตั้งโดยคุณ Ferdinand Porsche ในปี ค.ศ. 1931
1
ซึ่งเรื่องนี้ก็ได้จุดประกายความฝันของคุณ Wendelin เด็กหนุ่มคนหนึ่งจากเมือง Ahlen ประเทศเยอรมนี
ซึ่งวาดฝันไว้ว่าเมื่อโตขึ้น เขาอยากที่จะเข้าไปทำงานที่บริษัทรถยนต์เหล่านี้
คุณ Wendelin ได้เข้าเรียนในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัย RWTH Aachen
ที่ซึ่งเขาก็สามารถจบการศึกษาในระดับปริญญาเอกในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ได้
ด้วยวุฒิการศึกษาระดับปริญญาเอก ก็ได้ทำให้เขาสามารถเข้าทำงานในบริษัท Porsche AG ได้ตั้งแต่จบการศึกษา
แต่หลังจากที่เขาทำงานที่ Porsche AG ได้เพียง 5 ปี เขาก็ตัดสินใจลาออกจากบริษัท เพื่อออกไปหาประสบการณ์เกี่ยวกับการจัดการระบบซัปพลายเชนเพิ่มเติม
ในปี ค.ศ. 1988 คุณ Wendelin ได้ย้ายมาทำงานที่บริษัท Glyco AG ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์อย่าง Federal-Mogul ซึ่งที่นั่น เขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับการจัดการระบบซัปพลายเชน
และหลังจากสั่งสมประสบการณ์ได้ราว 3 ปี เขาได้ย้ายกลับมาทำงานที่ Porsche AG ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายผลิต
1
อย่างไรก็ตาม Porsche ในวันนั้นแตกต่างจากในวันนี้ โดยสิ้นเชิง
ที่บอกแบบนี้ก็เพราะว่า Porsche เป็นบริษัทที่เต็มไปด้วยปัญหาภายใน โดยส่วนใหญ่นั้น มีจุดเริ่มต้นมาจากแนวคิดดั้งเดิมขององค์กรที่ว่า “เราจะสร้างแต่รถสปอร์ต และถ้าเราสามารถสร้างรถที่ดีที่สุดได้ ลูกค้าก็จะเข้ามาซื้อรถของเราเอง”
1
ด้วยแนวคิดดังกล่าว ทำให้ Porsche โฟกัสเพียงแค่ว่าจะสร้างรถสปอร์ตให้ได้คุณภาพที่ดีที่สุด
ไม่ได้สนใจในด้านอื่น ๆ เลย ไม่แคร์ว่าต้นทุนจะมากขนาดไหน
รวมถึงไม่ได้สนใจด้วยว่า ความต้องการของผู้บริโภคและเศรษฐกิจเป็นอย่างไร
ซึ่งในช่วงเวลานั้น หรือในช่วงต้นทศวรรษ 1990 ก็ได้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา
เป็นประเทศที่เรียกได้ว่าเป็นตลาดหลักของ Porsche บริษัทจึงมีรายได้หายไปอย่างมหาศาล
จากที่เคยขายได้ 53,000 คัน ในปี ค.ศ. 1986
ลดลงเหลือไม่ถึง 14,000 คัน ในปี ค.ศ. 1993
ยอดขายรถยนต์ ลดลงไป มากถึง 74% ภายใน 7 ปี
1
ในขณะที่ Porsche กำลังย่ำแย่
ในทางกลับกัน บริษัทรถยนต์จากฝั่งญี่ปุ่น
ที่มีจุดเด่นคือ คุณภาพที่ดี ในราคาจับต้องได้ กลับมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว
จนในปี ค.ศ. 2000 ประเทศญี่ปุ่น ก็ได้กลายเป็นประเทศผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในโลก
พอเรื่องเป็นแบบนี้ ทำให้คุณ Wendelin ตัดสินใจบินไปที่ประเทศญี่ปุ่นอยู่หลายครั้ง เพื่อศึกษาถึงขั้นตอนและเทคนิคต่าง ๆ ในการผลิต
จนเขาพบว่า บริษัทรถยนต์ญี่ปุ่น สามารถผลิตรถยนต์ที่มีคุณภาพเทียบเท่ากับ Porsche ได้
โดยใช้เวลาในการผลิตน้อยกว่า ถึง 4 เท่า และที่สำคัญคือพวกเขามีต้นทุนในการผลิตต่ำกว่าถึง 3 เท่า
ทันทีหลังจากที่คุณ Wendelin กลับมาที่บริษัท เขาได้ประกาศว่า Porsche
จะต้องเพิ่มกำลังการผลิตให้ได้อีก 30% ภายใน 3 ปี
ด้วยความไฟแรงของเขา ซึ่งแตกต่างจากพนักงานคนอื่นในเวลานั้น
ที่ต่างหมดกำลังใจจากผลการดำเนินงานของบริษัท ที่ย่ำแย่ติดต่อกันมาหลายปี
เขาจึงกลายเป็นที่สะดุดตาของกลุ่มทายาทผู้ก่อตั้งบริษัท Porsche ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท ขณะนั้น
ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พวกเขา กำลังมองหาคนที่จะมาแทนที่คุณ Arno Bohn ซีอีโอของบริษัท ที่ทำผลงานได้อย่างย่ำแย่
ทั้งเรื่องต้นทุนที่บานปลายในการพัฒนารถ Porsche 989 ที่ไม่ประสบความสำเร็จ
รวมถึงซีอีโอคนนี้ ไม่ลงรอยกับคุณ Ferdinand Piech หนึ่งในคณะกรรมการของ Porsche
ด้วยเหตุนี้ตำแหน่งซีอีโอของ Porsche จึงกลายมาเป็นของคุณ Wendelin ในช่วงปลายปี ค.ศ. 1992
โดยในทันทีที่เขาขึ้นแท่นเป็นซีอีโอของ Porsche
สิ่งแรกที่คุณ Wendelin ทำในตอนนั้นคือ หยุดผลิตรถยนต์ รุ่นที่มีต้นทุนที่สูง อย่าง Porsche 928 และ Porsche 968 เหลือไว้เพียงรถสปอร์ตรุ่นเรือธงอย่าง Porsche 911
1
นอกจากนี้ คุณ Wendelin ยังได้ทำสิ่งที่แทบไม่มีใครคาดคิด โดยการจ้างบริษัทสัญชาติญี่ปุ่น
ที่ชื่อบริษัท “Shin-Gijutsu” เข้ามายกเครื่องโรงงานผลิตของ Porsche
1
Shin-Gijutsu มีจุดเด่นด้านการปรับปรุงขั้นตอนการผลิตให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
โดยมีผู้ก่อตั้งคือคุณ Yoshiki Iwata หนึ่งในอดีตพนักงานของบริษัท Toyota
แต่เหตุการณ์ดังกล่าว กลับสร้างความไม่พอใจให้กับทีมงานดั้งเดิมของบริษัทเป็นอย่างมาก เนื่องจากหลายฝ่ายยังคงมีความคิดที่ว่าบริษัทจากญี่ปุ่น ไม่มีทางมีระบบการผลิตที่ดีไปกว่าบริษัทเยอรมันอย่างแน่นอน
แต่เพียงไม่นาน ผลจากการปรับปรุงโครงสร้างและโรงงานผลิตก็เริ่มเห็นผล
จากที่ Porsche เคยผลิตได้เพียง 40 คันต่อวัน กลับเพิ่มเป็นผลิตได้ 80 คันต่อวัน
1
หลังจากแก้ปัญหาเรื่องระบบในการผลิตได้แล้ว คุณ Wendelin ก็เริ่มหันกลับมาโฟกัสที่ตัวผลิตภัณฑ์
โดยเขาได้ตัดสินใจ ประกาศพัฒนารถรุ่นใหม่ด้วยกัน 2 รุ่น
1
1. Boxster
รถสปอร์ต 2 ที่นั่ง ที่มีเครื่องยนต์แบบ Mid-Engine หรือรถยนต์ที่วางเครื่องยนต์ไว้ตรงกลางลำ
โดยรุ่นแรกของ Boxster ที่ออกมาคือ Porsche 986 ซึ่งได้ทำการเปิดตัวในปี ค.ศ. 1996
1
2. Cayenne
รถ SUV รุ่นแรกของ Porsche จากการประกาศแผนการพัฒนารถรุ่นใหม่ในครั้งนั้น ได้รับกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่ายว่าจะเป็นการทำให้ภาพลักษณ์ของความเป็นรถสปอร์ตหรูของ Porsche หายไป
3
แต่ไม่ว่าจะถูกคัดค้านมากเท่าไร
จากผลสำรวจที่คุณ Wendelin ได้เก็บมาจากลูกค้าของ Porsche หลายพันคน
เขาพบว่า 65% ของลูกค้าในแต่ละบ้าน จะมีรถอย่างน้อย 2 คัน และหนึ่งในนั้นคือรถ SUV
และด้วยข้อมูลตรงนี้ จึงทำให้เขายืนยันที่จะพัฒนารถ Cayenne ให้สำเร็จ
ในที่สุด บริษัทก็ได้คลอดรถยนต์ SUV ในรุ่น “Porsche Cayenne 955” ในปี ค.ศ. 2002
โดยเริ่มขายจากในประเทศเยอรมนีก่อน และหนึ่งปีให้หลังก็ได้เริ่มทำการวางขายในประเทศสหรัฐอเมริกา
1
เราลองมาดูกันว่า ผลประกอบการของ Porsche เป็นอย่างไร ?
หลังจากที่คุณ Wendelin เข้ารับตำแหน่งซีอีโอของ Porsche AG
ปี ค.ศ. 1994 Porsche มียอดขายรถยนต์เพิ่มขึ้น กลับมาแตะที่ 20,000 คัน
และแน่นอนว่ากว่า 80% ของยอดขายทั้งหมด มาจากโมเดลรุ่นบุกเบิกอย่าง Porsche 911
1
ซึ่งในปีเดียวกันนั้น บริษัทก็ยังสามารถพลิกกลับมาทำกำไรได้สำเร็จ และสามารถกลับมาสร้างการเติบโตได้
1
ทีนี้เราลองมาดูในช่วงปี ค.ศ. 2002 ถึง 2004
ซึ่งเป็นหลังจากที่ Porsche ทำการเปิดตัวรถ Cayenne ว่าเป็นอย่างไร ?
ปี ค.ศ. 2002 รายได้ 180,000 ล้านบาท กำไร 17,000 ล้านบาท
ปี ค.ศ. 2003 รายได้ 206,000 ล้านบาท กำไร 20,800 ล้านบาท
ปี ค.ศ. 2004 รายได้ 235,000 ล้านบาท กำไร 22,600 ล้านบาท
1
จะเห็นได้ว่าบริษัทมีการเติบโตอย่างสม่ำเสมอ และที่น่าสนใจคือในปี ค.ศ. 2004
1
บริษัทมียอดขายจากรถยนต์ รุ่น Cayenne มากถึง 39,913 คัน จากยอดขายทั้งหมด 76,827 คัน
คิดเป็น 52% จากยอดขายรถทั้งหมด หรือก็คือครึ่งหนึ่งของยอดขายทั้งบริษัทมาจากรถ Cayenne
ทั้ง ๆ ที่เพิ่งทำการวางขายได้เพียง 2 ปี
2
อย่างไรก็ตามหลังจากที่คุณ Wendelin Wiedeking เข้ามาพลิกฟื้นบริษัท Porsche AG ได้สำเร็จ
ในปี ค.ศ. 2009 เขาก็ได้ประกาศลงจากตำแหน่งซีอีโอ ซึ่งเป็นปีเดียวกันกับที่บริษัท Volkswagen ได้ประกาศเข้าซื้อหุ้นที่เหลืออยู่ทั้งหมดของ Porsche
ปัจจุบัน Porsche ได้กลายมาเป็นหนึ่งในแบรนด์รถสปอร์ตที่ดำเนินการภายใต้บริษัท Volkswagen
ซึ่งก็จะมีรถยนต์หลายรุ่น มากกว่ารถสปอร์ต 2 ประตู เพียงอย่างเดียว เช่น
1
- รถสปอร์ตทั้ง 2 และ 4 ประตู อย่างรุ่น 911, Boxster และ Panamera
- รถ SUV อย่าง Cayenne และ Macan
- รถสปอร์ตไฟฟ้า อย่าง Taycan
1
โดยในปีที่ผ่านมา Porsche มีรายได้ 1.2 ล้านล้านบาท มีกำไร 1.5 แสนล้านบาท
1
มียอดขายรถทั้งหมดจากทั่วโลกอยู่ที่ 301,915 คัน และแน่นอนว่าเป็นสัดส่วนจากโมเดล SUV ถึง 57%
เรื่องราวของ Porsche ก็ถือเป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาที่น่าสนใจ
เราจะเห็นได้ว่าในบางครั้ง เราไม่ควรที่จะยึดติดอยู่กับแนวคิดเดิม
หรือถ้าเรายังไม่ทันได้ศึกษาหาข้อมูล ก็อย่าเพิ่งด่วนสรุปและสร้างกรอบความคิดว่ามันจะไม่สำเร็จขึ้นมา
1
อย่างในกรณีของคุณ Wendelin ที่สำรวจลูกค้าเป็นพันราย
จนพบว่ากลุ่มรถยนต์ SUV นี่แหละ ที่จะเข้ามาสร้างการเติบโตให้กับบริษัทได้อีกครั้ง
รวมไปถึงการบินไปศึกษางานในต่างประเทศ และตัดสินใจว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญจากญี่ปุ่น
เพราะเห็นว่าพวกเขาสามารถเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้บริษัทได้
1
กลับกลายเป็นว่า 2 เรื่องดังกล่าว
ที่ในช่วงแรก เต็มไปด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในแง่ลบ
จะกลายมาเป็นส่วนประกอบสำคัญ ที่ได้ฟื้นคืนชีพให้ Porsche
ยังคงเป็นแบรนด์รถยนต์หรู ที่ไม่มีใครไม่รู้จัก ในทุกวันนี้..
1
โฆษณา