24 มี.ค. 2022 เวลา 15:10 • ความคิดเห็น
ยุคที่คนโม้เก่ง มโนเก่ง มั่วเก่ง ถือว่าเป็นคนเก่ง
11
Gartner Hype Cycle
ช่วงนี้พอได้ติดตามสื่อมากมาย เลยทำให้สังเกตปรากฏการณ์อย่างหนึ่งว่า คนที่ผมได้รู้จักด้วย และเป็นคนเก่ง กลับงำประกายของตัวเอง ไม่พูดมาก
7
แต่คนที่รู้เรื่องน้อยกว่า ไม่เข้าใจเรื่องนั้น ๆ อย่างแท้จริง กลับได้พื้นที่สื่อมากมาย มีคนขอสัมภาษณ์มากมาย และกลายเป็นว่าสามารถให้ความเห็นได้ในทุก ๆ เรื่อง (อาจจะรวมตัวผมเองด้วย)
18
พอมานั่งคิดว่าทำไม สาเหตุมีด้วยกันหลายประการมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเพราะ
3
👉 สื่อ
2
สื่อปัจจุบันนี้ได้ลดความสำคัญของผู้เชี่ยวชาญในแต่ละเรื่องลง เพราะสื่อต้องสามารถแข่งขันได้ท่ามกลางรายได้ที่ลดลง ทำให้สื่อบางส่วนไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องนั้นอย่างแท้จริง เวลาหาคนมาออกสื่อ ก็จะเลือกคนที่ดัง หรือดูเหมือนมีความรู้ในเรื่องนั้น ๆ ที่เห็นผ่านตาจากสื่ออื่น ๆ ก่อนหน้านั้น
14
หากมีความรู้จริง แต่ก็อาจจะไม่ได้เชิญคนที่มีความรู้จริงมาพูดก็เป็นได้ เพราะคนที่รู้จริง อาจจะไม่ได้พูดสิ่งที่คนฟังอยากฟัง ไปเอาคนที่รู้ไม่จริง แต่พูดสิ่งที่คนอยากฟังอาจจะดีกว่า เพราะจะทำให้คนดูมาก ได้เรทติ้งดี
12
นอกจากนี้ สื่อรุ่นใหม่ที่มีการจ่ายผลตอบแทน โดยอิงกับจำนวนผู้ชมเป็นหลัก เช่น facebook, youtube ทำให้สื่อต้องพยายามหาเนื้อหาที่ผู้ชมจะสนใจกดเข้ามารับฟัง (pull) เพื่อแสวงหารายได้สูงสุด ไม่เหมือนในอดีตที่สื่อทำหน้าที่ผลิตและกระจายสื่อให้ผู้ฟัง (push)
15
👉 ผู้ฟัง
ในยุคเดิมก่อนที่จะมีอินเตอร์เน็ต การสื่อสารจากสื่อทั้งหลายส่วนใหญ่เป็นการสื่อสารทางเดียว และคนมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่ช้า ใครที่ดูหรือฟังสื่อใด ก็มักจะติดกับสื่อนั้น (stickyness) จะเปลี่ยนไปหาสื่ออื่น ก็มักจะใช้เวลาพอสมควร ทำให้สื่อไม่จำเป็นต้องเลือกนำเสนอสิ่งที่ดึงดูดผู้ฟังทุกเรื่อง
5
การที่ผู้ฟังไม่ได้มีความรู้ลึกซึ้งในเรื่องที่สนใจ เพียงฟังนิดหน่อย อ่านบทความ 8 บรรทัด ก็รู้สึกว่าตัวเองรู้เรื่องเยอะแล้ว เวลาไปฟังใครพูดเรื่องที่น่าสนใจ ก็จะรู้สึกว่าคนนั้นเก่ง โดยไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าเรื่องนั้นจริงหรือไม่
10
และพอฟังแล้วรู้สึกว่ามันดี ก็จะแชร์เรื่องราว บทความ เนื้อหา เหล่านั้นให้เพื่อน ญาติ คนรู้จักต่อทันที
2
พอผู้ฟังเป็นแบบนี้ เลยทำให้เรื่องที่ถูกต้อง กลายเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญ และได้รับความสนใจน้อยกว่าเรื่องที่ดูน่าตื่นเต้น เรื่องเหลือเชื่อมาก
4
ตัวอย่างที่ดีที่สุด คงหนีไม่พ้น "เฟคนิวส์" ข่าวปลอมที่ฟังดูแล้วเหลือเชื่อ แทบเป็นไปไม่ได้ หรือขัดแย้งกับความเป็นจริง ผู้ฟังจะรู้สึกทึ่ง และอยากบอกให้คนอื่นรับรู้ ทั้ง ๆ ที่เรื่องราวเหล่านั้น หากใช้วิจารณญาณอย่างลึกซึ้ง จะทราบว่ามันไม่น่าจะจริงเลย
7
👉 ผู้พูด
2
ผู้รู้จริงหลาย ๆ คน ประสบความสำเร็จอยู่แล้ว เขาเหล่านี้ไม่ได้จำเป็นต้องพยายามหาพื้นที่สื่อ เพื่ออวดอ้างความสำเร็จของตน
7
คนที่พยายามอวดอุตริมนุษยธรรม หรืออวดอ้างของที่ไม่มีอยู่ในตน กลับพยายามอย่างมากที่จะสร้างภาพความสำเร็จ ภาพของความเก่งกาจ ผ่านเครื่องมือสื่อ
6
และพอได้มีโอกาสได้พูด ได้ถ่ายทอดอะไร ที่ฟังดูเท่ ทึ่ง อึ้ง เสียว และสามารถสะกดจิตสะกดใจคนดูได้ ผู้พูดจะได้รับความความสนใจจากสื่อ และผู้ฟัง จนมีคนขอให้มาพูดอีก กลายเป็นคำทำนายด้วยตนเอง (self fullfilling prophecy)
2
นอกจากนี้ ด้วยการที่เขาเหล่านี้ไม่รู้จริง เขาจึงกล้าที่จะพูดสิ่งที่ไม่จริง อยากจะพูดอะไรก็พูด ยิ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี โลกอนาคต ยิ่งพูดให้มันเหนือจริง ให้มันเป็นเรื่องเพ้อฝัน เป็นเรื่องจินตนาการ คนฟังจะยิ่งรู้สึกว่า คนพูดช่างมีวิสัยทัศน์ มองเห็นโลกอนาคต
7
แต่อย่างที่เราเห็นมานานแล้วว่า โลกที่เป็นอยู่ในแต่ละวันนี้ ไม่ได้น่าทึ่ง ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเร็วอย่างที่คนเหล่านั้นอวดอ้างเลย โลกเปลี่ยนไปอย่างช้า ๆ อย่างต่อเนื่องมากกว่า ไม่ได้มีสิ่งหนึ่งอย่างที่เปลี่ยนแปลงโลกอย่างสิ้นเชิง และทันที
4
Bill Gates อดีตผู้ก่อตั้งบริษัท Microsoft ก็ค้นพบสิ่งนี้เช่นกัน และได้กล่าวไว้ในทำนองว่า (เพราะน่าจะมีคนคิดอย่างนี้เหมือนกันมาก่อนหน้าแล้ว แต่ไม่รู้ว่าใครบ้าง)
4
“Most people overestimate what they can achieve in a year and underestimate what they can achieve in ten years.”
4
คนเก่งจริงที่เข้าใจหลักการ เหตุผล จึงสามารถวิเคราะห์ความเปลี่ยนแปลงในโลกอนาคตได้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากกว่า แต่สังคมกลับด้อยค่าความรู้และประสบการณ์ของคนเหล่านี้ เวลาได้ยินคนเหล่านี้พูด กลับคิดว่าคนเหล่านี้คร่ำครึ เป็นไดโนเสาร์ที่ติดอยู่ในโลกเก่า ไม่เข้าใจอนาคตเสียเลย
8
จริงอยู่ โลกเราควรจะให้ค่ากับนวัติกรรม กับวิสัยทัศน์ กับจินตนาการ แต่เราไม่ควรเลยเถิด จนกระทั่งเรามาบอกว่า Cryptocurrency, Metaverse, NFT, Web 3.0 จะเปลี่ยนโน่นนี่นั่น จะเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง จะทำให้เราไม่ต้องทำงานก็มีกินมีใช้ จนความรู้ ความจริง ความสามารถไม่สำคัญ
6
จะมีสักวันไหนนะ ที่สังคมจะเข้าใจประเด็นเหล่านี้ และเลิกที่จะเพ้อฝันกับเรื่องราวต่าง ๆ จนเกินเลย และเลิกให้ค่ากับคนที่ขี้โม้ คนช่างมโน และคนช่างมั่วสักที
5
โฆษณา