25 มี.ค. 2022 เวลา 10:54 • ข่าวรอบโลก
ระหว่างที่ประธานาธิบดีไบเดนกำลังตอบคำถามที่กรุงบรัสเซลส์ นักข่าวได้ถามไบเดนว่า ถ้าหากรัสเซียใช้อาวุธเคมีในยูเครน จะมีการตอบโต้โดยนาโต้หรือไม่
ไบเดนตอบว่า "จะมีการตอบโต้แน่นอน แต่หากถามว่า นาโต้จะตอบโต้ด้วยการข้ามพรมแดน [เข้าไปในยูเครน] หรือไม่ ก็เป็นสิ่งที่ต้องตัดสินใจอีกที"
การตอบคำถามเช่นนี้ของไบเดน คงทำให้ผู้ที่ติดตามการเมืองอเมริกามาหลายปีอดนึกถึงเรื่อง "Red line" ของอดีตประธานาธิบดีโอบาม่าในปี 2012 ไม่ได้
ในปีนั้น เมื่อโอบาม่าถูกถามว่า จะมีสถานการณ์อะไรที่จะทำให้อเมริกานำกำลังทหารเข้าไปแทรกแซงในซีเรีย โอบาม่าตอบว่า การใช้อาวุธเคมีคือเส้นแดงที่เขาได้สื่อสารไปอย่างชัดเจนกับผู้นำซีเรีย
อย่างไรก็ตาม เมื่อสหรัฐฯ พบว่า มีการใช้อาวุธเคมีในซีเรียจริง ๆ โอบาม่ากลับลังเลที่จะส่งทหารอเมริกันเข้าไปในซีเรีย โดยนาย Ben Rhodes ที่ปรึกษาของโอบาม่า ได้เขียนในภายหลังว่า โอบาม่าพูดว่า ตั้งแต่เหตุการณ์ 9/11 อเมริกาได้ทำสงครามมาตลอด และประธานาธิบดีไม่ควรมีอำนาจแต่เพียงผู้เดียวที่จะตัดสินใจให้อเมริกาอยู่ในภาวะเช่นนี้ตลอดกาล
โอบาม่าจึงสรุปว่า "มันง่ายเกินไปที่ประธานาธิบดีจะทำสงคราม" และตัดสินใจที่จะขออนุญาตคองเกรสก่อนที่จะมีการส่งทหารอเมริกันรบที่ซีเรีย แต่สุดท้ายแล้ว ก็ไม่เคยมีการโหวตเรื่องนี้ในสภาคองเกรส การตัดสินใจของโอบาม่าครั้งนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่าทำให้อเมริกาดูอ่อนแอ เพราะโอบาม่าไม่ยอมทำตามเส้นแดงที่ตนขีดไว้เอง
ต่อมา เมื่อมีการใช้อาวุธเคมีที่ซีเรียในปี 2017 ทรัมป์ก็ได้ตอบโต้ด้วยการสั่งให้ยิงขีปนาวุธไปทำลายเป้าหมายในซีเรียทันที
ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่า การที่ไบเดนเลือกที่จะส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า นาโต้จะตอบโต้ถ้าปูตินใช้อาวุธนิวเคลียร์ในยูเครน เป็นการเดิมพันทางการเมืองที่เสี่ยง เพราะไบเดนเองคงต้องการรักษาภาพพจน์ของผู้นำที่แข็งแกร่งที่เขาสร้างขึ้นในช่วงวิกฤติการณ์ยูเครน หลังจากที่เขาถูกโจมตีอย่างหนักในช่วงที่อเมริกาถอนทหารจากอัฟกานิสถาน
แต่ในขณะเดียวกัน ไบเดนก็ได้ยืนยันก่อนหน้านี้ว่าเขาไม่ต้องการที่จะส่งกองกำลังนาโต้ไปรบที่ยูเครน เพราะการทำเช่นนั้นจะเป็นชนวนให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 อย่างแน่นอน
[ติดตามข่าวและประวัติศาสตร์การเมืองอเมริกา กับเพจ 'รัฐศาสตร์สหรัฐ': https://www.blockdit.com/americanpoliticsinthai]
โฆษณา