27 มี.ค. 2022 เวลา 13:00 • อาหาร
"โซจู" (Soju /소주) เป็นสุรากลั่นของเกาหลีและญี่ปุ่น โดยเฉพาะในเกาหลี โซจูถือเป็นหนึ่งใน “วัฒนธรรมและวิถีชีวิต” ของ "ชาวเกาหลี" และเป็น “เครื่องดื่มประจำชาติ”
โดย: ธวัชชัย เทพพิทักษ์
เกาหลีใต้เป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศที่โฆษณาแอลกอฮอล์กันเป็นปกติ นอกเหนือจาก สหรัฐ, สหราชอาณาจักร และญี่ปุ่น โดยเฉพาะเกาหลีใต้นั้น มีการนำเซเลบมาโฆษณาเหล้า เบียร์ และโซจู กันเป็นปกติ เช่น โซจู ยี่ห้อ จินโร รุ่น ชามิซุล (Jinro Chamisul) จ้างศิลปินดังอย่าง IU และนักแสดงดัง ซง เฮ เคียว จากเรื่อง Full House เป็นพรีเซ็นเตอร์ โดยในโฆษณาทุกคนต่างยกแก้วดื่มโซจู กันอย่างสนุกสนาน โดยไม่มีการเบลอขวดหรือแก้วโซจูเหมือนในบ้านเรา
1
ที่เห็นบ่อยคือใน ซีรีส์เกาหลี ถ้ามีฉากในร้านอาหาร จะต้องมีขวดเครื่องดื่มสีเขียวขนาดเล็กอยู่ด้วย เป็นการโปรโมทที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก
เป็นเรื่องที่เมืองไทยเสียโอกาสและพลาดไปอย่างมาก โดยเฉพาะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของไทยมีเอกลักษณ์ที่คนไทยสามารถทำได้ไม่แพ้ชาติใดในโลก เพียงที่ผ่านมาถูกปิดกั้นด้วยคำกล่าวอ้างด้านศีลธรรม
2
พิสูจน์ได้จากข้อมูลของนิตยสาร IWSR Drinks Market Analysis ในเรื่อง 100 อันดับเหล้าที่ขายดีทั่วโลก (Top 100 Spirits Brands Worldwide ) หลังสิ้นสุดปี 2017 เป็นต้นมา ปรากฏว่าสุรากลั่นที่ขายดีที่สุดในโลกคือ โซจู ยี่ห้อ “จินโร” (Jinro) ในบ้านเราก็มีขาย รองลงมาคือสุราของ รวงข้าว ของไทยนี่เอง
2
ชื่อโซจูเขียนด้วยอักษรจีนว่า 燒酒 ความหมายตามตัวอักษรคือ ของเหลวที่ได้จากการเผาไหม้ เดิมเรียกว่า อารักจู (아락주) ซึ่งมาจากชื่อ "อารัก" (Arak / Aragh) เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดหนึ่งของดินแดนตะวันออกกลาง ชาวเกาหลีเรียนรู้วิธีการกลั่นอารักจู จากชาวมองโกลในยุคที่ถูกมองโกลรุกรานมาครอบครองในศตวรรษที่ 13 และชาวมองโกลก็เรียนรู้การกลั่นเหล้าจากชาวเปอร์เซียอีกทอดหนึ่ง
4
ในอดีตการกลั่นอารักจูจะมีเฉพาะที่เมืองเคซอง (ปัจจุบันอยู่ในเกาหลีเหนือ) ก่อนจะแพร่หลายไปยังเมืองต่าง ๆ แต่จะมีเพียงพระราชาและชนชั้นสูงที่ได้ลิ้มรส ต่อมาชาวบ้านได้เรียนวิธีรู้การกลั่นเหล้า โซจูจึงกลายเป็นเครื่องดื่มของคนทุกชนชั้นอย่างในปัจจุบัน
สมัยก่อน โซจู (Soju) เป็นเหล้าพื้นบ้าน ชาวบ้านสามารถทำดื่มเองในบ้านได้อย่างอิสระ แต่ละครอบครัว แต่ละหมู่บ้าน แต่ละถิ่นก็จะมีสูตรของตัวเอง
จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นเมื่อเกาหลีตกอยู่ใต้การปกครองของญี่ปุ่นช่วงปี ค.ศ.1910-1945 มีการจัดเก็บภาษีสุรา กำหนดขั้นต่ำในการผลิต การต้มเหล้าดื่มเองเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ชาวบ้านก็เลยไม่มีใครกล้าทำ
โซจู สามารถผลิตจากธัญพืชหลายชนิด เช่น มันเทศ ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ น้ำตาล มอลลาส และเกาลัด เป็นต้น โดยวัตถุดิบต่างกันก็จะให้รสชาติที่แตกต่างกันด้วย
1
ต้นสายปลายเหตุมาจากหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 เกาหลีประสบปัญหาการขาดแคลนข้าว ปี 1965 รัฐบาลจึงออกกฎหมายห้ามนำข้าวมากลั่นเป็นเหล้า
จากข้อห้ามดังกล่าวทำให้เดิมที่ใช้ข้าว จึงต้องหันมาใช้วัตถุดิบอย่างอื่นในการทำโซจู โดยการใช้แอลกอฮอล์สูงจากมันเทศ มันสำปะหลัง นำมาเจือจางกับน้ำแล้วเพิ่มความหวานเข้าไป ประกอบกับหัวเชื้อแอลกอฮอล์เป็นสินค้าควบคุม จึงต้องมีการเจือจางกับน้ำมากขึ้นเพื่อให้ผลผลิตเยอะ ๆ และราคาถูก เป็นเหตุผลที่เปอร์เซนต์แอลกอฮอล์ต่ำลง
การกลั่นโซจู มี 2 วิธี คือวิธีดั้งเดิมเรียกว่า โอตซุ รุย (Otsu-Rui) แปลว่า “ของแท้” ที่ใช้กันมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 เป็นการกลั่นทับเดียว (Pot Still) และต้องผลิตจากวัตถุดิบชนิดเดียว จะได้โซจูที่แสดงแคแรกเตอร์ของวัตถุดิบชัดเจน แอลกอฮอล์ประมาณ 30-40% การกลั่นแบบ Pot Still นั้นนิยมใช้ซิงเกิ้ล มอลต์ วิสกี้ (Single Malt Whisky) ของสก็อตแลนด์ และคอนญัค (Cognag) ของฝรั่งเศส
อีกวิธีหนึ่งเรียกว่า โคอุ รุย (Kou-Rui) เป็นการกลั่นหลายทับ หรือการกลั่นแบบต่อเนื่อง (Column Still) จะได้เหล้าที่มีแอลกอฮอล์สูง อาจจะถึง 96 % และทำให้แคแรกเตอร์ของวัตถุดิบหายไป การใช้วัตถุดิบหลายชนิดปนกัน เริ่มใช้กันประมาณปี 1911 เป็นต้นมา การกลั่นแบบนี้ที่ใช้กันคือ วอดก้า (Vodka) และจิน (Gin) เป็นต้น
ก่อนปี 1965 โซจูที่วางขายทั่วไปมีแอลกอฮอล์ประมาณ 35% ปัจจุบันอยู่ที่ 17-20% ขณะที่ขวดเดิมบรรจุชวดสีเขียวจนกลายเป็นภาพลักษณ์ ปัจจุบันมีทั้งสีเขียว สีชา สีขาว สีดำ และกระป๋อง
1
รวมทั้งรสชาติที่หลากหลาย ขณะที่การดื่มดั้งเดิมเทใส่แก้วเป๊กแล้วกระดกรวดเดียวหมดแก้ว ปัจจุบันดื่มจากขวดหรือกระป๋องได้ทันที
แม้ทุกวันนี้จะมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นานาชนิดจากนานาชาติอยู่ในตลาดเกาหลี แต่ยากที่จะเจือจาง โซจู ในสายเลือดของชาวเกาหลี
#กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
โฆษณา