เพชรฆาตหน้าหยกลุยยุโรป
โดย #มิสมาต้า
คอบอลรุ่นเก่า และ แฟนคลับของ ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ล้วนทราบกันดีว่า กองหน้าดาราเอเชียผู้นี้เกือบที่จะได้ไปเล่นที่ จูปิแลร์ โปรลีก เบลเยียม กับ สโมสรอันเดอร์เลชท์ ยักษ์ใหญ่ของเบลเยียม
เพียงแต่การตัดสินใจเพียงครั้งเดียวในยุคที่การสื่อสารในยุคนั้นของบ้านเรามีเพียงจดหมาย กับ โทรศัพท์ กับความเป็นนักฟุตบอลประเภทศิลปิน จึงทำให้กองหน้าที่เก่งที่สุดเท่าที่ประเทศนี้เคยมีมา เลือกที่จะไม่ไปตามนัดที่สนามบินดอนเมือง
เขาเลือกปฏิเสธค่าจ้าง 200,000 บาท/สัปดาห์ ที่ถือว่ามหาศาลมากๆ ในยุคปี 1987 ทั้งที่ตกลงทางวาจากับทีมเจรจาของอันเดอร์เลชท์ไปแล้ว แต่กลับเลือกที่จะใช้ชีวิตที่บ้านเกิดอย่างที่เขาโหยหา
แน่นอนว่า ปิยะพงษ์ จะไม่เลือกตัดสินใจแบบเดิม หากว่ามีโอกาสดีๆ แบบนี้เป็นครั้งที่สองตามคำบอกเล่าของเจ้าตัวเอง แต่โอกาสใหญ่สำหรับบางคนนั้นมีมาเพียงครั้งเดียวแล้วก็ไม่เคยย้อนกลับมาให้ได้แก้ตัวอีกเลย
อันเดอร์เลชท์จึงไม่เคยส่งใครมาตามหาเขาอีกเป็นครั้งที่สอง
::
แม้ว่าในโลกแห่งความเป็นจริงจะไม่มีคำว่า "ถ้า"
แต่มันน่าสนใจตรงที่ว่า ถ้า ในตอนนั้น ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน มีเอเยนต์เป็นของตัวเองแบบนักเตะระดับอาชีพของยุโรปมี ซึ่งเอาแค่เอเยนต์คนนั้นมีฝีปากในการเจรจาเพียงแค่ 30% ของคนอย่าง จอร์จ เมนเดส , เคีย ชูรับเชียน หรือแม้กระทั่ง มิโน ไรโอลา
คนพวกนี้จะสามารถพาเขาไปถึงจุดไหน
หรือ คิดกันเล่นๆ ว่าถ้ามีล่ามชาวไทยสักคนที่มีใจรักฟุตบอล และ มองเห็นช่องทางหาเงินด้วยการค้ามนุษย์ฟุตบอล คนพวกนี้ก็อาจจะหาอาชีพนายหน้าให้ ปิยะพงษ์ เป็นงานหลักงานที่สองก็เป็นได้
แม้เราจะดูว่าผลงานของทีมชาติเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น หรือ ชาติชั้นนำของเอเชียในสมัยนั้น จะเสียเปรียบทั้งสภาพความแข็งแกร่ง ความรวดเร็ว และ วิทยาศาสตร์การกีฬา เมื่อเทียบกับชาติยักษ์ใหญ่ของโลกในเวลานั้น
แต่ถ้าเราคิดกันว่า ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน คือดาวเตะพรสวรรค์ระดับทวีป ก็เป็นไปได้ว่าเขาจะสามารถปรับตัวกับรูปแบบการฝึกซ้อมอันทันสมัย และ รูปแบบการใช้ชีวิตในวัฒนธรรมใหม่ เหมือนกับที่เคยทำได้ในคราวที่ไปเล่นที่เกาหลีใต้ จนกลายเป็นนักเตะระดับท็อปของลีกเกาหลีใต้ได้สบาย
"พรสวรรค์จะไร้ค่าถ้าไม่ฝึกหนัก" ตามคำกล่าวของ คริสเตียโน โรนัลโด อาจกลายเป็นทิศทางอาชีพของเขาได้เช่นกัน
ซึ่งถ้าทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดีตามนั้น ปิยะพงษ์เวอร์ชันปรับตัวได้ ก็จะมีสภาพร่างกายที่ดีขึ้น จนนำมาหลอมเข้ากับพรสวรรค์ที่มีมาแต่กำเนิดได้ลงตัว บางที อันเดอร์เลชท์ และ จูปิแลร์ โปรลีก อาจจะเล็กไปสำหรับเขา จนไปสะดุดตาทีมขนาดกลางในลีกที่คุณภาพสูงขึ้น
แต่ถึงแม้คำว่าถ้าที่เป็นจริง จะส่งผลให้การไปยุโรปของเขาล้มเหลวโดนสิ้นเชิง แต่สิ่งที่ได้จากที่เบลเยียมก็จะติดตัวเขากลับไปด้วยรูปแบบของกล้ามเนื้อ มุมมองชีวิต และ การไม่มีอะไรติดค้างในใจ
สุดท้ายก็อย่างที่ทราบกันว่า คำว่าถ้าไม่เคยมีจริง คนรุ่นนี้อย่างผู้เขียน จึงทำได้เพียงแค่คิดถึงภาพ ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ในสีเสื้อทีมขวัญใจของเขา ก็ฟินจะแย่แล้ว
#PlayNowThailand #khelnow #football
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
