บทบาท FBI ของอเมริกา ในช่วง สงครามโลกครั้งที่ 2
ย้อนหลัง ไปเมื่อปี ค.ศ. 1930 หน่วยงาน เอฟบีไอ ( FBI :Federal Bureau of Investigation ) ได้มีการปฏิรูปครั้งใหญ่ เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง และความสามารถให้มากขึ้นกว่าเดิม เพราะโลกกําลังเข้าสู่สงคราม มีความกังวลด้านความมั่นคงของชาติ ทำให้ต้องโฟกัสใหม่ และปรับโครงสร้างการดําเนินงานอีกครั้ง ศัตรูที่ร้ายกาจนั้นมาจากแดนไกลเป็นหลัก พวกเขาเป็นเผด็จการฟาสซิสต์ที่ก้าวร้าว มีทหารคลั่งไคล้ในระบบคอมมิวนิสต์ มีรูปแบบการปฏิวัติ พร้อมสายลับผู้ก่อวินาศกรรม และตัวแทนการล้มล้าง ซึ่งพยายามรุกรานแทรกซึม และบุกรุกดินแดนหลายพื้นที่ ถือเป็นภัยคุกคามต่อประชาชนในระบบอบประชาธิปไตย
เหมือนเป็นความโดดเดี่ยวของอเมริกา แม้อยู่ห่างจากยุโรปที่มีความขัดแย้งกันทั้งฝ่ายซ้ายที่เน้นเสรีนิยม กับฝ่ายขวาที่มีความชาตินิยม จนทำให้เกิดฝ่ายขวาจัดอย่างนาซีของเยอรมัน นำโดย อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ กับ ลัทธิฟาสซิสต์ของเบนิโต มุสโสลินี ของอิตาลี ซึ่งมีการแทรกซึมเข้ามาในอเมริกา และผู้คนเริ่มหลงใหลเพิ่มขึ้น จนประมาณคนได้เกือบ 1 ล้านคนในไม่ช้า เช่นนั้น ประธานาธิบดีรูสเวลต์ จึงกังวลว่า กลุ่มเหล่านี้ต้องการคว่ำประชาธิปไตยของคนในชาติ เขาได้ให้ FBI ทำการตรวจสอบ และรวบรวมข่าวกรองทั้งหมด ในปี 1934
มาในปี ค.ศ.1939 ถือเป็น จุดเปลี่ยน แห่งมหันตภัย เมื่อ ฮิตเลอร์ เหลิงอํานาจมากขึ้น ได้เข้าควบคุมเยอรมนีทั้งหมด เขาตั้งใจจะสร้างเป็นจักรวรรดิออสเตรีย เชโกสโลวาเกีย ซึ่งเป็นภูมิภาคที่พูดภาษาเยอรมันได้ แม้ทั้งอังกฤษและฝรั่งเศส พยายามจะปลอบประโลม เพื่อหวังที่จะลดความสูญเสีย แต่ก็ยังคงบุกยึดโปแลนด์ จนต้องประกาศสงครามกับเยอรมนี เมื่อวันที่ 3 กันยายน 1939
ทางฟากฝั่งตะวันออกไกล ญี่ปุ่นก็สร้างคลื่นทหารเช่นกัน เข้ารุกรานแมนจูเรียของจีนในปี ค.ศ. 1937 ยึดเมืองหลวงที่อยู่ทางตอนเหนือ เริ่มควบคุมพื้นที่ชายฝั่งทะเล และเกาะใกล้เคียงต่างๆ ของคาบสมุมรแปซิฟิก โดยเข้าร่วมอย่างเป็นทางการกับเยอรมนี และอิตาลี เพื่อสร้างอํานาจร่วมกันเมื่อเดือนกันยายน 1940 จนมาถึงวันที่ 7 ธันวาคม ค.ศ. 1941 ญี่ปุ่นได้จมเรือปืนใหญ่ของอเมริกัน ที่อ่าวเพิร์ลในหมู่เกาะฮาวาย ซึ่งทำให้อเมริกาเข้าร่วมสงครามทันที
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ก่อนหน้านั้น การจารกรรมข้อมูลของนาซี บนผืนดินของอเมริกา ได้กลายเป็นภัยคุกคามที่แท้จริง อาวุธข่าวกรองในกองทัพบก และกองทัพเรือ โดย FBI ได้สังเกตุเห็นกิจกรรมที่เพิ่มขึ้นของสายลับเยอรมันและญี่ปุ่น โดยเริ่มดำเนินการขัดขวาง ตอบโต้ จนได้รับเบาะแสที่สำคัญ และค้นพบสายลับจำนวน 50 คนในที่สุด นั่นมาจาก การก่อตั้ง " หน่วยสืบราชการลับพิเศษ " ตามคำสั่งจากประธานาธิบดีรูสเวลต์ โดยตรง
เมื่อความสงบสุข และปลอดภัยไม่จีรังยั่งยืน นับจากยุติสงครามโลกครั้งที่ 1 เป็นต้นมา ชาวเยอรมันกว่าครึ่งล้านคน ที่รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมจากผลลัพธ์ในครั้งนั้น ต่างลี้ภัยเพื่อตั้งรกรากใหม่ ไปยังทวีปอเมริกา โดยเข้าไปถึงอเมริกาใต้ ที่บราซิล และอาร์เจนติน่า ทำให้ ภารกิจของ FBI มีบทบาทมากขึ้น ในการค้นหากลุ่มนาซี ที่ปะปนอยู่ด้วย โดยการปลอมตัวเป็นสายลับนอกเครื่องแบบจำนวน 340 คน แฝงตัวเข้าไปอยู่ในกลุ่มที่เกี่ยวข้องของแต่ละประเทศ จนมาถึงปี 1946 ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง ไม่ถึงปี สามารถจับสายลับนาซีได้ 887 คน ในจำนวนนี้ เป็น ผู้โฆษณาชวนเชื่อ 281 คน , ผู้ก่อวินาศกรรม 30 คน, และหน้าที่อย่างอื่นอีก 97 คน. โดยตรวจพบว่าเป็นสถานีวิทยุสายลับ 24 แห่ง และได้ยึดเครื่องส่งสัญญาณวิทยุ 40 เครื่อง และตัวรับสัญญาณอีก 18 ตัว
กรณีตัวอย่างเรื่องหนึ่ง ของ " ตุ๊กตาลับ "
เกิดขึ้นในช่วงต้นปี 1942 พบว่ามีการส่งพัสดุไปรษณีย์ 5 ฉบับ จากคน 5 คน ที่อยู่สถานที่ต่าง ๆ ไม่ซ้ำกัน ในสหรัฐอเมริกา ไปยัง บุคคลคนเดียวกัน ที่อยู่ในกรุงบัวโนสไอเรส-อาร์เจนตินา และยิ่งแปลกไปกว่านั้นตือ พัสดุทั้งหมด ถูกตีกลับ ไปยัง ที่อยู่จริงของคนอเมริกันที่เป็นผู้ส่ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็น ผู้หญิงในรัฐโอเรกอน ,โอไฮโอ ,โคโลราโด และวอชิงตัน แต่พวกเธอเหล่านั้นตอบว่า ไม่ได้เป็นผู้ส่งพัสดุตั้งแต่แรก และไม่รู้เรื่องอะไรเลย จากการสืบสวนของ FBI พบว่า ในตุ๊กตามี รหัสลับ ที่ระบุข้อมูลสำคัญของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา ทั้งหมดมีลายเซ็นปลอม เพราะ เป็นลักษณะเกิดจากการพิมพ์ที่ถูกพิมพ์โดยบุคคลเดียวกัน ในเครื่องพิมพ์ดีดที่แตกต่างกัน
นอกจากนี้แล้ว การเข้ามายังสหรัฐแบบไม่ถูกกฎระเบียบ ของกลุ่มชาวอิตาลี และญี่ปุ่นรวมกันมากกว่า 3,800 คน ได้ถูกควบคุมตัว และได้ส่งตัวกลับคืน ภายในเวลา 3 วัน ส่วนก่อนหน้านี้ จำนวน 120,000 คนที่ได้เป็นพลเมืองสหรัฐอเมริกาแล้ว จะได้รับการควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษ
- 7
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
