29 มี.ค. 2022 เวลา 13:01 • ประวัติศาสตร์
รีวิวหนังสือ  : Russia (รัสเซีย จักรวรรดิพันปีที่ยิ่งใหญ่) : รศ.ผุสดี จันทวิมล (อ่านจบ 23 มี.ค. 65) (528 หน้า) (สำนักพิมพ์ GYPZY : 2564)
“ยูโรปก็ไม่ใช่ ตะวันออกกลางก็ไม่เชิง เอชียเลยก็ไม่เฉี่ยว รัสเซียก็คือรัสเซีย ก้าวหน้าพร้อมกับล้าหลังไปในเวลาเดียวกัน”
หยิบเอาเล่มนี้มาอ่านเนื่องจากช่วงนี้สนใจเรื่องความขัดแย้งระหว่างรัซเซีย-ยูเครน ที่ก่อตัวขึ้นมาเป็นสงคราม ทีแรกอยากอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับยูเครนโดยเฉพาะไปเลย แต่ในเมื่อค้นที่บ้านและหาตามร้านหนังสือแล้วดูมีแค่เล่มนี้ที่น่าจะเกี่ยวข้องที่สุด ก็ตัดสินใจอ่านเล่มนี้เลยแล้วกัน
ถึงเนื้อหาจะไม่ได้ช่วยไขกระจ่างให้เข้าใจเรื่องปมขัดแย้งระหว่างสองประเทศนี้โดยตรงเท่าไหร่ เข้าใจบริบทขึ้นมาได้บ้างในทางอ้อมมากๆ (เรียกว่าไม่ช่วยให้เข้าใจเพิ่มขึ้นดีกว่า) แต่ก็ช่วยให้เข้าใจประวัติความเป็นมาของรัสเซียมากขึ้น หนังสือบอกเล่าได้ละเอียดมาก ย้อนไปตั้งแต่สมัยก่อนคริสตศักราช ยุคที่ปกครองด้วยชนเผ่าต่างๆ อาทิเช่น ซีเธียน ซาร์มาเธียน ยุคประมาณช่วงคริสตศักราชที่ 4 ที่ถูกยึดโดย Atila แห่งเผ่าฮัน ซึ่งเปรียบไปคล้ายกับชาวมองโกลในยุคนั้น มีการเปลี่ยนมือกันปกครองหลายเผ่า จนกระทั่งมาเริ่มต้นราชวงรูริค ก่อเกิดเป็นอาณาจักรเคียฟซึ่งปักหลักอยู่บริเวณแม่น้ำดนีเปอร์
1
จากนั้นค่อยๆมีการเปลี่ยนผ่านอำนาจมายังเมืองมอสโกวกลายเป็นอาณาจักรมัสโควี มียุคมืดทางอารยธรรมช่วงหนึ่งหลังจากถูกเผ่ามองโกลยึด และอำนาจขึ้นตรงต่อข่านแห่งโกลเด้นฮอร์ด (ข่านของมองโกลที่ปกครองบริเวณตะวันออกกลาง บริเวณประเทศตุรกีในปัจจุบัน) ผ่านยุคสมัยของกษัติริย์สมัยต่างๆ ที่มีอุปนิสัย ศักยภาพ และนโยบายการบริหารที่ต่างกัน จนกระทั่งรุ่นหลังๆมา อย่าง ยุคสมัยซาร์ปีเตอร์มหาราช ที่มีการขนานนามว่าเป็นมหาราชา (ซาร์แปลว่ามหาราชา)ที่รวมอำนาจของอาณาจักรต่างที่แผ่อาณาเขตไพศาลมาอยู่ในมือได้สำเร็จ
รัสเซียกลายเป็นจักรวรรดิรัสเซียและถือว่าเป็นยุคทองที่รุ่งเรืองที่สุดในประวัติศาสตร์จักรวรรดิรัสเซียแล้ว บางช่วงมีผู้ปกครองที่เป็นผู้หญิงเรียกว่าซารีนา โดยเฉพาะซารินาแคทเทอรีนที่ 2 ซึ่งชิงอำนาจมาจากสวามีอีกทอดหนึ่งเป็นยุคที่ซารินาบริหารบ้านเมืองได้ดีเลยทีเดียว (ที่ต้องชิงอำนาจสามี เพราะสามีดูท่าจะพาจักรวรรดิไปต่อไม่รอดจริงๆ)
ศัตรูของจักรวรรดิมีการเปลี่ยนขั้วไปมา สวีเดนบ้าง ฝรั่งเศสบ้าง ประเทศอื่นๆบ้าง สงครามภายใน ต่อสู้กับกบฎอย่างเช่น กบฎชาวนา กบฎปูกาเชฟ หรือชาวคอสแซคที่จะมีบทบาทต่อสู้กับทางอาณาจักรรัสเซียอยู่เรื่อยๆ ทำสงครามกับนโปเลียนในสมัยซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 1 และได้ชื่อว่า “ผู้กอบกู้ภัยแห่งยุโรป” ซึ่งยุคนี้ประเทศภายนอกจะมองดูจักรวรรดิรัสเซียว่ายิ่งใหญ่เจริญรุ่งเรือง ในขณะที่ชนชั้นล่างอย่างชาวนา ทาสที่ดินจะรู้ซึ้งถึงความเสื่อมถอยของระบอบการปกครอง ดำเนินรัชสมัยเรื่อยมาขณะที่แฝงความเสื่อมถอยขึ้นๆลงๆมาเรื่อยๆกระทั่งยุคสุดท้ายของระบบกษัตริย์อย่างยุคของ ซาร์นิโคลัสที่ 2 (ราสปูตินมีบทบาทในยุคนี้ และเป็นหนึ่งในสาเหตุของการล่มสลาย)
2
ด้วยความด้อยสมรรถภาพในการบริหารบวกกับเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่ทรัพสินและชีวิตของประชาชนชาวจักรวัรรดิเซียดับจมสิ้นไปอย่างมหาศาล ทำให้ช่วงเวลาแห่งการปฏิวัติสุกงอมพร้อมลงมือ กระทั่งถูกปฏิวัติยึดอำนาจ เกิดเป็นรัฐบาลชั่วคราวอยู่ประมาณ 6 เดือน ก่อนที่ท้ายอำนาจจะตกเป็นของพรรคบอลเชวิก ซึ่งนำโดยเลนิน เนื้อหาประวัติศาสตร์ของเล่มจะจบลงถึงตรงนี้
เรื่องความละเอียดของข้อมูลถือว่าแน่นปึ้กชนะเลิศ บทหลักๆจะแบ่งเป็นช่วงยุคสมัยกว้างๆ เช่น ช่วงอาณาจักรเคียฟ ช่วงอาณาจักรมัสโควี จักรวรรดิรัสเซียสมัยเก่า - ใหม่ เป็นต้น และในแต่ละบทนั้นจะแบ่งบรรยายสภาพการเมืองการปกครองด้านต่างๆได้อย่างเห็นภาพ เช่น ด้านการสงคราม ด้านการศึกษา ด้านระบอบการปกครอง ด้านศาสนา ด้านศิลปะ เป็นต้น ซึ่งจะสะดวกกับคนที่สนใจในบางด้านโดยเฉพาะ (อย่างช่วงที่กล่าวถึงนักเขียนชื่อดังๆ อย่าง ดอสโตเยียฟสกี้ หรือลีโอตอลสตอย นี่ถูกใจผมเลย) แต่การแบ่งเป็นด้านต่างๆเช่นนี้ ด้วยรายละเอียดข้อมูลที่เยอะมากอาจจะทำให้เกิดการสับสนในภาพรวมได้คล้ายกับข้อมูลที่ได้รับมันมาตีกันเองในหัว (อ้างอิงจากประสบการณ์การอ่านของตัวเอง) เป็นหนังสือที่ไกด์แนวทางกว้างๆของประวัติศาสตร์ระยะยาวได้ดี แต่ถ้าใครสนใจเรื่องใดหรือยุคไหนโดยเฉพาะอาจจะต้องไปศึกษาเรื่องนั้นๆแยกต่างหากอีกที
จากการอ่านประวัติศาสตร์โดยรวมและวิเคราะห์ผ่านประสบการณ์ส่วนตัวทำให้ผมรู้สึกเข้าใจความเป็นรัสเซียมากขึ้น เทือกเขาเหล่ากอส่วนใหญ่เป็นชาวสลาฟอาศัยอยู่ที่ราบบริเวณกว้างที่เรียกว่าทุงสเต็ป อาจเป็นเพราะรัสเซียเป็นเหมือนดินแดนทุ่งหญ้าสเต็ปอาณาเขตกว้างขวางที่เชื่อมไปยังทวีปต่างๆที่อารยธรรมต่างกันมาก ทิศตะวันตกติดยุโรปตะวันตก ทิศตะวันตกเฉียงใต้ติดอาณาจักรบิแซนทีน(โรมันตะวันออก)ซึ่งรับศาสนาคริสต์นิกายออร์ธอดอกซ์เข้ามาปลูกฝังอย่างเหนียวแน่น ตะวันออกเฉียงใต้ติดอาณาจักรออตโตมันหรือดินแดนของเผ่าเติร์กที่มีความเป็นตะวันออกกลาง และส่วนของตะวันออกตอนบนที่ส่วนของไซบีเรียเชื่อมกับมองโกลและจีน ทำให้ได้รับอิทพลจากหลายอารยธรรมมาผสมรวมกันแล้วสะท้อนออกมาในแบบฉบับอารยธรรมของตัวเองที่ไม่มีใครเหมือน ระบอบปกครองแบบอัตตาธิปไตยที่เหนียวแน่นคู่กับระบบทาสที่ดินที่เป็นผลพวงจาสภาพสังคมในภายหลัง
ด้านมืดอย่างหนึ่งที่ผมเห็นจากประวัติศาสตร์รัสเซียโดยเฉพาะช่วงหลังๆก่อนจะมีการปฏิวัติกุมภาพันธ์และปฏิวัติตุลาคมในปี 1917 ก็คือรัสเซียมีความอุ้ยอ้าย ยิ่งใหญ่แต่มีปัญหาภายในและบ่อยครั้งที่ขาดประสิทธิภาพจากส่วนของผู้นำ ประชากรกว่าร้อยละ 90 เป็นชนชั้นชาวนา ระบบราชการข้าเก่าเต่าเลี้ยงครอบงำจนฉ้อราษฎร์บังหลวงหรือเช้าชามเย็นชามเป็นเรื่องปกติ อย่างเหตุการณ์ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ดีมาก ทั้งทีเป็นโอกาสอันดีที่ประชาชนจะรวมใจเป็นหนึ่งเดียวกับซาร์ แต่ด้วยความไร้สมรรถภาพของชนชั้นผู้นำ ได้นำพาประชาชนไปตายในสงครามกว่า 1 ล้าน 6 แสนกว่าคน ตกเป็นเชลยและสูญหายในจำนวนที่มากกว่า อย่างช่วงแรกๆทหารจำนวนมากไปรบทั้งที่ไม่มีอาวุธ เร่งการเติบโตอุตสาหกรรมรวดเร็วเกินไปจนเกิดชนชั้นกรรมกรจำนวนมาก ซึ่งกรรมกรเหล่านี้ก็ยังสลัดความเป็นชาวนาออกจากกมลสันดานได้ไม่ขาด
ส่วนใหญ่ช่วงหลังๆผมอ่านแนวรรณกรรม แนวประวัติศาสตร์ที่เนื้อหาและข้อมูลอัดแน่นขนาดนี้อาจจะไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่ ถ้ามีสรุปหรือแสดงความเห็นผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้นะครับ แต่หวังว่าจะพอมองเห็นขอบข่ายเนื้อหาคร่าวๆของหนังสือเล่มนี้นะครับ เพื่อจะเป็นการช่วยตัดสินใจว่าจะซื้อหรือเริ่มอ่านดีหรือไม่
โฆษณา