30 มี.ค. 2022 เวลา 10:47 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
One Cut of the Dead วันคัท ซอมบี้งับๆๆๆ ที่สุดของตำนาน ทำงานจนตัวตาย กลายเป็นซอมบี้งับๆๆๆ
One Cut of the Dead คือที่สุดแล้ว มียี่สิบนิ้วก็อยากจะยกให้ทั้งยี่สิบ จึงขอยกให้เรื่องเป็นตำนานของคำว่า ‘ทำงานจนตัวตายกลายเป็นซอมบี้ งับๆๆๆ’
บอกเลยว่า One Cut of the Dead เป็นหนังเรื่องแรกที่ฟังคนอื่นบอกมาว่า “โคตรสนุก จากนั้นพอไปดูจริงก็ผิดหวังแล้วไม่ผิดหวังอีกเลย” ถ้าใครอ่านงง แปลว่ายังไม่ได้ดู ถ้าใครดูแล้วยังงงอยู่ ก็แปลว่างง
หนังซอมบี้อ่าเนอะ ไม่ต้องเล่าเรื่องย่อหรอก
เราจะไม่พูดถึงความครีเอทีฟของมันที่นี่และจะไม่สปอยอะไรทั้งสิ้น (คิดว่านะ) เพราะความสนุกนี้ทุกคนควรลิ้มรสด้วยตัวเอง แต่จะขอให้ทุกคนเชื่อ จงเชื่อว่ามันสนุก ถ้ามีคนบอกว่าเรื่องนี้สนุก แล้วจงทนดูให้จบอย่าได้กะพริบตา จากนั้นค่อยกลับมาด่าถ้าคิดว่าเราโกหก
วันคัท ซอมบี้งับๆๆๆ คัทเดียวเลือดตาแทบกระเด็น
สิ่งน่าสนใจของเรื่องนี้นอกเหนือจากซอมบี้โคตรปลอมกับความสนุกระดับพระกาฬ คือการให้เกียรติคนทำงานเบื้องหลัง น้อยครั้งที่เราจะได้เห็นความเหนื่อยเลือดตาแทบกระเด็นของพวกเขา สมกับเป็นหนังที่มีความเป็นญี่ปุ่นเอามาก ๆ เพราะแม้กระทั่งหนังซอมบี้ก็ยังไม่คิดทอดทิ้งเรื่องราวของเหล่ามดงานที่ซ่อนตัวอยู่หลังผลงานทั้งหลาย
ถ้าใครดูซีรีส์ญี่ปุ่นบ่อย ๆ ก็คงพอจะสังเกตเห็นได้ว่ามีซีรีส์ที่เกี่ยวกับอาชีพต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก ซึ่งทำออกมาได้ดีเสียด้วย และต่อให้ไม่ใช่ซีรีส์เกี่ยวกับอาชีพ ตัวเอกหรือตัวละครในนั้นก็จะต้องมีอาชีพที่ไม่ธรรมดาไปเลย ก็เป็นอาชีพที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักดีนัก เช่น คนซ่อมรถ บรรณารักษ์ พนักงานซูเปอร์มาเก็ท แม่บ้าน นักเขียนเงา ฯลฯ กล่าวคือตัวละครของญี่ปุ่นมักจะมีภูมิหลังเหมือนคนทั่วไปที่เราสามารถเข้าถึงได้ จนอดสงสัยไม่ได้ว่านี่เรากำลังดูซีรีส์หรือมางานแนะนำอาชีพกันคะ!
ไม่ใช่มีแต่ละครทหารวนไปทุก ๆ 10 ปีหรือความอิจฉาริษยาที่ว่ายวนในอ่าง รวยจน relate กับตัวเองไม่ได้
กลับมาที่ One Cut of the Dead เมื่อดูเรื่องนี้แล้วรู้สึกทึ่งกับการทำงานของคนเบื้องหลังมากขึ้น ในฐานะคน (เคย) ทำงานเบื้องหลังเหมือนกัน (ไม่ได้ทำหนังค่ะ) แต่เวลาทำก็ไม่ได้คิดที่จะนำเสนอการทำงานเบื้องหลังออกไปขนาดนี้หรือด้วยวิธีไหนดี เรื่องนี้จึงเป็นการรวมตัวกันของความครีเอทีฟและการสื่อสารได้อย่างลงตัว สมน้ำสมเนื้อกับเรื่องราวคนสร้างหนังมาก แบบไม่น้อยหน้าถ้าจะบอกว่านี่คือเรื่องราวชีวิตของคนทำหนัง ทุกความจริงอันเจ็บปวดก็กลายเป็นมุกตลกในเรื่องได้ เรียกได้ว่าเป็นหนังที่ตีแผ่ชีวิตจริงมาก
คัทเดียวก็เกินพอ
อีกสิ่งหนึ่งที่ดูแล้วอดขำไม่ได้คือความเป็น One Cut of the Dead คือคัทเดียวก็แทบตาย เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องน่ายินดีเท่าไหร่นักสำหรับการทำงานหนักจนเกินไป แต่ก็ขอชื่นชมในการทำงานอันเต็มที่ไม่ว่าจะมีสถานการณ์อะไรเกินขึ้นก็ตาม
เมื่อนึกถึงการทำงานเบื้องหลังของการแสดงสดแบบนี้แล้ว สิ่งเดียวที่นึกออกคือความเหนื่อยจนแทบตาย แม้แต่งานจำพวกออแกไนซ์ ถ่ายแบบ หรืองานที่มีหน้างานเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว มันเป็นความรู้สึกเหนื่อยจนแทบตายจริง ๆ บางงานทำงานกันหามรุ่งหามค่ำเหมือนซอมบี้กันไปเลย เพราะจะขอเลื่อนเดดไลน์ก็ไม่ได้ เนื่องจากตอนนี้คือเวลาเดดแล้ว ก็นับได้ว่าเป็นการจิกกัดขำ ๆ ที่ได้ใจอย่างเหมือนกัน
ตอนกำลังเขียนอยู่นี้ก็อดนึกถึงละครเวทีเรื่อง “อลม่านหลังบ้านทรายทอง” ไม่ได้เลย ทำงานกันแทบถวายชีวิต เพราะป่วงพอกันและแสดงให้เห็นถึงการทำงานแบบไลฟ์สดของคนเบื้องหลังว่ามันฉิบหายยังไง กว่าหน้างานจะออกมาเป็นอย่างนั้นได้ (แม้บางทีจะห่วยก็ตาม) แต่ถ้ายกให้ความสุดแล้ว ก็ต้อง One Cut of the Dead แน่นอน
เราหวังว่าหนังเล็ก ๆ เรื่องหนึ่งจะช่วยสร้าง Awarnees ให้คนทั่วไป นายจ้าง หัวหน้างานเข้าใจได้ว่า ‘เห็นใจคนทำงานกันบ้างจ้า จะตายห่าอยู่แล้ว’ ถึงแม้ว่าเราจะพูดกันว่ามันก็คืองาน แต่เราทุกคนก็ต่างรู้ว่าควรมีความพอดีเช่นกัน ถ้าช่วยกันซัพพอร์ต ตรงไหนได้ก็ช่วยกันเถอะ อย่าทำตัวเป็นอนุทินเลย …ลำบากหมอ
(มันวกมาเรื่องนี้ได้ไง!!!)
Dying a second time
One Cut of the Dead
Director and Writer: Shin'ichirô Ueda
Ryoichi Wada (play: "Ghost in the Box!")
โฆษณา