30 มี.ค. 2022 เวลา 08:34 • หุ้น & เศรษฐกิจ
🔥โคตร Recommend !!!
สรุปคลิป Peter Lynch: The Ultimate Guide To Stock Market Investing
BY หมอชาย หุ้นพอร์ทระเบิด
**หลังจากฟังคลิปพี่ฮง X ลงทุนแมน ผมก็หาคลิปของ Peter มาฟังเพิ่มเติม และคลิปนี้เป็นหนึ่งคลิปที่แนะนำนะครับ ลิงก์ใน Comment**
1
📌 ตลาดหุ้นไม่ใช่สนามที่คุณต้องไปกังวล การประสบความสำเร็จในตลาดหุ้นมันไม่ได้ยากจนเกินไป แต่ก็ไม่ถึงกับง่าย คุณต้องมีหลักการที่ถูกต้อง ความอดทน การควบคุมอารมณ์และความรู้อีกนิดหน่อย
📌 Peter ถือว่าเป็นบุคคลที่น่าศึกษาหลักการลงทุนเป็นอย่างมาก ตลอดเวลา 13 ปี (1977-1990) เค้าบริหารกองทุน Magellan ซึ่งที่ว่ามีขนาดระดับต้นๆ ของอเมริกา เค้าได้รับผลตอบแทนชนะตลาดขาลงสูงถึง 2800%
เค้าไม่เคยกะ Timimng ของตลาดแต่จะอาศัยหลักการในการเลือกหุ้นตาม Style ของเค้าเองซึ่งได้พูดในคลิปนี้อยู่พอสมควร
2
📌 คุณไม่สามารถเรียนรู้เรื่องการเลือกหุ้นทั้งหมดได้ในระยะเวลาอันสั้น แต่คุณสามารถเลือกหุ้นบางกลุ่มที่คุณเข้าใจมากกว่าคนส่วนมากของตลาดได้ จากความรู้และประสบการณ์ของคุณ
👉🏻 คุณต้องเริ่มต้นด้วยการมองในระยะยาวซะก่อน
ทำไมต้องมองในระยะยาว ⁉️
1. ระยะยาวผลตอบแทนของการลงทุนในหุ้นถือว่าเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุด
2. ในระหว่างทางความผันผวนจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาซึ่งมันยากเหลือเกินที่คุณจะคาดเดาได้
1
3. พลังของดอกเบี้ยทบต้นซึ่งถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์ กว่ามันจะแสดงออกมาก็ต้องใช้เวลาซักระยะหนึ่ง
**คำถามสำคัญที่ต้องถามตัวเองก่อนการลงทุนก็คือเราต้องใช้เงินก้อนนี้เมื่อไหร่ ? ถ้าต้องการใช้เร็วๆ นี้ตลาดหุ้นไม่ใช่คำตอบ**
2
👉🏻 แล้วเมื่อไหร่ที่ควรจะขายหุ้น ?
1
หลักการขายหุ้นง่ายๆ ของ Peter คือเมื่อคุณเจอหุ้นตัวใหม่ที่ดีกว่า ทั้งในแง่ของ การเติบโต ผลประกอบการ เรื่อง Story
ให้มองเหมือนเราเล่นไพ่ Poker เราจะลุยกับมันเต็มที่ เมื่อเราเจอไพ่ในมือที่ดีที่สุด
**เรื่องบางเรื่องอาจจะต้องใช้เวลานานกว่ามันจะประสบความสำเร็จ และอาจจะใช้เวลานานกว่า กว่าที่ตลาดจะยอมรับมันเพราะฉะนั้นต้องอดทนให้เป็น !!**
**หาหุ้นที่ดีให้เจอและถือมันให้นานพอ**
📌 Peter เล่าให้ฟังตอนเค้าซื้อ Volvo เค้าชอบรถของ Volvo อยู่แล้วเนื่องจากมันเป็นรถที่ดีและราคาไม่แพง ในวันที่เค้าลงทุน เค้าพบว่ามูลค่าของหุ้นในกระดานนั้น พอๆ กับกระแสเงินสดที่ได้รับในระยะเวลาแค่ 1 ปี
มันเหมือนคุณแทบจะไม่ได้เสียเงินอะไรเมื่อซื้อบริษัทนี้เลย
✨ บางครั้งคุณอาจจะมองข้ามสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว ✨
เค้าเล่าถึงประสบการณ์ที่พลาดหุ้นที่ทำเกี่ยวกับเงินทุนและกองทุนรวม ทั้งที่เค้าทำงานด้านนี้ในช่วงปี 1980 การลงทุนเป็นสิ่งที่บูมมากๆ แต่เค้ามองข้ามมันเพราะ Bias ที่คิดว่าอาจจะเป็นสิ่งที่มาแค่ชั่วคราว
ปรากฏว่ามันกลายเป็นเทรนระยะยาวที่คนลงทุนในกองทุน เค้ายอมรับว่าพลาดมากๆ ที่ไม่ได้ซื้อหุ้นกลุ่มนี้
**อย่ามองข้ามสิ่งใกล้ตัวที่เราอยู่กับมันและเข้าใจมันมากที่สุด**
📌 การลงทุนต้องทำด้วยตัวคุณเอง อย่าทำตามคำบอกเล่าของคนอื่น เพราะสิ่งที่สำคัญที่จะประสบความสำเร็จคือการฝึกฝนเรื่องการควบคุมอารมณ์เพื่อจะให้มีภูมิต้านทานต่อตลาด ที่มันมีความผันผวนแบบสุดๆ ได้
**เมื่อไหร่ที่คุณมีหลักการที่ดี และอดทนกับมันได้ ไม่มีทางเลยที่คุณจะไม่ประสบความสำเร็จ**
📌 การหาความรู้ใหม่ๆ ต้องทำตลอดเวลา แต่มันจะง่ายกว่าถ้าเริ่มจากสิ่งใกล้ๆ ตัว
เค้าแนะนำให้คุณเริ่มจากสิ่งที่ใกล้ตัวแล้วต่อยอดไปในสิ่งที่ต่อเนื่อง เช่นคุณเป็นวิศวะคุณอาจจะเริ่มจากพวกเครื่องกลที่คุณเข้าใจ ต่อด้วยอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ใช้เครื่องกลเหล่านั้น
คุณเป็นหมอคุณอาจจะเริ่มจากกลุ่มโรงพยาบาล ขายยา ต่อยอดไปในกลุ่มประกันสุขภาพ เป็นต้น
แต่ต้องตอบ 2 คำถามให้ได้เสมอ ❗️
1. ทำไมกลุ่มอุตสหากรรมนี้ถึงดี
2. ตัวไหนจะทำได้ดีที่สุดในอุตสาหกรรมนั้นๆ และดีกว่าเพราะอะไร ?
⚡️ บางครั้ง อุตสาหกรรมง่ายๆ น่าเบื่อ คนส่วนมากยังไม่สนใจ นั้นแหละคือสิ่งที่คุณควรสนใจ !!
Peter ยกเคสหุ้น Macdonald's มันขายเบอร์เกอร์ คุณไม่จำเป็นต้องสนใจเลยว่า สภาพเศรษฐกิจจะเป็นยังไง จะมีคู่แข่งจากต่างประเทศหรือไม่ จะมีสงครามเกิดขึ้นหรือเปล่า ยังไงคนก็ต้องกิน
และด้วยคนส่วนมากมองว่ามันน่าเบื่อเพราะเห็นมันอยู่ทุกวัน กินชีสเบอร์เกอร์กันจนเบื่อ และในอเมริกาก็มี Mac อยู่เต็มไปหมดแล้วมันจะไปโตได้ยังไง แต่พวกเค้าลืมไปว่า ด้วย Model business แบบนี้มันโตได้ทั่วทั้งโลก และไม่นานการเติบโตของมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ
⚡️ การคาดการตลาดเป็นเรื่องเสียเวลา !!!
ตลอดการลงทุนมันจะมีข่าวเข้ามามากมาย เศรษฐกิจ การเมือง สังคม มันเป็นไปไม่ได้เลยว่าคุณจะคาดเดาสิ่งเหล่านี้ หรือผลกระทบของมัน จนกว่ามันจะผ่านไปแล้ว
และต้องเข้าใจการปรับฐานหนักๆ ของตลาดมันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว คุณต้องเตรียมใจในข้อนี้ตั้งแต่ก่อนที่จะเข้ามาลงทุน การปรับฐานแบบนี้ต้องมองเป็นโอกาสที่ดีมากกว่าในการเข้าไปลงทุนในหุ้นที่ดี
**การสร้าง Watchlist ของคุณและการหาหุ้นที่น่าสนใจในแต่ละกลุ่มเป็นเรื่องสำคัญ เมื่อคุณทำสิ่งเหล่านี้ได้ คุณจะเห็นโอกาสเสมอเวลาตลาดปรับฐาน**
❇️ อย่าลืมทำความเข้าใจหุ้น 6 ประเภทของ Peter
6 ประเภทของ Peter
▪️ หุ้นโตเร็ว (Fast Growers)
▪️ หุ้นแข็งแกร่ง (Stalwarts)
▪️ หุ้นโตช้า (Slow Growers)
▪️ หุ้นฟื้นตัว (Turnarounds)
▪️ หุ้นวัฏจักร (Cyclicals)
▪️ หุ้นทรัพย์สินมาก (Asset Play)
💡แชร์ไอเดียร์เพิ่มเติมโดยคุณ Peter
ต้องทำความเข้าใจ Business cycle ให้ดีๆ ว่าจุดที่เราลงทุนมันอยู่ในช่วงไหน เพราะคุณมองพลาดคุณจะเสียหายได้เช่นคุณมองว่า Fast grower แต่มันเริ่มโตช้าลงแล้วคนเข้าไปก็อาจจะเสียหายหนัก ไม่ต้องพูดถึงหุ้นวัฏจักรเลย อันนี้ยิ่งถ้ามองไม่ออกพอร์ทเละแน่นอน
⚡️ ปลาเล็กโตได้เร็วกว่าปลาใหญ่ ดังนั้นในอุตสาหกรรมที่ดี หุ้นเล็กๆที่ดี โตได้เร็วกว่าหุ้นใหญ่ที่ดีแน่นอน
การเติบโตต้องดูคู่กันเสมอ คือดูทั้งยอดขาย และกำไรสุทธิ
บางครั้งการที่กล้าซื้อในจุดที่แม้มันยังโตไม่ดี แต่มันมีโอกาสสำเร็จสูง(ช่วงกำลังย่อตัวเตรียมกระโดด) ก็เป็นอะไรที่น่าสนใจ เพราะถ้าคุณรอจนมันโตได้ดีราคาที่คุณซื้อ อาจจะไปไกลกว่าปัจจุบันแล้ว 2-3 เท่าแต่มันก็มีความเสี่ยงมากกว่า
📌 แต่ห้ามลืมเรื่อง Valuation เพราะบ่อยหุ้นที่โตช้ากว่าแต่ยังไม่แพง ก็เป็นการลงทุนที่ดีกว่าหุ้นที่โตได้เร็วแต่แพงไปแล้ว
**การซื้อบริษัทที่ดีที่สุดอาจจะไม่ใช่การลงทุนที่ดีที่สุดเสมอไป**
หุ้นโตช้า-หุ้นแข็งแกร่ง อย่าลืมมองอัตราการจ่ายปันผลด้วย ถึงแม้ผลประกอบการมันอาจจะไม่ได้โตมาก แต่ปันผลที่เพิ่มขึ้นมากเรื่อยๆ ก็จะทำให้ผลตอบแทนโดยรวมออกมาดีก็ได้(แถมเสี่ยงต่ำ)
หุ้น Turn / หุ้นวัฏจักร คุณต้องทำความเข้าใจมันให้ดีว่ามันจะกลับมา หลักการที่สำคัญคือยังต้องเข้าไปซื้อในช่วงที่แย่ก่อนที่มันจะดี คนยังไม่สนใจ ถ้าคุณเข้าช้าความเสี่ยงมันจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามราคาที่เพิ่มขึ้นและคุณอาจจะเข้าไปในราคาที่สูงที่สุดก็เป็นไปได้ >> ดอย !!
**Turn and Cyclic stock ไม่เข้าใจไม่ต้องไปลงทุน‼️ **
**ต้องแน่ใจก่อนว่ามันจะไม่เจ๊ง ก่อนที่มันจะดี และอย่าซื้อไปเพียงเพราะความหวังว่ามันจะดี**
Asset play ต้องเล่นตัวที่มีจุดเปลี่ยน ไม่ใช่หวังว่าเค้าจะปลดล็อก Asset แล้วแจกจ่ายผลประโยชน์แก่ผู้ถือหุ้น มันต้องมีปัจจัยเร่งด้วย เค้ายกตัวอย่างหุ้น Disney เค้ายกตัวอย่างตอนไปลงทุนคือมันถูกเมื่อเทียบกับมูลค่าสินทรัพย์ที่เป็นสวนสนุกและที่ดินหลายพันล้านเหรียญ แต่มันก็มีปัจจัยเร่งจากภายนอกด้วย เช่นการทำภาพยนตร์ ขายสินค้า เกี่ยวข้องกับ Disney ราคามันถึงจะไปได้
**อย่าซื้อหุ้น Asset play เพียงเพราะมันมีสินทรัพย์มากกว่ามูลค่าในปัจจุบัน ต้องหาตัวเร่งด้วย**
**บางครั้งแบรด์ก็เป็น Hidden asset ที่สำคัญ เช่น Disney Coca-Cola LVHM**
📌 การมองอดีตเป็นสิ่งที่สำคัญแต่ไม่ใช่ทุกอย่าง
อดีตที่ดีอาจจะบอกได้ระดับหนึ่งถึงคุณภาพบริษัทและความสามารถของผู้บริหารแต่ไม่ใช่การันตีว่าในอนาคตเค้าจะทำได้ดีเหมือนวันวาน
สิ่งที่บอกได้เรื่องอนาคตอาจจะไม่ใช่ทุกอย่างแต่เค้าจะมองไปในตัวเลขบางตัวเช่นงบ R&D ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับทีมขายหรือทีมบริการ
หรือปัจจัยทางคุณภาพ เช่นความน่าสนใจของสินค้าใหม่ ความแข็งแกร่งของแบรนด์
📌 สิ่งที่ต้องรู้คือเรื่อง "PE ratio"
PE คือความถูกแพง ในกรณีที่ดูหุ้นเติบโต การดูก็ควรดูแบบ PE เทียบกับ Growth ด้วย แต่ต้องเป็น Growth ที่อยู่ในช่วงที่ระยะยาวนานพอ
ระวังกลุ่มที่ PEG ต่ำๆ แต่กำลังจะพ้นช่วงที่โตเร็วที่สุด
📌 สิ่งที่ต้องรู้คือเรื่อง "ปันผล"
ถ้าเริ่มโตลดลงต้องมีปันผลเพิ่ม และสิ่งที่ได้เพิ่มต้องคุ้มเมื่อเทียบกับภาษีที่ต้องจ่าย (ภาษีปันผล)
การดูผลประกอบการยังเป็นเรื่องที่สำคัญอยู่ดี เพราะถ้าผลประกอบการลดลงก็มีแนวโน้มที่จะจ่ายปันผลลดลง
หุ้นที่รายได้ไม่โต แต่หนี้ลดลงเรื่อยๆ จ่ายปันผลสูงๆ ก็ถือว่ายังน่าสนใจ เพราะหนี้ลดลง การจ่ายดอกเบี้ยก็ลดลง เงินส่วนเพิ่มเหล่านี้ก็จะตกมาในมือของผู้ถือหุ้น
📌 สิ่งที่ต้องรู้คือเรื่อง "งบการเงิน"
หุ้นที่ดีต้องมีกระแสเงินสดเพียงพอในการจ่ายหนี้ระยะสั้น ถ้าไม่พอแสดงว่าต้องกู้เพิ่มอันนี้ไม่โอ
ถ้าหนี้สินระยะสั้นและระยะยาว - เงินสด น้อยกว่า 1/4 ของสินทรัพย์ Peter จะให้นิยามว่าหุ้นเหล่านี้แข็งแกร่ง
เงินสดเอามาคิดเรื่องความถูกแพงได้ เช่นมี 20 ล้านหุ้น หลังจากเอาหนี้มาหักแล้วเหลือเงินสดอยู่ 100 ล้าน หมายความมามีเงินสดต่อหุ้นอยู่ที่ 5 เหรียญต่อหุ้น ถ้าหุ้นตัวนั้นอยู่แถวๆ 5 เหรียญหรือต่ำกว่าก็จะถือว่ามันไม่แพง (แต่ก็ต้องดูคุณภาพของธุรกิจอีกทีด้วยนะ)
D/E ratio นอกจากจะมองเรื่องความแข็งแกร่งแล้ว D/E ที่ต่ำยังหมายถึงความสามารถที่จะกู้เงินมาเพื่อขยายกิจการในอนาคตอีกด้วย
งบกำไรขาดทุนอย่าลืมดูรายละเอียดเรื่องอัตรากำไรขั้นต้นด้วย บริษัทแข็งแกร่งมักจะมีอัตรากำไรข้างต้นที่คงที่ หรือเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ (อาจจะเกิดจากมีอำนาจในการขึ้นราคา หรือกดต้นทุนจาก Supplier ได้)
🤑 รายได้โต อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่ม กำไรเพิ่ม คือหุ้นชั้นดีท้องต้องรีบไปทำการบ้าน
แต่การที่กำไรขั้นต้นสูงไปมากๆ ก็ไม่ดี แสดงว่ามันดีสุดๆ ดีกว่านี้ยากจะโตกว่านี้ก็ต้องเพิ่มยอดขายเยอะๆ หรืออาจจะมีคู่แข่งเห็นโอกาสตรงนี้แล้วเข้ามาสู้ในตลาดก็เป็นได้
🔥 แกะ Story ยังไงไม่ให้แพ้
ต้องไปดูความน่าจะเป็นก่อนว่าสิ่งที่บริษัทวางแผนไว้ทำได้จริงๆ ไหม
กรณีขายสินค้าเดิมให้ลูกค้าใหม่ แผนการตลาดเค้าเป็นยังไง จะได้จริงเปล่า
กรณีขายสินค้าใหม่ให้ลูกค้าเดิม ก็ต้องไปดูคุณภาพของสินค้าใหม่
และแหล่งรายได้ใหม่ๆ ต้องมีนัยสำคัญต่อการเติบโต
เรื่องแบรนด์ก็เป็นจุดสำคัญในการพิจารณารายได้ตรงนี้
🔥 การอดทนเป็นเรื่องที่สำคัญ
ทั้งอดทนรอจังหวะที่ดีในการซื้อหุ้น และอดทนรอจนกว่าหุ้นตัวนั้นจะแสดงมูลค่าที่แท้จริงออกมา
Risk - Reward ต้องคำนึงเรื่องนี้ไว้เสมอ บริษัทขนาดเล็กมีความเสี่ยงมากกว่าเสมอ แล้วเราจะลดความเสี่ยงตรงนี้ได้อย่างไร เราก็ต้องรอจังหวะที่มันมีเหตุการณ์ทำให้หุ้นตัวนี้ราคาถูกลงมา (ซื้อตอนวิกฤต หรือมีปัญหาชั่วคราวที่ไม่กระทบพื้นฐานระยะยาว)
**3 วิธีสำคัญที่จะลงทุนให้ประสบความสำเร็จ**
▪️ เปรียบเทียบคุณภาพและมูลค่าหุ้น
▪️ รอโอกาส
▪️ ถือให้นานพอ
⚡️ แต่อย่าลืมถึงขอบเขตความรู้ของคุณ ⚡️
อย่าลืมติดตามหุ้นของเราหลายๆ ครั้งมันไม่เป็นไปตามที่เราคิด เราต้องถามตัวเองเสมอว่าทำไม แล้วกลับไปดูต่อว่าเรายังลงทุนหุ้นตัวนี้ต่อได้ไหม ?
2
**การที่จะประสบความสำเร็จในการลงทุนมันไม่ใช่เรื่องอยากเกินไป แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำได้จงเตรียมพร้อมให้ดี ทั้งเรื่องเงินลงทุน ความรู้ และสภาพจิตใจ**
**คุณไม่ต้องเก่งการเงินหรือจบ MBA เพื่อที่จะหาหุ้นชั้นยอด บางทีหุ้นชั้นยอดมันซ่อนอยู่ในชีวิตประจำวันของคุณ สิ่งที่คุณซื้อ สิ่งที่คุณใช้ หรือห่างจากบ้านคุณไปแค่ 200 เมตรเท่านั้น **
ผู้สนับสนุน
สนใจเปิดบัญชี ค่าคอมหุ้น 0.05%
TFEX สัญญาละ 18-20
กับโบรคเกอร์
แนะนำหุ้นโดยที่ผู้แนะนำการลงทุนที่มีใบอนุญาต
แจ้งชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรทาง INBOX ได้เลยครับ
โฆษณา