3 เม.ย. 2022 เวลา 14:47 • หนังสือ
คุณเชื่อเรื่อง 1+1 = 3 หรือไม่? แล้วคุณเชื่อหรือไม่ว่าการมี “คู่หู เพื่อนคู่คิด หรือทีม” เพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จและได้รับความมั่งคั่งร่ำรวยมากกว่า “การลงมือทำคนเดียว”?
1
สรุปหนังสือ Think & Grow Rich ตอนที่ 9
ในสัปดาห์ที่แล้วแอดได้เล่าถึงขั้นตอนที่ 8 สู่ความร่ำรวยไปแล้ว นั่นคือ “ความมุ่งมั่น” ซึ่งพื้นฐานของความมุ่งมั่นก็คือ พลังแห่งความตั้งใจ ของเรานั่นเอง
ในสัปดาห์นี้แอดก็จะมาเล่าต่อในขั้นตอนที่ 9 ที่ว่าด้วยเรื่องของ “พลังแห่งการระดมความคิด” ค่ะ ซึ่งฮิลล์บอกกับเราว่า...“พลัง” เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความสำเร็จในการสร้างความร่ำรวย แผนการอาจไร้ประโยชน์ถ้าปราศจากพลังที่จะขับเคลื่อนไปสู่การลงมือปฏิบัติ
อยากทราบกันแล้วใช่ไหมคะว่า ทำไมพลังแห่งการระดมความคิดถึงสำคัญขนาดนั้น
ถ้าพร้อมแล้วไปเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ!!!
ฮิลล์บอกว่า...
คำจำกัดความของ “พลัง” คือ การบริหารจัดการความรู้อย่างชาญฉลาด
แต่พลังที่ใช้ในที่นี้หมายถึง “ความพยายามที่เป็นระบบเพื่อที่จะทำให้เราสามารถแปรเปลี่ยนปณิธานไปสู่เงินทอง ความพยายามที่เป็นระบบนี้เกิดขึ้นจากการที่คนตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป นำความรู้และความพยายามมาร่วมมือร่วมใจกันด้วยจิตวิญญาณแห่งความสมัครสมานสามัคคีระหว่างกัน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่แน่นอน”
ดังนั้น “พลัง” เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการสร้างความร่ำรวย นอกจากนี้พลังยังจำเป็นสำหรับการรักษาเงินทองที่ได้มาอีกด้วย
คำจำกัดความของ “การระดมความคิด” คือ “การที่คนตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปนำความรู้และความพยายามมาร่วมมือร่วมใจกันด้วยจิตวิญญาณแห่งความสมัครสมานระหว่างกัน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่แน่นอน”
ทำไมต้องเป็น “คนตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป” ?
นั่นเพราะว่า...เราอาจได้ความรู้มาจากแหล่งต่างๆ เราสามารถแปรเปลี่ยนความรู้ที่ได้มาให้เป็นพลังได้ ด้วยการจัดการกับความรู้เพื่อนำไปสู่แผนการที่ชัดเจนและนำแผนนั้นไปลงมือปฏิบัติ
แต่ถ้าเป็นแผนการใหญ่และมีรายละเอียดมาก คุณไม่สามารถทำคนเดียวได้ คุณจำเป็นต้องหาคนมาร่วมมือกับคุณในการที่จะบริหารจัดการความรู้เพื่อเพิ่มความสามารถของคุณในการเปลี่ยนแผนการให้เป็นพลัง
สมองของมนุษย์เราอาจเปรียบเทียบได้กับแบตเตอรี่ไฟฟ้า เป็นความจริงที่ว่า แบตเตอรี่หลายตัวจะให้พลังงานมากกว่าแบตเตอรี่เพียงตัวเดียว นอกจากนี้แบตเตอรี่แต่ละตัวจะให้พลังงานโดยขึ้นกับจำนวนและความจุของเซลล์ที่บรรจุอยู่ในแบตเตอรี่นั้นๆ
สมองของเราก็ทำหน้าที่คล้ายกัน บางคนมีสมองที่มีประสิทธิภาพมากกว่าอีกคน
สมองของกลุ่มคนที่มาร่วมมือกัน (หรือเชื่อมโยงกัน) ด้วยความสมัครสมานสามัคคีจะทำให้เกิดพลังยิ่งใหญ่กว่าสมองของคนคนเดียว
ดังนั้น หลักการระดมความคิดก็คือ เคล็ดลับแห่งพลังที่ได้มาจากพลังสมองของคนอื่นที่ล้อมรอบตัวผู้นั้นนั่นเอง
การระดมความคิดในช่วงเวลา 15 ปีหลังจากหนังสือ คิดแล้วรวย ได้ตีพิมพ์ครั้งแรก ทีมระดมความคิดของนโปเลียน ฮิลล์ เอง มีเศรษฐีหลากหลายธุรกิจผู้ใจบุญนั่นคือ ดับเบิลยู. คลีเมนต์ สโตน
ในวันที่ 2 พ.ค. ปี ค.ศ. 1951 นโปเลียน ฮิลล์ อายุได้ 67 ปี ฮิลล์และภรรยาของเขา แอนนี่ ลู ตกลงใจว่าถึงเวลาที่เขาจะเกษียณตัวเอง ทั้งคู่ตัดสินใจว่าจะตัดการบรรยายและปาฐกถาของฮิลล์ทั้งหมดหลังจากที่จบการบรรยายซึ่งได้นัดหมายไว้แล้วในปฏิทนการทำงาน โดยรวมไปถึงกำหนดการที่ชิคาโกในอีก 1-2 สัปดาห์ถัดไปด้วย ดับเบิลยู. คลีเมนต์ สโตน ไม่รู้เหตุการณ์นั้นมาก่อน เขาเตรียมการที่จะนั่งแถวหน้าและติดกับนโปเลียน ฮิลล์
เช่นเดียวกันกับฮิลล์ สโตนถือกำเนิดจากความจน ตอนอายุ 6 ขวบเริ่มขายหนังสือพิมพ์เพื่อช่วยครอบครัวหาเงินมาจ่ายค่าเช่าบ้าน เขาต้องยืนด้วยลำแข้งตัวเองเมื่ออายุเพียง 13 ปี เมื่ออายุ 16 ปีเขาเริ่มขายประกัน และเมื่ออายุ 20 ปี เขารวบรวมเงินได้ 100 ดอลลาร์ด้วยความยากลำบาก เขาได้ใช้เงินก้อนนี้เพื่อเริ่มงานตัวแทนประกันของตัวเอง
สโตนเป็นนักขายและนักสร้างแรงจูงใจที่เก่งมาก กิจการบริษัทของเขาเติบโตอย่างรวดเร็ว เมื่อปี ค.ศ. 1938 เขาได้อ่านหนังสือ คิดแล้วรวย แล้วประทับใจเนื้อหาในหนังสือมาก จนเขาซื้อหนังสือแจกพนักงานและลูกจ้างของเขาทุกคน เขาทำต่อเนื่องไปตลอด โดยรวมไปถึงพนักงานใหม่ทุกคนที่จะมาทำงานในบริษัทด้วย หลายปีผ่านไปทำให้จำนวนหนังสือที่แจกกลายเป็นหลายพันเล่ม
เมื่อสโตนได้รับการแนะนำให้รู้จักกับฮิลล์นั้น เขาบอกฮิลล์ว่าเขาได้จ่ายเงินซื้อหนังสือไปมากแค่ไหน และพูดด้วยความเชื่อมั่นว่า เป็นเพราะหนังสือของฮิลล์ทำให้เกิดพลังในการขาย และแปรเปลี่ยนบริษัทของเขาจากที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จนักให้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่
นโปเลียน ฮิลล์ และดับเบิลยู. คลีเมนต์ สโตน เห็นพ้องต้องกันในการพบกันครั้งแรกว่า ฮิลล์ควรตัดสินใจเลื่อนการเกษียณอายุตัวเองออกไปก่อน เพื่อที่จะร่วมมือกับสโตนในการ “สร้างสรรค์โลกที่ดีกว่าเดิม เพื่ออนาคตของคนรุ่นใหม่” ภายใน 1 ปีเขาได้ช่วยนโปเลียน ฮิลล์ ตีพิมพ์หนังสือเล่มใหม่ออกมาคือ How to Raise Your Own Salary และ The Master Key to Riches เขานำหนังสือขายดีมาตีพิมพ์ใหม่ และเป็นนักเขียนร่วมหนังสือขายดีเล่มใหม่คือ Success Through a Positive Mental Attitude
1
เขาได้เริ่มทำนิตยสารและสร้างสรรค์หลักสูตร PMA Science of Success ซึ่งเป็นหลักสูตรสำหรับเรียนด้วยตัวเองที่บ้าน ทำรายการโทรทัศน์ รายการวิทยุ ภาพยนตร์สารคดี A New Sound in Paris ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงอันน่าอัศจรรย์ใจเมื่อทั้งเมืองปารีสและมิสซูรีได้นำหลักปรัชญาของนโปเลียน ฮิลล์ ไปใช้ นอกจากนี้ทั้งคู่ยังได้สลับกันบรรยาย สอน ให้สัมภาษณ์ และเผยแพร่ปรัชญาไปยังผู้คนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
เพื่อเป็นการช่วยงานซึ่งกันและกัน บริษัทของ ดับเบิลยู. คลีเมนต์ สโตนก็ได้ปรึกษานโปเลียน ฮิลล์ ในการควบรวมกิจการบริษัทประกันในสหรัฐอเมริกา ฮิลล์ได้ออกแบบและจัดเตรียมหลักสูตรฝึกอบรมการขาย ซึ่งประสบความสำเร็จในธุรกิจอย่างน่าประหลาดใจ โดยช่วยให้สโตนเพิ่มสินทรัพย์ให้บริษัทของเขาจาก 30 ล้านดอลลาร์เป็น 100 ล้านดอลลาร์ ภายในเวลาไม่ถึง 10 ปี
ในปี ค.ศ. 2002 เมื่อดับเบิลยู. คลีเมนต์ สโตน ยุติบทบาทในบริษัทของเขา ซึ่งปัจจุบันรู้จักกันในนามบริษัทมหาชน AON เขาทำรายได้ถึง 2,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี ดับเบิลยู. คลีเมนต์ สโตน ได้ใช้ทรัพย์สินส่วนตัวมากกว่า 275 ล้านดอลลาร์ เพื่อบริจาคให้องค์กรเพื่อการกุศลต่างๆ มากมาย
บางทีนี่อาจไม่ใช่ตัวอย่างที่ยิ่งใหญ่นักของ “การที่คนตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปนำความรู้และความพยายามมาร่วมมือร่วมใจกันด้วยจิตวิญญาณแห่งความสมัครสมานสามัคคีระหว่างกัน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่แน่นอน” แต่ตลอด 10 ปีที่นโปเลียน ฮิลล์ และดับเบิลยู. คลีเมนต์ สโตน ร่วมกันทำงาน และต่างก็มีอิทธิพลซึ่งกันและกันจนประสบความสำเร็จนั้น แทบจะไม่มีข้อสงสัยในเรื่องของพลังและความสำคัญแห่งการระดมความคิดเลย
ความคิดของมนุษย์เป็นขุมทองที่มากมายมหาศาลยิ่งกว่าขุมทองอื่นใดในผืนโลก
นโปเลียน ฮิลล์
อ่านจบแล้วเป็นยังไงกันบ้างคะ?
ตอนนี้ถ้าคุณมีคู่หูไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว เพื่อนที่เป็นมิตรแท้ หรือทีมของคุณที่อยู่ด้วยกัน ทำงานด้วยกัน มีความพยายามที่จะบรรลุเป้าหมายเดียวกัน ถ้าคู่หูหรือทีมที่มีอยู่เป็นคนที่ใช่ แอดก็ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ แอดก็อยากจะแนะนำว่าให้เก็บรักษาเขาให้ดีและดูแลเขาให้ดีค่ะ
เพราะเขาเหล่านั้นคือทรัพย์สมบัติที่สำคัญมาก และคุณก็เป็นคนที่โชคดีมากเช่นกันค่ะ
โฆษณา