30 มี.ค. 2022 เวลา 16:40 • ข่าวรอบโลก
เยอรมนีประกาศใช้แผนฉุกเฉินด้านพลังงานแล้ว
จะเกิดอะไรขึ้น? หากรัสเซียตัดแก๊สเยอรมนี
รมต. เศรษฐกิจเยอรมัน ยันจ่ายเป็นรูเบิลไม่ได้
--- บทความต่อไปนี้ใช้เวลาในการอ่านประมาณ 4 นาที ---
ภาพจาก Reuters
วันนี้ (30 มีนาคม 2022) เยอรมนีได้ประกาศใช้แผนฉุกเฉินด้านพลังงานขั้นแรก เพื่อเตรียมความพร้อมจากความเป็นไปได้ที่รัสเซียจะตัดแก๊ส หากไม่ชำระราคาแก๊สเป็นสกุลรูเบิล ซึ่งรัสเซียกำหนดเส้นตายภายในวันที่ 31 มีนาคมนี้
เยอรมนีนำเข้าแก๊สจากรัสเซียกว่าร้อยละ 55 ของการนำเข้าแก๊สทั้งหมดในปี 2021 และกว่าร้อยละ 40 ในไตรมาสแรกของปี 2022
รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจและการจัดการภูมิอากาศแห่งเยอรมนี (Bundesministerium für Wirtschaft und Klimaschutz – BMWK)
Robert Habeck ระบุว่า
“เยอรมนีจะยังคงมีภาระผูกพันด้านทรัพยากรกับรัสเซียจนถึงกลางปี 2024”
แล้วปัญหาคืออะไร ?
รัฐบาลมอสโกระบุเมื่อช่วงสัปดาห์ที่แล้วว่า รัสเซียจะดำเนินการกับประเทศที่รัสเซียจัดว่า ‘ไม่เป็นมิตร’ ภายในวันที่ 31 มีนาคมนี้
1
ประเทศที่อยู่เบื้องหลังการคว่ำบาตรรัสเซีย จะต้องจ่ายค่าแก๊สเป็นรูเบิลเท่านั้น ซึ่งนั่นครอบคลุมไปถึงเยอรมนี, ประเทศมหาอำนาจทางอุตสาหกรรมในยุโรป
รวมไปถึงพันธมิตรด้วย
ซึ่งปัจจุบันประเทศเหล่านี้จ่ายค่าแก๊สในสกุลยูโรหรือดอลลาร์เท่านั้น
Habeck รัฐมนตรีกระทรวง BMWK ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบความมั่นคงทางพลังงานของเยอรมนี ได้ตัดสินใจปฏิเสธเงื่อนไขของรัสเซียที่จะให้ชำระราคาแก๊สเป็นสกุลรูเบิลเท่านั้น โดยให้เหตุผลว่า รัสเซียจะต้องเคารพข้อกำหนดของสัญญาซื้อขายแก๊สซึ่งมีให้ปฏิบัติตามอยู่แล้ว
2
ลูกค้าเยอรมันรายใหญ่ของรัสเซีย ทั้งบริษัท Uniper, RWE และ EnBW ทั้งหมดนี้มีสัญญาซื้อขายแก๊สระยะยาวกับรัสเซีย จนถึงเวลานี้ บริษัททั้งหลายยังคงไม่ออกมาระบุว่าพวกเขามีแผนการรับมืออย่างไร
2
แล้วเยอรมนีมีแผนการอะไร ?
แผนการฉุกเฉินทางด้านพลังงานของรัฐบาลเบอร์ลินมีอยู่สามระดับ
ระดับแรก คือ ระดับที่รัฐบาลเบอร์ลินพึ่งประกาศใช้ไป
ในระดับนี้จะเป็นการเตือนล่วงหน้า หากมีสัญญาณที่ชี้ว่าปัญหาฉุกเฉิน
ด้านวัตถุดิบและทรัพยากรมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้น
4
ระดับสอง คือ การออกประกาศเตือน ในกรณีที่อุปทานและอุปสงค์นั้น
ผิดไปมากจากภาวะปกติ แต่ยังคงสามารถแก้ไขได้ด้วยการแทรกแซงจากรัฐบาล
ระดับสาม คือ ระดับฉุกเฉิน ในกรณีที่การเข้าแทรกแซงตลาดไม่ประสบผลสำเร็จในการบรรเทาความขาดแคลน ในระดับนี้ หน่วยงานเยอรมันอย่าง Bundesnetzagentur ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลกิจการสาธารณูปโภคพื้นฐาน
ของเยอรมนี จะต้องตัดสินใจ และกำหนดแนวทางการใช้งานแก๊สที่ยังเหลืออยู่
1
แล้วใครจะได้รับผลกระทบก่อน ?
หากเยอรมนีไม่สามารถควบคุมความมั่นคงของทรัพยากรแก๊สได้
ภาคอุตสาหกรรมซึ่งคิดเป็นร้อยละ 30 ของ GDP ประเทศเยอรมนี
จะได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนแก๊สก่อน โดยกว่าหนึ่งในสี่ของ
ความต้องการแก๊สทั้งหมดนั้น เกิดขึ้นจากภาคอุตสาหกรรม
2
“นั่นหมายความว่าความเสียหายทางผลผลิตของภาคอุตสาหกรรมย่อมเกิดขึ้น
ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องไปยังซัพพลายเชน หรือห่วงโซ่อุปทานด้วย”
“สิ่งที่เราพูดถึงนั้นเป็นความเสียหายที่รุนแรงมาก”
Leonhard Birnbaum
ประธานบริหารเครือพลังงานเยอรมัน E.ON กล่าว
ภาคส่วนที่จะได้รับผลกระทบต่อมาคือภาคครัวเรือน และท้ายที่สุดคือ
หน่วยงานสาธารณะ อย่างโรงพยาบาล จะได้รับผลกระทบในลำดับสุดท้าย
การผลิตไฟฟ้าซึ่งคิดเป็นร้อยละ 13 ของการบริโภคแก๊สทั้งหมดในปีที่แล้ว สามารถปรับไปใช้กำลังผลิตจากโรงไฟฟ้าถ่านหินได้ แต่นั่นหมายความว่า โครงการลดการใช้ถ่านหินที่กำลังดำเนินอยู่ จะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงจากผลของกฎหมายภาวะฉุกเฉิน เพื่อเป็นการสร้างหลักประกันขีดความสามารถ
ในการผลิตกระแสไฟฟ้า
2
นอกเหนือไปจากกิจการพลังงาน อุตสาหกรรมที่ต้องพึ่งพาแก๊ส
อย่าง อุตสาหกรรมเคมี จะได้รับผลกระทบด้วย
การผลิตพลาสติก ไปจนถึงการผลิตปุ๋ย
ล้วนแล้วแต่พึ่งพาแก๊สในกระบวนการผลิตทั้งนั้น
อุตสาหกรรมใดที่พึ่งพาผลผลิตจากกระบวนการทางเคมี เช่น
การผลิตรถยนต์ ซึ่งต้องใช้ผลผลิตทางเคมีอย่างแบตเตอรี่และแลคเกอร์
เป็นส่วนประกอบ ย่อมได้รับผลกระทบไปด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น ผลกระทบยังเกิดกับกระบวนการกลั่นน้ำมันที่ต้องอาศัยแก๊สในการดำเนินการด้วย การผลิตแนฟทา น้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล น้ำมันเครื่องบิน น้ำมันเตา และผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมอื่น ๆ ย่อมประสบปัญหา
ในกระบวนการผลิตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
1
Foto:
- Reuters
โฆษณา