มองโลกตามความเป็นจริง มองโลกทั้งสองมุม ทั้งด้านบวกและด้านลบ นักจิตวิทยามักจะแนะนำการสร้างพลังบวกโดยมองจากมุมด้านที่ดี โดยละทิ้งด้านที่ไม่ดี แต่ในมุมของศาสนาพุทธ เรามองความเป็นไปของทั้งสองด้าน ไม่ว่ามันจะดีจะเลว มันก็เป็นสภาวะชั่วครู่ ชั่วคราว ที่ไม่ยั่งยืน ซักวันหนึ่งมันก็จะดับไป และเกิดขึ้นใหม่หมุนเวียนกลับไปมา อยู่เรื่อยๆ เดี๋ยวดี เดี๋ยวไม่ดี เดี๋ยวสุข เดี๋ยวทุกข์ โดยพิจารณาจากปัญญาว่า สภาวะสุข ทุกข์ เกิดจากการปรุงแต่งไปเอง เช่น นํ้าครึ่งแก้ว คิดในแง่หลักจิตวิทยา การคิดบวกก็คือคิดว่านํ้ายังเหลืออีกตั้งครึ่ง แต่คิดลบคือคิดว่า นํ้าจะหมดแล้วต้องตายแน่ๆเลย แต่คิดในทางศาสนาคือไม่คิดเรื่องดังกล่าว หรือคิดว่ามันเป็นเช่นนั้นเอง จะปรุงแต่งให้คิดบวกหรือคิดลบก็ได้ ขึ้นอยู่กับจิตของเราเอง เรียกว่ารู้ทันความคิดของเราเอง