✅Morning Update 01.04.2022
🇺🇸🇪🇺ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง 3 ดัชนีหลัก ผันผวนระหว่างวันก่อนปรับตัวลดลงแรงในช่วงท้ายตลาด โดยเป็นการปิดฉากไตรมาสที่แย่ที่สุดในรอบ 2 ปี ลง
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ คืนวันพฤหัสบดีที่ 31.03.2022 ดัชนี Dow Jones -550.46 จุด -1.56% S&P 500 -72.04 จุด -1.57% และ Nasdaq 100 -233.05 จุด -1.55% โดยมีรายละเอียดต่าง ๆ ดังนี้
1. ทางด้านสหราชอาณาจักรมีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจได้แก่ ตัวเลข GDP ประจำไตรมาสที่ 4 ฉบับปรับปรุงของปี 2021 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ขยายตัวที่ 1.3% สูงกว่ารายงานก่อนหน้าที่ 0.9% และสูงกว่าคาดที่ 1.0%
โดยเมื่อนำตัวเลข GDP ไตรมาสที่ 4 ฉบับปรับปรุงมาคำนวณ ส่งผลให้ตัวเลข GDP ขยายตัวที่ 6.6% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า (YoY) และดีกว่าที่คาดไว้เล็กน้อยที่ 6.5%
2. ด้านประเทศเยอรมนีมีประกาศตัวเลขอัตราการว่างงานประจำเดือนมีนาคมที่สำรวจโดย Destatis หดตัวลดลง 18,000 ราย ดีกว่าคาดที่หดตัวที่ 20,000 ราย แต่ยังลดลงน้อยกว่าเดือนก่อนหน้าที่หดตัวถึง 32,000 ราย
ตัวเลขจำนวนอัตราการว่างงานที่ลดลงดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวในภาคการจ้างงานเริ่มกลับมาดีกว่าที่คาด โดยภาพรวมแล้วการว่างงานของเยอรมนียังอยู่ในระดับต่ำที่ 3%
ตลาดหุ้นฝั่งยุโรปปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากวันก่อนหน้า โดยเป็นการปรับตัวลดลงตั้งแต่เปิดตลาด Stoxx 600 ปิดที่ 455.86 จุด (-0.94%)
3. ด้านสหรัฐฯ มีรายงานตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจ 3 ตัวคือ
(i) ผู้มาลงทะเบียนสวัสดิการว่างงานครั้งแรกประจำสัปดาห์หรือ Initial Jobless Claims ที่ 202,000 ราย สูงกว่าที่คาดไว้ที่ 197,000 ราย และมากกว่าสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 188,000 ราย
(ii) ตัวเลขดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐานหรือ Core PCE Price Index ประจำเดือนกุมภาพันธ์ ขยายตัวที่ 0.4% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า (MoM) และขยายตัวที่ 5.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) เป็นตัวเลขที่สูงกว่าเดือนก่อนที่ 5.2% แต่ต่ำกว่าคาดเล็กน้อยที่ 5.5%
(iii) ตัวเลขดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคส่วนบุคคลทั่วไปหรือ Headline PCE Price Index ประจำเดือนกุมภาพันธ์ ขยายตัวที่ 0.6% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า (MoM) และขยายตัวที่ 6.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 1982
4. ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ประกาศแผนที่จะเพิ่มอุปทานน้ำมันเข้าคลังสินค้าทั้งหมดให้ได้ 180 ล้าน บาร์เรล ในช่วง 6 เดือนข้างหน้า นับว่าเป็นการปล่อยอุปทานน้ำมันเข้าสู่ระบบสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1975
นอกจากนี้ยังด้านกลุ่ม OPEC (องค์การกลุ่มประเทศผู้ส่งน้ำมันออก) ยังคงเดินหน้าแผนการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันที่ 430,000 บาร์เรล ต่อวัน
ส่งผลให้ในช่วงค่ำวานที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบร่วงไปแล้วมากกว่า 6%
5. หุ้นที่ปรับตัวลดน้อยลงกว่าตลาดและ Outperform ตลาดสูงสุด 3 อันดับ ได้แก่หุ้นเชิงรับอย่าง หุ้นกลุ่มผู้ให้บริการสาธารณูปโภค -0.17% กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค -0.43% และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ -1.18%
ในช่วงเดือนที่ผ่านมา หุ้นกลุ่มผู้ให้บริการสาธารณูปโภคปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้จะไม่หวือหวาแต่กลับสร้างสถิติเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดเมื่อเปรียบเทียบรายเดือน ในรอบ 20 ปี ตั้งแต่ปี 2002
Next Energy -0.92% Duke Energy +0.16% American Electric Power +0.35% Public Service Enterprise +0.09%
P&G -1.03% Coca-Cola -0.34% PepsiCo -0.35% Philip Morris 0.00% Mondelez +0.05% Colgate -0.69%
American tower +0.14% Prologis -1.62% Crown Castle +0.02% Equinix -1.62% Public Storage -1.48%
6. หุ้นที่ underperform ตลาด 3 อันดับสูงสุดได้แก่ หุ้นกลุ่มสถาบันการเงิน -2.32% กลุ่มผู้ให้บริการสื่อสาร -2.01% และกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย -1.95%
หุ้นกลุ่มธนาคารถูกกดดันจากการเกิดที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุสั้นใกล้เคียงกับอายุยาว (flattening yield curve)
ซึ่งจะทำให้กำไรส่วนต่างระหว่างเงินให้กู้และต้นทุนการกู้ยืมที่แคบลง (Net Interest Margin น้อยลง) ส่งผลให้ตลาดคาดกำไรหุ้นกลุ่มนี้มีแนวโน้มปรับตัวลดลง
Bank of America -4.14% Well Fargo -3.29% Citi Group -2.86% Signature Bank -4.24% State Street -4.83%
Berkshire Hathaway -1.40% JP Morgan -3.00% Morgan Stanley -3.18% Goldman Sachs -1.64% Black Rock -1.70% Charles Schwab -5.01%
ด้านกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากวันก่อนหน้า โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มสินค้าหรูหรา
PVH -7.35% Tapestry -5.16% Ralph Lauren -4.70%
Starbucks -0.07% 3Nike -2.87% Lowe’s -3.48% McDonald -0.70% Home Depot -2.96% Target -4.39% TJX -2.29%
7. หุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ปรับตัวลดลง
Apple -1.61% Alphabet -2.02% Microsoft -1.56% Amazon -1.86% Meta -2.41% Netflix -1.80% Adobe -0.96% Salesforce -1.22% Visa -0.97% Mastercard -1.34%
หุ้น Innovation ปรับตัวลดลง
Tesla -1.50% Lucid Group -4.19% Uber -2.46% Roku -3.60% Teladoc Health -1.29% Block (Square) -3.21% Zoom -4.22% Spotify -3.29% Twilio -2.27% Coinbase -3.48% Robinhood -7.21% Affirm Holdings -1.01% Unity Software -1.98% Shopify -4.20%
หุ้น Semiconductor ปรับตัวลดลง โดยหุ้น AMD ปรับตัวลดลงรุนแรงกว่า 8%
สถาบันการเงินชื่อดัง Barclays ประกาศลดราคาเป้าหมาย AMD จาก 148 เหรียญสหรัฐฯ เป็น 115 เหรียญสหรัฐฯ โดยให้ความเห็นว่าความเสี่ยงกลุ่มฐานลูกค้าปลายน้ำของ AMD เพิ่มขึ้น
Nvidia -1.46% AMD -8.27% Intel -3.71% Micron -1.60% Qualcomm +0.06% Broadcom -0.24%
8. ETF ด้าน Technology & Innovation ปรับตัวลดลงแรง
ARK Innovation (ARKK) -3.48% ARK Fintech (ARKF) -4.31% PowerShares WilderHill Clean Energy (PBW) -0.56% iShares PHLX Semiconductor (SOXX) -2.28% SPDR S&P Kensho Smart Mobility (HAIL) -1.60% VanEck Vectors Video Gaming and eSports (ESPO) -2.73% Global X Cybersecurity (BUG) -0.19% และ KraneShares CSI China Internet (KWEB) -6.25%
9. หุ้นจีนและเอเชียที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงตามหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ
Alibaba -6.67% Baidu -8.04% Coupang -5.51% Didi Global -14.97% iQIYI -9.92% JD -5.90% Luckin Coffee -6.22% NetEase -2.53% Pinduoduo -8.34% SEA -2.96% TAL Education -5.64% TSMC -2.31% Nio -5.05% Xpeng -2.99%
10. S&P500 VIX Index ดีดตัวขึ้นแรงทะลุระดับ 20 จุด ก่อนย่อตัวลงเล็กน้อย โดยปิดที่ 20.56 จุด (+6.36%)
ด้าน Nasdaq 100 VIX ผันผวนระหว่างวัน โดยปิดที่ 26.99 จุด (+2.23%)
ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น โดยล่าสุดอยู่ที่ 98.33 จุด (+0.02%)
ราคาทองคำผันผวนรุนแรงในกรอบราคา 1,920-1,950 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยล่าสุดอยู่ที่ 1,936 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 และผันผวนเล็กน้อย โดยราคาล่าสุดอยู่ที่ 33.27 บาทต่อดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลดลงแรงกลับไปแตะระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยราคาล่าสุดอยู่ที่ 101 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ที่มาภาพ :
#LHBankAdvisory
- 1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
