4 เม.ย. 2022 เวลา 03:27 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ความเสี่ยงหุ้น โรงไฟฟ้า
โรงไฟฟ้า แรกๆลุงกบก็คิดว่ามันดูง่ายๆ กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น หมายถึงรายได้เพิ่มขึ้น ก็กำไรเพิ่มขึ้น
อันที่จริง มันไม่ตรงไปตรงมาอย่างนั้นน่ะสิ จริงๆแล้วมีปัจจัยที่ส่งผลอยู่บ้าง ทำให้บางทีเราเห็นกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น แต่ไม่ได้ส่งผลให้กำไรเพิ่มขึ้นก็มี
การดูหุ้น จึงควรดูผลงานย้อนหลังหลายปีหน่อย เพื่อดูว่าช่วงผลงานแย่ๆ เขาเป็นอย่างไร จัดการได้ดีไหม กำไรเหลือเท่าไร เป็นต้น
พลังงานน้ำ เขื่อน - มรสุม ปริมาณน้ำฝน ส่งผลต่อน้ำในเขื่อน ถ้ามีเขื่อนอยู่ก่อนหน้า ปล่อยน้ำมาไหม เหล่านี้ก็ส่งผลต่อไปที่กำลังการผลิต ค่อนข้างผันผวนเลยทีเดียว น่าจะ +-40% ได้เลยมั้ง
พลังงานแสงอาทิตย์ - ความเข้มแสง วันฝนตก แดดออก มรสุมเข้า หน้าหนาวยาวนานกว่าปกติ สวิงบ้างตีว่าประมาณ +-30%
พลังงานลม - ความเร็วลม มรสุม ก็มีผล ปีไหนนิ่งๆก็ผลิตไฟได้ต่ำหน่อย มีสวิงบ้าง แต่ก็ไม่ค่อยเยอะ น่าจะสัก +-20%
ใช้น้ำมัน ถ่านหิน แก็ส - ราคาน้ำมัน ถ่านหิน แก๊สที่เป็นต้นทุน ราคาในตลาดโลกขึ้นลงก็ส่งผลต่อต้นทุนการผลิต และกำไร อันนี้จะไม่ค่อยผันผวนมาก ส่งผลสัก +-10%
ขยะ โดยตรง - ยังนึกไม่ออก เพราะต้นทุนคือขยะมันก็มีเหลือเฟืออยู่แล้ว อันนี้น่าจะสวิงน้อยสุด ราคาเชื้อเพลิงคือขยะก็ไม่น่าเปลี่ยนแปลงไรมาก +-5% แล้วกัน
ขยะใช้ RDF - ที่พอทราบเป็นการใช้ร่วมกับ ถ่านหิน ซึ่งก็อาจจะได้รับผลกระทบจาก ถ่านหินขึ้นหรือลง เช่น ถ่านหินราคาถูกกว่า RDF ก็มาใช้ถ่านหิน ทำให้กำไรเพิ่มขึ้น ถ้าแพงกว่าก็ใช้ RDF อันนี้เนื่องจากส่วนหนึ่งมันคือถ่านหิน ความผันผวนน่าจะอยู่ระหว่างถ่านหินกับขยะ สัก 5-10%
ใต้พิภพ - เข้าใจว่าค่อนข้างมีผลกระทบน้อย สัก 5%
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องดูสัญญาประกอบด้วยว่าเป็นแบบไหน จากความพร้อมใช้ หรือผลิตได้ หรือจำหน่ายจริง
และทั้งนี้ทั้งนั้นอีก ความเห็นส่วนตัวลุงล้วนๆ ไม่ได้มีข้อมูลรองรับ ต้องไปลงรายละเอียดอีกทีนะครับ
โฆษณา