สปอยล์: "โฮโม ดีอุส" หนังสือที่รับรองว่าจะเปลี่ยนความคิดคุณไป… ไม่ทางใดก็ทางนึง…
2
รีวิวเค้าว่ากันไว้แบบนั้น แล้วก็เป็นจริงตามนั้นเลยจ้า เลยอยากแชร์ให้เพื่อนๆ อ่านด้วย อ่านจบแล้วใครมีความเห็นยังไง มาแชร์กันได้ โนะ
1
🙊 (สปอยล์ ยกที่ 1)
2
ความสุขคืออะไร???
ในบริบทของหนังสือเล่มนี้ ลืมเรื่องคำนิยามเชิงปรัชญาที่จับต้องไม่ได้ ประเภท ความสุขคือความพอใจในทุกสิ่งรอบตัว ความสุขคืออิสระที่ได้เป็นตัวเอง ความสุขคือความรัก ความใคร่ใดๆ ไปก่อนเลยค่ะ
ในเชิงวิทยาศาสตร์แล้ว ความสุขไม่ได้ซับซ้อนอะไรขนาดนั้น
ความสุข = ชีวเคมี
2
สั้นๆ ง่ายๆ ตามนี้นะ
ไม่ว่าคุณจะเป็นนักฟุตบอลที่เตะลูกด้วยเท้าขวาไปอย่างสุดกำลัง และค่อยๆ มองเห็นลูกบอลหมุน 360 องศา 5 รอบ ผ่านหัวกองหลัง เฉียดมือนายประตูไปแค่นิดเดียววว… พิ่ว!!! 1 ประตู!!!
หรือคุณจะเป็นผู้ชมที่นั่งอยู่ขอบสนามชั้น 1 ชั้น 2 ชั้น 3
หรือนั่งดูเกมนี้ผ่านทางทีวี
เพียงแค่มี "ชีวเคมีของความสุข" ทุกคนก็สามารถมีความสุขในแบบเดียวกันได้แล้ว
2
และนี่ก็น่าจะเป็นคำอธิบายที่ฟังดูสมเหตุสมผลที่สุด ว่าทำไมแฟนบอลส่วนใหญ่ถึงได้ดีใจ "อย่างกะไปเตะเอง" ทั้งๆ ที่นั่งดูอยู่ที่บ้านแท้ๆ ก็เป็นเพราะเจ้า "ชีวเคมีของความสุข" นี่แหละ
2
หรือบางรายที่ดีใจ "ยิ่งกว่าไปเตะเองเสียอีก" ก็เป็นผลมาจากปริมาณ "ชีวเคมีของความสุข" ที่มีมากกว่านักเตะตัวจริงนั่นเอง
แล้วมันยังแปลว่าอะไรได้อีก??
ไม่ว่าคุณจะถูกหวย ผู้ชายขอแต่งงาน หรือนั่งกินหมูกะทะ… เพียงแค่เรามี "ชีวเคมีของความสุข" ในแบบเดียวกันนี้ เราก็สามารถที่จะมีความสุขได้เหมือนกัน
1
แล้วถ้าเราตกงาน?? เลิกกับแฟน?? หรือไม่มีข้าวกิน แต่มี "ชีวเคมีของความสุข" ในร่างกาย มีประจุไฟฟ้าแปร๊บๆ วิ่งอยู่ในสมองส่วนที่รับผิดชอบเรื่องความสุขล่ะ??
เราก็ยังจะมีความสุขอยู่ดี!!!
Credit : Pixabay
นี่เป็นการทดลองที่ทำกับหนูมาแล้ว มันยอมที่จะอดข้าวเพื่อแลกกับ "ชีวเคมีของความสุข"
2
แล้วมันก็เป็นเรื่องจริงที่เกิดกับพ่อของเพื่อนเราด้วย…. พ่อยอมอดข้าว แต่พ่อจะไม่ยอมขาดเหล้าเด็ดขาด!!!!
6
🙊 (สปอยล์ ยกที่ 2)
เป็นเรื่องน่าเศร้าที่เจ้า "ชีวเคมีของความสุข" ที่ว่านี่ถูกออกแบบมาให้อยู่กับพวกเราแค่ชั่วคราวเท่านั้น
1
ธรรมชาติคัดสรรให้สัตว์ทุกตัวมีปฏิกิริยาตอบสนองกับ "ชีวเคมีความสุข" เพียงชั่วคราวเท่านั้น (รวมถึงสายพันธุ์ลิงอย่างพวกเราด้วย)
กระรอกตัวที่กินถั่ว 1 มื้อแล้วมีความสุขแค่ 3 ชั่วโมงเป็นตัวที่จะอยู่รอดและได้ไปต่อ เพราะมันจะออกไปหาอาหารมื้อใหม่มากิน เพื่อให้ได้รับ "ชีวเคมีความสุข" อีกครั้ง
กระรอกตัวที่กินถั่ว 1 มื้อแล้วมีความสุขไป 7 8 9 ชั่วโมง คือตัวที่ถูกคัดออก!! เพราะมันจะพอเพียง เพียงพอ จนไม่ได้มองหา "ชีวเคมีความสุข" ในมื้อใหม่ และกลายเป็นกระรอกขาดสารอาหารไปในที่สุด
4
นักวิทยาศาสตร์ยังสรุปไว้ด้วยว่า… ไม่ว่าอาหารในมือนั้นจะเป็นอะไร และอร่อยแค่ไหน น่าเสียดายที่เจ้ากระรอกไม่สามารถมีความสุขได้นานเกิน 3 ชั่วโมง ธรรมชาติได้ออกแบบพวกมันไว้อย่างนั้น (พวกเราก็ด้วย เชื่อมั้ย??)
1
และต่อให้เจ้ากระรอกได้กินถั่วที่อร่อยที่สุดในป่าทุกมื้อ นอกจากมันจะได้รับแค่ความสุขชั่วคราวแล้ว เมื่อเวลาผ่านไป ความคุ้นชินยังจะทำให้ถั่วพวกนั้นกลายเป็นมาตราฐานใหม่ของความสุขไปอีก… กลายเป็นว่ากินยังไงก็ไม่สุขแล้ว!! แต่ถ้าไม่ได้กิน เจ้ากระรอกจะทุกข์ทันที
2
แล้วความสุขของมันคืออะไรล่ะ??
คือการหาอย่างอื่นมากิน หาอย่างอื่นมาทำ เพียงเพื่อที่จะได้มี "ชีวเคมีของความสุข" ในระดับเดียวกับถั่ว 1 มื้อเมื่อครั้งกระนู้นนนนน
Credit : Pixabay
🙊 (สปอยล์ ยกที่ 3)
แล้วความสุขของมนุษย์เราล่ะ??
ความสุขของพวกเราก็มาจาก "ชีวเคมีของความสุข" เหมือนกระรอกในป่านี่แหละ
เมื่อมีมัน เราก็มีความสุข… ได้ชั่วคราว
เมื่อไม่มีมัน เราก็มองหา… เราต้องการมัน!!
แต่ที่ต่างจากกระรอกก็คือ มนุษย์เรามักจะเอา "ชีวเคมีความสุข" ไปผูกติดกับความสำเร็จ คนที่มีร้อยที่ 1 ก็อยากจะมีร้อยที่ 2 3 4 // คนที่มีพันที่ 1 ก็อย่างจะมีพันที่ 2 3 4 // คนที่มีล้านก็อยากจะมี สิบล้าน ร้อยล้าน พันล้าน มากขึ้นไปอีก
2
การมีเงินร้อยล้านอยู่ในบัญชีนานๆ ทำให้มนุษย์ทุกคนเป็นทุกข์ (เฮ้ย!!!)
8
การขยับจากสิบล้านไปร้อยล้านกลับทำให้มนุษย์มีความสุข… แค่ชั่วคราว (เฮ้ยอีกรอบ!!!)
1
และขนาดของความสำเร็จก็ไม่ได้มีผลต่อระยะเวลาหรือปริมาณของความสุขอย่างที่พวกเรา (เคย) เข้าใจ เพราะไม่ว่าเราจะไปแค่เซเว่นหน้าปากซอย หรือเพิ่งไปเหยียบดาวพลูโตมา ถ้าร่างกายเราตอบสนองต่อ "ชีวเคมีของความสุข" ในปริมาณเท่านี้ ได้นานแค่นี้…. เราก็สุขได้แค่นี้แหละ!!! (ง่ายเนอะ??)
1
โดยธรรมชาติแล้ว มนุษย์เราถูกออกแบบมาให้ "ไม่รู้จักพอ" เหมือนเจ้ากระรอกในป่านั่นแหละ
1
คนโสดก็อยากจะมีแฟน คนมีแฟนก็อยากจะแต่งงาน แต่งงานไปก็อยากมีลูก คนแก่ที่มีลูกก็อยากมีหลาน อัพเกรดกันไปอย่างเป็นระดับ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
7
คนที่มีแฟนสวย ก็อยากจะมีแฟนสวย + เก่ง คนที่มีแฟนสวย + เก่ง อยู่แล้วก็อยากจะได้ที่ สวย + เก่ง + รวย แม้กระทั่งคนที่มีแฟนเพรียบพร้อมอยู่แล้ว ก็ยังอยากจะได้ฟังชั่นเสริม อย่างความสดใส ออดอ้อน เพิ่มมาอยู่ดี
ในมาตรวัดของเผ่าพันธุ์มนุษย์อย่างพวกเรา มันไม่มีทั้งคำว่า "พอดี" แล้วก็ "ดีพอ" ทั้งคู่นั่นแหละ พวกเราต้องการอีก!! และพวกเรา "ต้องการอีก" ในทุกๆ เรื่องด้วย !!
2
ณ จุดนี้ เราก็อาจจะต้องยอมจำนนต่อหลักฐานทางวิทยาศาสตร์แล้วว่า ธรรมชาติได้ออกแบบมาให้เรา "ไม่รู้จักพอ" จริงๆ ด้วย
1
Credit : Pixabay
🙊 (สปอยล์ ยกที่ 4)
แล้วทำยังไงมนุษย์เราถึงจะมีความสุขได้อย่างยั่งยืน??
มี 3 วิธีค่ะ (ในหนังสือเค้าบอกว่า 2 แต่เรากับสามีจับใจความได้ 3 อ่ะ 😅)
2
🌵 หนึ่ง เราก็ต้องพัฒนาตัวเอง อัพเกรดบ้าน รถ ไลฟ์สไตล์ เงินในบัญชี แฟน (ไม่ได้หาเพิ่มนะ อัพเกรดสถานะของเธอขึ้นไปงี้)
1
มีล้าน ก็หาสิบล้าน ร้อยล้าน ว่ากันไป
1
จากที่เคยเที่ยวต่างจังหวัด ก็ขยับไปประเทศเพื่อนบ้าน ออสเตรเลีย ยุโรป เมกา ขั้วโลกเหนือ ดวงจันทร์ ดาวอังคาร ดาวพลูโต ไต่ระดับไปเรื่อยๆ
ให้มันสมเกียรติเผ่าพันธุ์มนุษย์ "ผู้ไม่รู้จักพอ" เอาให้มันรู้ไปเลยว่าเราจะไปได้ไกลแค่ไหน
1
🌵 สอง tame ตัวเองให้ "รู้จักพอ" จ้าา ในหนังสือเค้าใช้คำว่า "tame" ที่ฟังแล้วคิดไปถึงการฝึกช้าง ฝึกเสือ สัตว์ป่าใดๆ "ให้เชื่อง" ไปไม่ได้
ขนาดหมา แมว ม้า เรา (เราคือทาร่านี่แหละ) ยังใช้แค่คำว่า "train" เลย… ถ้าเราตีความภาษาอังกฤษไม่ผิด เราคิดว่าผู้เขียนเค้าตั้งใจใช้คำว่า "tame" เพื่อสื่อว่า จริงๆ แล้วสัญชาติญาณดิบและ "ความไม่รู้จักพอ" ของพวกเรามันอยู่ในระดับเดียวกับสัตว์ป่านี่แหละ มนุษย์อย่างเราถึงต้อง "tame" ตัวเอง
4
สามารถทำได้โดยการนั่งสมาธิ พิจารณาความรู้สึกของตัวเองดีๆ สุขก็ให้รู้ว่าสุข ทุกข์ก็ให้รู้ว่าทุกข์ ร่างกายของเราไม่ใช่ตัวตนของเรา ความรู้สึกของเราไม่ใช่ของจริง มันก็แค่ประจุไฟฟ้าที่เกิดขึ้นในสมอง แล้วส่งผลออกมาเป็นความรู้สึกเพียงชั่วคราวเท่านั้น
17
ทุกสิ่งในโลกนี้ล้วนมีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป... ใดๆ ในโลกล้วนอนิจจา...
3
เมื่อเราเข้าใจสัจธรรมข้อนี้ได้แล้ว "ความเพียงพอ" ที่ได้มาจากการ "tame" นี้จะทำให้เราสุขได้ในทุกวัน ทุกเวลา และสุขโดยไม่มีเงื่อนไขของความสำเร็จเข้ามาเกี่ยวข้อง
2
Credit : Pixabay
🙊 (สปอยล์ ยกที่ 5)
🌵 สาม ในเมื่อความสุขมันง่ายดายแค่เรื่องของ "ชีวเคมี" แล้วเราจะไปวุ่นวายกับข้อ 1 ข้อ 2 ทำไม ??
ใครอยากสุขตอนไหน อยากสุขเมื่อไหร่ อยากสุขแค่ไหน ก็มาเอา "ชีวเคมี" ไปเลยสิ ทางตรง ทางลัด ไม่ต้องเดินทางไกลให้วุ่นวาย
ทุกวันนี้ นักวิทยาศาสตร์มี "สารเคมี" ไว้ตอบสนองทุกความต้องการของมนุษย์อยู่แล้ว เพียงแต่เราเรียกมันให้ดูดีหน่อย ยาแก้เครียดบ้าง ยานอนหลับบ้าง บาง "สารเคมี" เราก็เรียกมันว่าวิตามิน อาหารเสริม
2
เราอยากเป็นคนแบบไหนล่ะ??
อยากมีร่างกายที่แข็งแรงเหรอ…. (ในวงการกีฬารู้กันดี) "สารเคมี" ช่วยได้ค่ะ
อยากอารมณ์ดีเหรอ…. (ในวงการบันเทิงรู้ดี) "สารเคมี" ช่วยได้ค่ะ
อยากมีจินตนาการที่หลุดโลกเหรอ… (วงการดนตรีน่าจะรู้ดี) "สารเคมี" ช่วยได้ค่ะ
อยากให้ลูกมีสมาธิดีๆ เรียนเก่งๆ เหรอ… นักวิทยาศาสตร์เค้าก็มียารักษาโรคสมาธิสั้นเตรียมไว้ให้ (แต่มาในรูปแบบวิตามินบำรุงสมอง เพิ่มสมาธิในการเรียน)
อยากผอมเหรอ… นักวิทยาศาสตร์เค้าก็มียาวิเศษที่จะทำให้คุณไม่หิวค่ะ!!
อยากอะไรอีกล่ะ?? ผิวสวย หน้าใส อกฟู รูฟิต ท่านชายปึ๋งปั๋ง ทุกวันนี้ "สารเคมี" มันก็ให้ได้หมดแหละ
ทั้งความเป็น อยู่ คือ ของร่างกายและตัวตนเรา
รวมไปถึงความรู้สึกที่เราอยากจะรู้สึกด้วย
อยากได้แบบไหน โลกเราในตอนนี้ก็มี "สารเคมี" ที่ตอบสนองความต้องการของเราได้หมด (ถูกกฎหมายบ้าง ไม่ถูกกฎหมายบ้าง ข้ามเรื่องนี้ไปก่อนนะ - ประเด็นคือวิทยาศาสตร์ตอนนี้มันทำได้!!!)
และข้อ 3 นี่แหละคือโลกของเราในตอนนี้!!
มนุษย์เรากำลังออกแบบร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ ความรู้สึกของเราเองโดยไม่ต้องพึ่งพาธรรมชาติอีกต่อไป…
3
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของเรามันล้ำหน้าจนท้าทายสวรรค์ การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปของเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้เปลี่ยนไปแล้ว
1
พวกเรากำลังทำหน้าที่พระเจ้ากันเอง!!!
และนี่ก็เป็นที่มาของชื่อหนังสือ "Homo Deus" ที่แปลว่า "มนุษย์พระเจ้า" นั่นเอง
❣❣❣❣❣
แล้วความสุขในมุมมองของเพื่อนๆ เป็นแบบไหนกันบ้างคะ??
แล้วถ้าผลลัพธ์มันไม่ต่างกันเหมือนที่นักวิทยาศาสตร์เค้าบอกไว้จริงๆ เพื่อนๆ อยากจะสุขแบบที่ 1 2 หรือ 3 ??
❤️🧡💛💚💙
เพราะเราเชื่อว่าทุกการเรียนรู้และประสบการณ์ในชีวิต เปรียบเสมือน "จุด" ที่ดูไม่เป็นรูปเป็นร่าง จนกระทั่ง.... เราเชื่อมต่อหลายๆ "จุด" เข้าด้วยกัน
เพจนี้จะเป็นสาระความรู้ พัฒนาตัวเอง ธุรกิจ จิตวิทยา และปรัชญาชีวิต ปนๆ กันไป
2
ขอบคุณทุกคนที่แวะมาเยี่ยมเยียน และแลกเปลี่ยน “จุด” กันนะคะ
เราเชื่ออย่างหมดใจว่า… สุดท้ายแล้ว ภาพของพวกเราจะต้องออกมาสวยงามแน่ๆ
📙📙📙📙📙
ส่วนใครที่อยากได้ตัวช่วยในการไปถึงทุกผลลัพธ์ในชีวิต เรายังมีอีกเทคนิคนึง คือ การใช้ Vision Board มานำเสนอด้วยค่ะ
1
หนังสือ "Power of Vision Board เปลี่ยนชีวิตให้เป๊ะปังด้วยพลังจากรูปภาพ" โดย Tara Thow
เล่มนี้เป็นหนังสือที่เราตั้งใจเขียนมากๆ ใช้เวลาหาข้อมูลอยู่ปีกว่าเลยค่ะ กว่าจะรวบรวมทุกทฤษฎี ทุกประสบการณ์ จากทุกคนที่เราจะสามารถรวบรวมมาได้
เอามาสังเคราะห์เรียบเรียงให้อ่านง่าย จบได้ภายใน 1 ชั่วโมง และที่สำคัญ….. มันได้ผลจริงๆค่ะ
2
แบบเล่มที่ Se-ed https://bit.ly/3mJ7fNl
E-book ที่ Meb: https://bit.ly/3Bljwh0E-book
ที่ Ookbee: https://bit.ly/3Bn43Nj
🌈 ช่องทางอื่นๆ ในการติดตาม Tara Thow
IG: tarathow
Blockdit 1: มนุษย์แม่ลูกสองจากเมืองซิดนีย์ By Tara Thow
Blockdit 2: จุด by Tara Thow
Tiktok: @tarathow
Line: @tara.thow
1
โฆษณา