5 เม.ย. 2022 เวลา 11:50 • การศึกษา
[คัมภีร์ Excel] เคล็ดไม่ลับกับการนำเสนอข้อมูลโดย Scatter chart ใน Excel
ถ้าเรามีข้อมูลที่จะพล๊อตในแกน X และ Y เพื่อจะดูความสัมพันธ์ของข้อมูลว่ามีความสัมพันธ์กันอย่างไร เราสามารถทำได้ดดยใช้ Scatter chart หรือแผนภูมิกระจาย ใน Excel เราจะมาดูการสร้าง Scatter chart และการประยุกต์การใช้งานกัน
Scatter chart คืออะไร ควรใช้มันตอนไหนดี
Scatter chart หรือแผนภูมิกระจายเป็นการพล๊อตข้อมูลแบบจุดและแต่ละจุดจะแทนค่าของของมูลในแกน X และ แกน Y เราจะใช้มันเมื่อต้องการทำความเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรข้อมูล 2 ตัวเช่น ความสัมพันธ์ของราคากับกำไร ความสัมพันธ์สองครั้งจากบุคคลคนเดียวกันเช่น การวัดส่วนสูงและน้ำหนักของคน 50 คน เป็นต้น ต่อไปเราลองมาดูวิธีการสร้าง Scatter chart ใน Excel กันครับ
ในตัวอย่างเราจะดูความสัมพันธ์ของค่าโฆษณากับผลกำไรโดย Excel
จากกราฟที่ได้เมื่อเราต้องการรู้ว่าความสัมพันธ์ของข้อมูลจะสัมพันธ์กันแบบ Positive หรือ Negative หรือไม่มีความสัมพันธ์กันเลยสามารถทำได้ง่ายๆได้โดยเพิ่มเส้น Trend เข้าไปในกราฟดังวิธีต่อไปนี้
จากเส้น Trendline ที่เราได้ จะบอกได้แค่ว่ามันมีความสัมพันธ์กันแบบ Positive หรือ Negative แต่มันจะบอกเราไม่ได้ว่ามันมีความสัมพันธ์กันในระดับไหนแต่เราก็สามารถความดูสัมพันธ์ได้โดยใช้สูตร Correlation coefficient
= CORREL(D3:D14,E3:E14) = 0.86
ซึ่งค่า Correlation coefficient จะมีค่าระหว่าง -1 ถึง 1 โดย 1 คือค่ามีความสัมพันธ์กันแบบ Positive และ -1 คือแบบ Negative ซึ่งค่าจากตัวอย่างเราคือ 0.86 ซึ่งมีความสัมพันธ์กันแบบ Positive มากๆ
ต่อไปเรามาดูกันว่า Excel มี scatter chart ให้เราเลือกกี่ชนิดนะ ลองเอาเมาส์ไปเลือกดูตรง Scatter chart จะเห็น Scatter chart ขึ้นมาให้เลือกดังรูป
ชนิดของ Scatter chart เหล่านี้ช่วยให้เราไม่ต้องเพิ่ม Trendline ก็จริงแต่เมื่อจุดของข้อมูลเยอะขึ้นกราฟก็จะดูยากขึ้นตามรูป
หวังว่าบทความนี้จะทำให้เราเข้าใจ Scatter chart มากขึ้นและสามารถนำไปประยุกต์ใช้งานกับงานของพวกเราได้ ลองนำไปใช้กันดูครับ
โฆษณา