3 เม.ย. 2022 เวลา 17:04 • เพลง & ซีรีส์ เกาหลี
#TwentyFiveTwentyOne
#Netflix
จบลงแล้วสำหรับซีรี่ย์ที่นับว่างดงามอยู่ในใจของคนดูหลาย​ ๆ​ คน​ ตลอดสองเดือนที่ผ่านมา​ เราได้หัวเราะ​ ร้องไห้​ และนับการปลอบโยนจากซีรี่ย์เรื้องนี้​ วันนี้แอดเลยอยากจะมาแชร์ข้อคิดดี ๆ​ ที่ได้จากซีรี่ย์เรื่องนี้​ ไปดูกันเลย
1. แม้จะรู้สึกว่าชีวิตยากแค่ไหน การมองหาความสุขเล็ก ๆ ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม
เชื่อว่าฉากนี้เป็นท่อนฮุคที่ตกเราหลาย ๆ คนได้ แม้จะเป็นแค่ ep.2 ก็ตาม พอโตเป็นผู้ใหญ่ โลกของเรากลับแคบลง ความฝันหายไป แทนที่ด้วยความเป็นจริงและความเป็นไปได้ เราดิ้นรนจนบางครั้งมองข้ามสิ่งเล็ก ๆ หรือวิธีแก้ปัญหาง่าย​ ๆ​ ไป เหมือนกับแพคอีจินที่ไม่ขอมีความสุขเพราะเรื่องราวเลวร้ายที่ตัวเองพบเจอ แต่การมองโลกแบบเด็กที่ช่วงวัยเต็มไปด้วยความฝัน และความสุขเล็ก ๆ จากสิ่งที่ไม่น่าเชื่ออย่างการเล่นน้ำจากก๊อกที่นาฮีโดมอบให้ พร้อมกับคำพูดที่ว่า มาเล่นกับฉันอย่างมีความสุขกันเถอะ มันทำให้ฉุกคิดได้ว่า จริงด้วยแค่สิ่งเล็กน้อยแค่นั้นก็เป็นความสุข เราทุกคนมีสิทธิ์ที่จะมีความสุขได้นะ​ แม้มันจะเป็นช่วงเวลาสั้น​ ๆ​ ก็ตาม
2. แม้เราจะพ่ายแพ้หลายครั้ง แต่ประสบการณ์เหล่านั้นก็สั่งสมเป็นบันไดให้เราไต่ขึ้นสูง และเข้าใกล้เป้าหมายขึ้นเรื่อย ๆ
คำพูดประกอบฉากหวาน ๆ ที่แบคอีจินให้กำลัง และใช้ตกหัวใจนาฮีโดและพวกเรานั้นมีความหมายมากจริง ๆ แม้เราจะพ่ายแพ้มาสักกี่ครั้ง จำนวนครั้งที่พ่ายแพ้ไม่ใช่สิ่งการันตีว่าเราจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่การไม่ยอมแพ้เรียนรู้ และก้าวต่อต่างหากล่ะ ที่เรียกได้ว่าการประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง
3. การยอมถอยออกมาเพียงเล็กน้อย เพื่อรวบรวมกำลังใจในการตัดสินใจเดินหน้าต่อ
การที่แพคฮีจินหนีไปขายปลาที่ต่างจังหวัด หลังจากที่ล้มเหลวจากการสัมภาษณ์งานในเมือง ไม่ใช่การหนีแบบยอมแพ้ แต่เป็นการถอยเพื่อตั้งหลัก ให้พร้อมที่จะกลับมาสู้ต่อ
เช่นเดียวกับตอนที่แม่กูโยริมซื้อโทรศัพท์มือถือให้ลูกสาว ในตอนที่ครอบครัวกูโยริมเป็นหนี้มากมาย การเสียเงินไปกับสิ่งของฟุ่มเฟือยในเวลานั้นอาจดูเหมือนเป็นการตัดสินใจที่ไม่ฉลาด แต่การที่แม่ทำแบบนั้น ไม่ใช่แค่เพื่อยูริม แต่ก็เพื่อให้ตนเองรู้สึกมีความสุขจากการที่สามารถทำให้ลูกมีความสุข เพื่อที่ตนเองจะได้มีกำลังใจในการสู้ต่อไป
4. บางเหตุการณ์แย่ ๆ ก็มีข้อดีอีกด้านที่เราอาจไม่รู้
ใน ep. แรกดูเหมือนยุคสมัยเป็นสิ่งที่พรากความฝันในการเป็นนักกีฬาของนาฮีโดไป แต่ในตอนถัด ๆ มายุคสมัยนี่เองที่ ช่วยให้ฮีโดมีโอกาสได้ลงแข่งคัดตัวเป็นนักกีฬาทีมชาติ
ทำนองเดียวกันตอนที่แม่ฮีโดต้องไปรายงานข่าวฉุกเฉินจนกลับไม่ทันนัดที่ให้ไว้กับลูกสาว​ แม่เหตุการณ์นี้จะตอกย้ำปมในใจของนาฮีโด แต่เหตุการณ์เดียวกันนี้ก็ช่วยจุดประกายความฝันในการเป็นนักข่าวมืออาชีพให้กับแพคอีจิน เมื่อได้ฟังเช่นนั้นฮีโดเองก้รู้สึกว่าเหตุการณ์นี้ก็มีด้านดีในแบบของมัน
เพราะฉะนั้น Everything happens for a reason. แม้ว่าจะเกิดเรื่องร้าย ๆ ขึ้น ก็อย่าท้อถอย และพยายามทำให้วิกฤตนั้นกลายเป็นโอกาสให้ได้
5. คนเรามีวิธีจัดการกับความเจ็บปวดได้ไม่เหมือนกัน การสื่อสารด้วยความเข้าใจจึงเป็นสิ่งสำคัญ
พอพ่อฮีโดตายไป ความอบอุ่น ความใกล้ชิดของคนในครอบครัวก็ห่างออกไป แม่มีเวลาให้ฮีโดน้อยลงเพราะต้องทำงานเลี้ยงหนักเพื่อดูลูกคนเดียวในเวลาที่เศรษฐกิจย่ำแย่ เธอเลือกที่จะไม่แสดงออกเก็บความเสียใจ ความโหยหาเอาไว้ ทำเหมือนว่าลืมไปแล้ว และหวังว่าสักวันลูกสาวจะเข้าใจ แต่ตัวฮีโดนั้นอยู่ในวัยที่ต้องการความรักเป็นคนที่พูด และแสดงทุกอย่างออกมา ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ถึงทำเหมือนว่าพ่อไม่เคยมีตัวตน ใน ep.12 นี้จึงเป็นตัวปลดล็อกทุกอย่างในใจคนทั้งคู่ และทำให้รู้ว่าแม้แม่จะไม่แสดงว่าเสียใจ ก็ไม่ใช่ว่าไม่เสียใจ ในขณะที่ฮีโดแสดงทุกอย่างออกมาก็ไม่ใช่หมายความว่าอ่อนแอ แค่คนเรามีวิธีจัดการกับความเจ็บปวดในรูปแบบที่ต่างกันไป บ้างเลือกที่จะร้องออกมา บ้างเลือกที่จะเก็บไว้คนเดียว บ้างเลือกที่จะทำเหมือนว่าไม่เป็นไร แค่เราต้องรู้จักที่จะพยายามเข้าใจ และเปิดใจที่จะสื่อสารกันด้วยการรับฟังอย่างไม่ตัดสินไปก่อน
6. บางครั้งการเลือกที่จะยอมแพ้ก็เป็นความท้าทายอย่างนึง
เรามักรู้สึกว่าการยอมแพ้เหมือนเป็นทางเลือกของคนขี้ขลาด แต่จากซีรี่ย์เรื่องนี้ทำให้เรารู้สึกว่ามันแตกต่างออกไปจากตัวละครเยจี ที่เลือกที่จะเลิกฟันดาบที่เคยเป็นเหมือนทักษะ และหนทางในอนาคตทางเดียวของเธอ เพราะรู้สึกว่าเธอไม่สนุกกับมันอีกต่อไป แน่นอนว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ยากมากสำหรับเธอ และโค้ดเองก้คัดค้าน พร้อมท้าให้เธอผ่านเข้ารอบรองให้ได้ถ้าอยากที่จะเลิกฟันดาบจริง ๆ การกระทำของโค้ดไม่ใช่การกลั่นแกล้ว แต่เป็นการให้โอกาสเยจีในการทบทวนตัวเองว่าทางเลือกของเธอไม่ใช่การตัดสินใจเพราะว่าเธอไม่ประสบความสำเร็จ และตัวเยจีเองก็พยายามจนเข้ารอบรองได้ และยังคงยึดมั่นในการตัดสินใจของตนเอง ดังนั้นในบางครั้งถ้าเราเลือกที่จะล้มเลิกเพราะเรามีเหตุผล หลังจากที่ได้พยายามอย่างเต็มที่แล้ว สิ่งนั้นก็ถือว่าเป็นความท้าทายและการตัดสินใจที่ยิ่งใหญ่มากกว่าจะเป็นความพ่ายแพ้
7. ไม่มีอะไรคงอยู่ตลอดไป
ข้อนี้น่าจะเป็นคอนเซ็ปท์หลักของซีรี่ย์เรื่องนี้เลย ใน 16 ตอนที่ผ่านมาเราได้เห็นพัฒนาการของเหล่าตัวละครที่ผ่านทั้งความสุข ความทุกข์ มากมาย ช่วงเวลาที่เคยเสียใจมาก ๆ วันหนึ่งก็กลับกลายเป็นอดีต เป็นเรื่องเล่า เป็นความทรงจำ ดังนั้นไม่ใช่แค่ความสุขที่ไม่คงอยู่ตลอดไป ความทุกข์ก็เช่นกัน ช่วงเวลาเหล่านั้นคือช่วงเวลาที่ให้เราเรียนรู้และเติบโตไปกับมันก็พอ
แต่ความประทับใจจากซีรีย์เรื่องนี้จะคงอยู่ไปอีกนาน ขอบคุณซีรี่ย์เรื่อง Twenty five, twenty one ที่เป็นกำลังใจให้คนดูมาตลอดช่วงเวลาสองเดือนนี้​ ข้อคิด​ 7​ ข้อนี้คงเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่ง​ จริง​ ๆ​ ซีรี่ย์เรื้องนี้ยังมีอีกหลายมุมมอง​ ทั้งทางจิตใจ​ ประวัติศาสตร์และการเมืองอีกมากมาย​ เพื่อนคนไหนได้แง่มุมดี​ ๆ​ สามารถแชร์กันได้เลยนะ​ 🙂
โฆษณา