4 เม.ย. 2022 เวลา 04:45 • ธุรกิจ
KBANK กำลังพิจารณาขายธุรกิจ จัดการกองทุน (KAsset)
2
สำนักข่าว Bloomberg ได้รายงานว่าธนาคารกสิกรไทย หรือ KBANK กำลังพิจารณาที่จะขายบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย หรือ KAsset ที่มูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 67,000 ล้านบาท
1
ด้วยมูลค่าดังกล่าว
หากเทียบกับกำไรที่ KAsset ทำได้ในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุดที่ 2,800 ล้านบาท
หมายความว่าธุรกิจ KAsset ถูกประเมินมูลค่าด้วย P/E สูงถึง 24 เท่า ซึ่งมากกว่า P/E ของธนาคารกสิกรไทยเองที่ซื้อขายกันอยู่ที่ 10 เท่า
3
สำหรับแนวทางการขายกิจการ อาจจะเป็นได้ทั้ง ขายทั้งหมด หรือ ขายหุ้นบางส่วน ใน KAsset
1
ซึ่งเหตุผลสำคัญก็เพื่อต้องการหาพันธมิตรทางธุรกิจ ที่มีความเชี่ยวชาญมาช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งปัจจุบัน KAsset มีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการอยู่ราว 1.6 ล้านล้านบาท
4
ปัจจุบัน KAsset มีส่วนแบ่งตลาดในด้านทรัพย์สินภายใต้การจัดการ (AUM) อยู่ที่ 18% ของตลาด ซึ่งเป็นอันดับ 2 ของประเทศ
1
โดย KAsset มีส่วนแบ่งตลาด เป็นอันดับ 1 ในประเภทกองทุนรวม อันดับ 2 ในประเภทกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
1
ทั้งนี้ สำนักข่าว Bloomberg ได้ระบุว่าการพิจารณาขายกิจการ KAsset ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ยังไม่มีการตัดสินใจขั้นสุดท้ายแต่อย่างใด
1
ซึ่งดีลที่เกิดขึ้นในลักษณะเดียวกันก่อนหน้านี้ คือดีลที่ Eastspring ได้ซื้อหุ้น 65% ของ TMBAM จากธนาคารทหารไทย เมื่อ 4 ปีก่อน ก่อนที่ธนาคารทหารไทยจะควบรวมกับธนาคารธนชาตเป็น TTB
5
เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่น่าติดตาม
และเราจะเห็นได้ว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ในไทย
กำลังใช้กลยุทธ์หลายรูปแบบในการปลดล็อกมูลค่ากิจการ
ที่เห็นได้ชัดก็คือคู่แข่งอย่าง SCB ที่ใช้วิธีคล้ายกัน ที่ก่อนหน้านี้ได้ขายธุรกิจประกันชีวิต SCB Life ให้กับบริษัท FWD มูลค่า 92,700 ล้านบาท แล้วก็ผันตัวเองเป็นเพียงนายหน้าประกัน หลังจากนั้น SCB ก็แปลงร่างเป็น SCBX เพื่อคอยลงทุนในธุรกิจอื่น ๆ นอกจากธนาคาร
6
มาวันนี้ข่าวเรื่อง KBANK พิจารณาขายหุ้น KAsset ก็อาจเป็นแนวคิดที่คล้ายกันก็คือ ธนาคารในยุคนี้จะพยายาม “ไม่โอบกอดทุกธุรกิจไว้เป็นของตัวเอง” ในทางตรงกันข้าม เขาจะหาพันธมิตรที่เชี่ยวชาญธุรกิจนั้นจริง ๆ เพื่อความสามารถในการแข่งขันที่ดีขึ้นในอนาคต
2
ส่วนตัวธนาคารก็ผันตัวเองไปโฟกัสสิ่งที่ตนเองได้เปรียบนั่นก็คือ “การมีลูกค้าจำนวนมากที่เปิดบัญชีกับธนาคาร” ดังนั้นการหาผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า ไม่ว่าผลิตภัณฑ์นั้นจะมาจากค่ายไหน น่าจะเป็นสิ่งที่ธนาคารที่รู้ตัวทัน จะดำเนินกลยุทธ์ต่อไป
4
การขายธุรกิจก็เป็นได้ทั้งขายบางส่วน หรือแม้กระทั่งขายทั้งหมด เพื่อผันตัวเองไปเป็นตัวกลางหรือนายหน้า
2
ซึ่งในอนาคตก็คงไม่แปลก ถ้าเราเข้าแอปธนาคาร แล้วจะมีผลิตภัณฑ์ของต่างธนาคารมาให้เลือก (ซึ่งวันนี้ก็เริ่มได้เห็นกันบ้างแล้วในบางแอป)
กลับกลายเป็นว่าผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ จะไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นผู้เล่น FinTech หน้าใหม่ที่ก่อนหน้านี้พยายามใช้จุดเด่น บอกว่าตัวเองเป็นแพลตฟอร์มที่ไม่เลือกค่าย สามารถซื้อผลิตภัณฑ์เจ๋ง ๆ ได้จากทุกธนาคาร, กองทุน, ประกัน
9
มาวันนี้เราเริ่มเห็นสัญญาณบางอย่างจากตัวธนาคารเอง ว่าเขาพร้อมที่จะยอมสละบางส่วน มองลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และรักษาลูกค้าไว้ให้อยู่กับธนาคาร
4
จริง ๆ เรื่องนี้เกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่ง ในตอนที่ธนาคารยอมลดค่าธรรมเนียมการโอนเหลือ 0 บาท ทำให้ลูกค้าธนาคารไม่เห็นความจำเป็นจะต้องไปใช้แอปอื่นในการโอนเงิน
5
ตั้งแต่วันนั้นมา ก็เหมือนเป็นการปิดประตูหลาย FinTech ในไทย ไม่ให้เกิดได้อีกเลย..
โฆษณา