5 เม.ย. 2022 เวลา 02:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ
✅Morning Update 05.04.2022
🇺🇸🇪🇺ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดีตั้งแต่เปิดตลาด แม้ว่า 7 กลุ่มอุตสาหกรรมจาก 11 กลุ่มอุตสาหกรรมในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง โดย Nasdaq 100 ปิดบวกกว่า 2%
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ คืนวันจันทร์ที่ 04.04.2022 ดัชนี Dow Jones +103.61 จุด +0.30% S&P 500 +36.78 จุด +0.81% และ Nasdaq 100 +298.37 จุด +2.01% โดยมีรายละเอียดต่าง ๆ ดังนี้
1. นาย Jon Cunliffe รองผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ หรือหนึ่งในผู้ที่คัดค้านการขึ้นดอกเบี้ยครั้งล่าสุด ให้ความเห็นว่า BoE (Bang of England) ไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องแบบนี้
โดยการที่ BoE ขึ้นดอกเบี้ยติดต่อกันต่อเนื่องอาจทำให้ภาคเอกชนสันนิฐาน (Priced-in) ว่าอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง และพยายามที่จะผลักภาระไปให้บุคคลที่สาม ส่งผลให้ราคาสินค้าและค่าจ้างปรับตัวเพิ่มขึ้น
ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว หากราคาพลังงานในยุโรปคลี่คลายลง แต่ BoE ยังไม่แก้ไขการดำเนินนโยบายทางการเงินที่ตึงตัวมากเกินไป อาจทำให้นโยบายทางการเงินนี้กลับมาทำร้ายเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรและกลายเป็นปัจจัยกดดันให้เงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงเสียเอง
2. ด้านสหภาพยุโรปได้มีการหารือถึงมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียชุดใหม่ โดยมีแนวโน้มว่าจะเป็นการจำกัดการซื้อขายสินค้าประเภทสินค้าหรูหรา โลหะ และน้ำมันเครื่องยนต์ต่อรัสเซีย
อย่างไรก็ดีประเด็นที่มีการพูดคุยถึงการยกเลิกการนำเข้าสินค้า จำพวกก๊าซธรรมชาติ น้ำมันและถ่านหินจากรัสเซีย ยังคงถูกชะลอไปในการประชุมครั้งนี้
แม้ว่าหลายประเทศในกลุ่มพันธมิตรเช่น สหรัฐฯ สนับสนุนให้ยุโรปยกเลิกการนำเข้าพลังงานงานจากรัสเซียแต่ด้านยุโรปกลับมองว่าผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจยุโรปจะรุนแรงกว่ารายได้ของรัสเซียที่หายไป
ตลาดหุ้นฝั่งยุโรปผันผวนรุนแรงในช่วงเช้าก่อนปรับเพิ่มขึ้นได้ดีในช่วงบ่าย โดย Stoxx 600 ปิดที่ 462.19 จุด (+0.84%)
3. ด้าน Fed สาขา San Francisco ได้ทำการศึกษาประเด็น Great Resignation หรือ การลาออกครั้งใหญ่ไว้ว่า
ขณะที่ตัวเลขการจ้างงานยังคงอยู่ในระดับต่ำ แต่ตัวเลขตำแหน่งงานเปิดใหม่ หรือ Job Openings ยังคงอยู่ในระดับสูง
เหตุการณ์ดังกล่าวสื่อให้เห็นถึงความต้องการของแรงงานใหม่ที่ยังคงสูงอยู่ ซึ่งเป็นผลพวงมาจากการเปลี่ยนงานที่บ่อยกว่าและถี่กว่าเดิมของคนอเมริกันในปัจจุบัน หรือกระแสที่เรียกว่า “Great Resignation”
เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวได้ดีภายหลังการระบาดของไวรัสโควิด 19 แรงงานส่วนมากได้ถือจังหวะที่ตลาดแรงงานร้อนแรงนี้ในการหางานใหม่ที่จะช่วยเพิ่มเงินเดือนให้สูงขึ้น หรือ เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของตนเองมากขึ้น
ซึ่งด้าน Fed ได้เปิดเผยถึงผลการศึกษาว่ากระแส Great Resignation นี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ โดยในอดีต ช่วงของการฟื้นตัวเศรษฐกิจที่รุนแรงในแต่ระลอก เช่นปี 1948, 1951, 1953, 1966, 1969, และ 1973 ก็ได้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น
เพียงแต่ครั้งก่อน เป็นการเกิดขึ้นกับตลาดแรงงานในอุตสาหกรรมการผลิต ขณะที่ปัจจุบันเป็นการเกิดขึ้นของแรงงานในภาคการบริการ
ซึ่งหากกระแสเหล่านี้ไม่มีท่าทีที่จะชะลอลงตัว และค่าจ้างแรงงานยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจะส่งผลทางอ้อมต่อเงินเฟ้อเนื่องจากแรงงานเป็นต้นทุนส่วนสำคัญของธุรกิจในภาคบริการ ซึ่งถือว่าเป็นภาคอุตสาหกรรมหลักของสหรัฐฯ ในปัจจุบัน
4. ค่ำวานที่ผ่านมา ได้มีรายงานเปิดเผยถึงการเข้าซื้อหุ้น Twitter ของนาย Elon Musk และขึ้นแท่นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ด้วยสัดส่วน 9.2%
ส่งผลให้ราคาหุ้น Twitter พุ่งขึ้นสูงกว่า 30% ในระหว่างวัน
นอกเหนือจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและผู้ให้บริการสื่อสารในสหรัฐฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นโดดเด่นแล้ว หุ้นจีนและเอเชียที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็ได้รับอานิสงค์เชิงบวกด้วย
จากประเด็นที่ว่าทางการจีนได้ผ่อนคลายกฎเกณฑ์ลงเพื่อให้ง่ายต่อทางการสหรัฐฯ ในการตรวจสอบงบการเงินและข้อมูลบริษัท
5. หุ้นที่ Outperform ตลาด 3 อันดับสูงสุดได้แก่หุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย +2.33% กลุ่มผู้ให้บริการสื่อสาร +2.28% และกลุ่ม เทคโนโลยี +1.91%
ด้านกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย นอกเหนือจากการได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นที่โดดเด่นของ Tesla ด้านหุ้นกลุ่มสินค้าหรูหราปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดีเช่นกัน
Ralph Lauren +2.74% PVH +1.13% Tapestry +0.28%
Nike +0.61% Lowe’s +0.85% Home Depot +1.22% Target +1.84% TJX +1.94% McDonald -0.97% Starbucks -3.72%
อย่างไรก็ตามหุ้น Starbucks ปรับตัวลดลงแรงสวนทิศทางกลุ่มจากการยกเลิกโครงการซื้อหุ้นคืน
Twitter +27.12% Pinterest +10.44% Snapchat +5.22% Walt Disney +1.15%
6. หุ้นที่ underperform ตลาด 3 อันดับสูงสุดได้แก่ หุ้นกลุ่มเชิงรับอย่างผู้ให้บริการสาธารณูปโภค -0.79% กลุ่มเฮลท์แคร์ -0.75% และกลุ่มวัฏจักรอย่างหุ้นกลุ่มสถาบันการเงิน -0.47%
Johnson & Johnson -0.97% Pfizer -1.22% Moderna -2.29%
United Health -0.50% Abbot Labs +0.25% AbbVie -0.49% Thermo Fisher -0.37%
ด้านกลุ่มสถาบันการเงินโดยเฉพาะหุ้นกลุ่มธนาคารยังคงได้รับแรงกดดันจากประเด็นการเกิด Inverted Yield Curve ต่อเนื่อง จากความกังวลที่จะทำให้กำไรส่วนต่างระหว่างเงินให้กู้และต้นทุนการกู้ยืมน้อยลง (Net Interest Margin ลดลง)
ด้านนาย Jamie Dimon ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JP Morgan ได้พูดถึงประเด็นความกดดันใหม่ของธนาคารในจดหมายถึงผู้ถือหุ้นว่า กลุ่มธนาคารอาจจะต้องเผชิญหน้ากับการบันทึกหนี้สูญหรือตัดจ่ายทรัพย์สินออกจากมูลค่าทางบัญชีสำหรับทรัพย์สินของธนาคารในรัสเซีย
โดยทางด้านราคาหุ้น JP Morgan ได้ปรับตัวลดลงแรงเมื่อเปิดตลาดก่อนฟื้นตัวกลับขึ้นมาปิดบวกได้
Bank of America -0.17% Well Fargo -0.51% Citi Group +0.90% Signature Bank -0.28% State Street +0.04% SVB -0.16%
Berkshire Hathaway -1.71% JP Morgan +0.44% Morgan Stanley +0.33% Goldman Sachs -0.61% Black Rock +1.62% Charles Schwab -1.48%
7. หุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดี
Apple +2.37% Alphabet +2.01% Microsoft +1.79% Amazon +2.93% Meta +4.02% Netflix +4.83% Adobe +2.32% Salesforce +3.11% Visa +0.61% Mastercard +0.81%
หุ้น Innovation ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้โดดเด่น โดย Tesla ราคาหุ้นพุ่งแรงจากยอดส่งมอบรถยนต์ไตรมาส 1 สูงกว่า 310,000 คันใกล้เคียงกับคาดการตลาดที่ประมาณ 278,000-357,000 คัน
Tesla +5.61% Lucid Group +2.69% Roku +7.19% Teladoc Health +2.83% Block (Square) +8.66% Zoom +5.30% Spotify +3.34% Twilio +3.07% Coinbase +2.51% Robinhood +2.44% Affirm Holdings +2.34% Unity Software +9.83% Shopify +4.95%
หุ้น Semiconductor ฟื้นตัวได้ดี
Nvidia +2.43% AMD +2.16% Intel +2.27% Micron +1.96% Qualcomm +4.64% Broadcom +1.26%
8. ETF ด้าน Technology & Innovation ปรับตัวเพิ่มขึ้นโดดเด่น
ARK Innovation (ARKK) +4.38% ARK Fintech (ARKF) +4.27% PowerShares WilderHill Clean Energy (PBW) +5.20% iShares PHLX Semiconductor (SOXX) +1.62% SPDR S&P Kensho Smart Mobility (HAIL) +3.19% VanEck Vectors Video Gaming and eSports (ESPO) +3.54% Global X Cybersecurity (BUG) +1.84% และ KraneShares CSI China Internet (KWEB) +7.65%
9. หุ้นจีนและเอเชียที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นโดดเด่นตามหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและนวัตกรรมสหรัฐฯ
Alibaba +6.62% Baidu +9.10% Coupang +3.10% iQIYI +16.74% JD +7.14% Didi Global +6.38% KE holdings +17.27% Luckin Coffee +4.40% NetEase +2.36% Pinduoduo +15.59% SEA +9.60% TAL Education +8.02% TSMC +1.95% Nio +8.76% Xpeng +7.57%
10. S&P500 VIX Index ปรับตัวลดลงต่อเนื่องตั้งแต่เปิดตลาด โดยปิดที่ 18.57 จุด (-5.40%)
ด้าน Nasdaq 100 VIX ปรับตัวลดลงตั้งแต่เปิดตลาดเช่นกัน โดยปิดที่ 24.93 จุด (-3.78%)
ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย โดยล่าสุดอยู่ที่ 99.00 จุด
ราคาทองคำผันผวนในกรอบราคาที่แคบลงระหว่าง 1,930-1,940 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยล่าสุดอยู่ที่ 1,932 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ค่าเงินบาททรงตัวจากช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยราคาล่าสุดอยู่ที่ 33.45 บาทต่อดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบ WTI กลับขึ้นมาอยู่ในกรอบระดับราคาที่ 100-105 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยราคาล่าสุดอยู่ที่ 104.40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ที่มาภาพ :
#LHBankAdvisory

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา