ย่างก้าวสุดท้ายของนายซาลาห์
โดย มิสมาต้า
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กับการต่อสัญญาครั้งสำคัญมากที่สุดในชีวิต
ปัจจุบันถ้าจะอ้างจากผลงานในสนามของดาวยิงแห่งไอยคุปต์ ที่กำลังจะมีอายุครบ 30 ปี ในเดือนมิถุนายนนี้ว่า เขาคือนักเตะที่เก่งที่สุดในโลก ณ ขณะนี้ ก็ไม่ได้เป็นอะไรที่เกินความจริงไปนัก
เขาเป็นทั้งเครื่องจักรสังหาร , จอมถวายพาน , จอมทำลายล้างเกมรับ และ ตัวดึงดูดตัวประกบ ซึ่งทำผลงานในฤดูกาลนี้ได้ดีกว่าสองนักเตะระดับดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอลอย่างเห็นได้ชัด
จนทำให้การต่อสัญญาฉบับที่กำลังจะหมดลงในเดือนมิถุนายน ปี 2023 กลายเป็นมีปัญหาขึ้นมา
เพดานค่าแรงของ ลิเวอร์พูล ในขณะนี้ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ภูผาหินแห่งดัทช์รับสูงสุดอยู่ที่ 220,000 ปอนด์/สัปดาห์ โดยมี โม ซาลาห์ กับ ธิอาโก อัลคันทารา รับมากที่สุดเป็นอันดับที่สองร่วมกันที่ 200,000 ปอนด์
ตัวเลขตามข่าวที่ ซาลาห์ โยนหินถามทางไป ไม่ได้มีการระบุว่าเป็นจำนวนเท่าไหร่ แต่มีการระบุว่าเขาไม่ได้เรียกร้องอะไรที่เกินเลยจากความเป็นจริงแม้แต่น้อย
ซึ่งถ้าจับคำพูดของ ซาลาห์ แล้วนำไปผูกกับเพดานค่าแรงของสโมสร รวมทั้งค่าแรงของทีมใหญ่ในพรีเมียร์ ลีก
ค่าแรงของ ฟาน ไดจ์ค อยู่ในอันดับที่ 11 ซึ่งห่างกันลิบลับกับค่าแรงระดับ Top5 ของลีก
โดยถ้าเราตัด คริสเตียโน โรนัลโด ออกไป เพราะความเป็นซูเปอร์สตาร์ที่สามารถขายภาพลักษณ์ได้ เควิน เดอ บรอยน์ ที่อยู่ในลำดับที่สองรับอยู่ที่ 400,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ จึงน่าจะถูกนำมาเป็นมาตรฐานรองรับการคำนวณของฝั่งซาลาห์ ซึ่งถ้าว่ากันจริงๆ ตัวเลขขนาดนี้ไม่ได้สูงจนเรียกว่าปล้นกันสดๆ เลย
ถ้าเรามองในแง่มุมของ ลิเวอร์พูล เราก็สามารถนำอายุของนักเตะ กับ สัญญาของผู้เล่นรายอื่นๆ มาคิดประกอบกัน เช่น ฟาน ไดจ์ค , มาเน , โชตา , ฟาบินโญ กับ สองแบ็กเวิลด์คลาสของพวกเขา ที่จะต้องใช้เรทของ ซาลาห์ ประกอบการตัดสินใจต่อสัญญาฉบับหน้าเช่นกัน จนอาจส่งผลต่อค่าใช้จ่ายต่อปีในส่วนของค่าแรงของพวกเขาให้เพิ่มขึ้นอีกหลายสิบล้านปอนด์ต่อปี
บางทีบอร์ดบริหารของ ลิเวอร์พูล ก็อาจมองไปที่สัญญาราคา 240,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ของ บรูโน แฟร์นันด์ส มาอ้างอิงมาตรฐานของพวกเขาด้วยเช่นกัน วัยย่าง 28 ปีของจอมทัพปีศาจแดง กับ ค่าแรงเพียวๆ ที่ถูกจนน่าตกใจ ก็อาจมีส่วนกดดันการตัดสินใจว่าจะยอมรับ หรือ ไม่ยอมรับตัวเลขที่นักเตะเรียกร้องมา
แต่ถ้า ปีศาจแดง ยอมจ่ายให้ ปอล ป็อกบา ที่ 400,000 ปอนด์ตามข่าวลือ บางทีตัวเลขในใจของ ซาลาห์ อาจไม่ได้หยุดอยู่เท่านี้ก็เป็นได้
จริงอยู่ที่ ซาลาห์ ย่างเข้าสามสิบปี แต่ในยุคนี้ที่นักเตะตัวท็อปหลายคนทำตัวเป็นพวกสามสิบยังแจ๋ว จนทำผลงานได้ดียิ่งกว่าก่อนอายุสามสิบเสียอีก เช่นอย่างพวก โรนัลโด , เมสซี , เลวานดอฟสกี และ ซลาตัน ที่สร้างสถิติมากมายขึ้นในวัยเกินสามสิบกันทั้งนั้น
ยิ่งถ้าไปมองสถิติเรื่องการบาดเจ็บของเขาในรอบ 5 ปีล่าสุดนี้ ก็จะพบว่า ซาลาห์ บินกลับไปรับใช้ชาติในรายการระดับทวีปจนขาดงานมากกว่าการบาดเจ็บเสียอีก
เรื่องกวนใจนอกสนามก็ไม่มี เพราะเขาใข้ชีวิตแบบสงบ ไม่ออกปาร์ตี ไม่หลงแสงสีเสียง ไม่มีเอเยนต์ที่ชอบปั้นข่าว ไม่มีสมาชิกในครอบครัวมาสร้างความวุ่นวายใจ ภรรยาเรียบง่ายไม่จุกจิก จึงรับประกันปัญหากวนใจได้เป็นอย่างดี
จึงยิ่งทำให้ฝ่ายของเขามองว่าตัวเลขระดับ 400,000 ปอนด์ที่เรียกร้องไปนั้น ถือว่าเป็นชุดสุดคุ้มที่สุดแล้ว
::
แกรี เนวิลล์ ตัวแทนจากปีศาจแดงเสียอีก ที่ออกมากล่าวชมระคนต่อว่าบอร์ดบริหารของลิเวอร์พูล ว่าเป็นพวกเสียนิสัย และ หลงตัวเองว่าดำเนินการบริหารจัดการบุคคลไม่ขาดตกบกพร่อง
จนไม่เคยมองว่า ระบบฟุตบอล , แท็กติก , ทีมงานคุณภาพ และ จิตวิทยาของ เจอร์เกน คล็อปป์ ต่างหาก ที่ทำงานกันเกินค่าจ้าง สร้างผลงานได้เกินความจริง จนทำให้บอร์ดบริหารหลงลมไปว่านี่คือฝีมือของพวกตนล้วนๆ
หากว่าบอร์ดบริหารที่แอนฟิลด์เป็นสายเปย์เหมือนกับบอร์ดที่เอติฮัด บางทีพวกเขาอาจจะผูกขาดความสำเร็จได้มากกว่านี้ เหมือนกับที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เคยทำได้ในช่วงสองทศวรรษแรกของพรีเมียร์ ลีก ไม่ใช่คว้าแชมป์ได้แบบปีต่อปีแบบนี้
รวมทั้งยังมีปัจจัยแวดล้อมภายนอกอีก 4 ประเด็น ที่อาจส่งผลกระทบกับการต่อสัญญาของเขา นั่นก็คือ
1. ความกระหายในการประสบความสําเร็จด้วยรางวัลส่วนตัว ในปีที่เขายิงทำลายสถิติของพรีเมียร์ ลีก รวมทั้งการพาทีมเป็นแชมป์ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก กับ พรีเมียร์ ลีกไม่เคยทำให้เขาติด 1 ใน 3 รางวัลบัลลงดอร์แม้แต่ครั้งเดียว
2. สัญญาของ เจอร์เกน คล็อปป์ ผู้สร้างอาณาจักรอันรุ่งเรืองยุคใหม่ให้แอนฟิลด์ จะหมดลงในกลางปี 2024
คล็อปป์ คือ ผู้สร้าง และ ผู้ปั้น ในเวลาเดียวกัน ระบบที่เขาวางเอาไว้ดีเยี่ยมขนาดไหน ดูได้จากคะแนนที่ไม่เคยตกหล่นในช่วงที่เขาไม่สามารถมาสั่งการข้างสนามได้
แต่ในระยะยาว น่าสนใจว่าในวันที่ไม่มีคล็อปป์ ระบบที่เขาวางเอาไว้ยังจะรันไปสู่ทิศทางแห่งความสำเร็จแบบนี้อีกหรือไม่
3. ความทะเยอทะยานของบอร์ดบริหาร การบริหารแบบมันนีบอล ทุกอย่างดูลงตัวมากยิ่งขึ้นเมื่อมี คล็อปป์ รวมทั้งการสอดส่องหาผู้เล่นเข้ามาเติมเต็มจากการขายตัวสำคัญออกไป และ ใช้เงินเป็น
แต่ เพดานค่าแรงที่พวกเขากำหนด อาจไม่สอดคล้องกันจนหาจุดสะดุดไม่ได้ เมื่อนักเตะในยุคทองของพวกเขาหลายคนกำลังเข้าสู่โหมดการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ภายใน 1-3 ปีนี้
ไม่มีใครรับประกันว่าในฤดูกาล 2023/24 สามประสานชุดนี้จะยังหลงเหลืออยู่หรือไม่
4. ความสำเร็จระดับชาติ กับ การแย่งชิงความเป็นเจ้าแห่งแอฟริกา แม้ ซาดิโอ มาเน กับ โม ซาลาห์ จะสงบศึกการแย่งซีนที่เคยมีกันไปแล้ว
แต่ความล้มเหลวที่ เซเนกัล มอบให้ อียิปต์ ทั้งสองครั้งสองครานั้น มันยิ่งทำให้ มาเน หลุดพ้นออกจากร่มเงาของเพื่อนร่วมทวีปได้สำเร็จราวกับเสือตัวใหม่ได้ติดปีก
รวมทั้งไม่มีใครทราบว่าแสงสีเขียวที่ส่องเข้าดวงตาของ ซาลาห์ ในการยิงจุดโทษสำคัญ จะก่อให้เกิดความกินแหนงแคลงใจอะไรขึ้นหรือไม่ ถ้าหากว่าสองคนนี้เกิดหวงบอลในจังหวะสำคัญกันอีกหลายๆ ครั้ง
::
แต่ทั้งหมด 4 ข้อที่กล่าวมานั้น มันจะหมดความสำคัญไปในทันทีที่ ลิเวอร์พูล กวาดสามแชมป์แบบที่คู่ปรับอันดับหนึ่งเคยทำได้ หรือ กวาดไปทั้งหมดสี่แชมป์แบบที่แฟนบอลหวัง
เพราะความสำเร็จในระดับนี้จะสร้างแรงกระเพื่อมไปในทุกทิศทาง ซาลาห์ อาจละเรื่องเงินสำหรับรองรับอนาคตในอีกหลายสิบปีข้างหน้าของครอบครัวเอาไว้ก่อน เขาอาจอยากอยู่เป็นเสี้ยวของประวัติศาสตร์อยู่ที่นี่ต่อไป แล้วรอไปเมคมันนีที่ลีกตะวันออกกลางในอีก 4 ปีข้างหน้าแทน
ไม่เว้นแม้แต่การแปลงร่างให้ ลิเวอร์พูล กลายเป็นทีมใหญ่เจ้าเสน่ห์ ที่คอยส่งกลิ่นเย้ายวนเชิญชวนให้ผู้เล่นชั้นดีหันมามองที่นี่เป็นทีมแรก ในฐานะทีมที่สามารถการันตีความสำเร็จเรื่องถ้วยรางวัล แทนที่ทีมอย่าง เรอัล มาดริด กับ บาร์เซโลนา ได้อย่างสมบูรณ์ ทีนี้แหล่ะ ซาลาห์ จะไม่อยากไปไหนอีกเลย
แล้วสี่แชมป์ยังจะส่งผลให้การทำธุรกิจของพวกเขาง่ายขึ้นไปอีก เพราะความสำเร็จในสนามฟุตบอลย่อมส่งผลบวกต่อการเจรจาต่อรองทางธุรกิจอยู่แล้ว
ยิ่งในการประกาศล่าสุดของ Deloitte ที่รายงานเรื่อง Football money league เมื่อเดือนมีนาคม ลิเวอร์พูล มีรายได้ทั้งสิ้น 550 ล้านปอนด์ น้อยกว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมเศรษฐีมือเติบที่ผลงานในสนามสวนทางกับการใช้เงิน ไปเพียง 7.6 ล้านปอนด์เท่านั้น
เรียกได้ว่าผลงานในสนาม กับ การซื้อขายนักเตะของพวกเขาสร้างความมั่งคั่งให้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังเป็นรองจอมผูกขาดแห่งพรีเมียร์ ลีก อย่าง เรือใบสีฟ้า อยู่เกือบ 100 ล้านปอนด์ ที่การใช้เงินสร้างผลงานจนกลับมาเป็นเงิน ได้กระโดดขึ้นมาถึง 5 อันดับจากปีที่แล้วด้วยการครองอันดับที่หนึ่ง
แต่ถ้าพวกเขาสามารถสร้างความสำเร็จให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องได้ เช่นเดียวกับที่ เรอัล มาดริด , บาร์เซโลนา และ บาเยิร์น มิวนิก ทำได้ แรงดึงดูดใจต่อผู้เล่น และ รายรับมหาศาลก็จะยิ่งเดินเข้ามาหาพวดเขาถึงหน้าประตูเรือนมากยิ่งขึ้น
ซึ่งการต่อสัญญาผู้เล่นคนสำคัญ กับ การรักษามาตรฐานในการสรรหานักเตะใหม่ จะต้องเป็นของคู่กันตลอดไป
เพราะไม่มีใครกล้ารับรองว่า การขาย ซาลาห์ ออกไป จะส่งผลกระทบแบบเดียวกับตอนที่ขาย เฟร์นานโด ตอร์เรส , หลุยส์ ซัวเรซ หรือ ฟิลิเป คูตินโญ ออกไป เพราะว่าทั้งสามดีลนี้ส่งผลที่ตามมาแตกต่างกัน
รวมทั้งบทเรียนของ เจอร์เกน คล็อปป์ คาบเกี่ยวกับรอยต่อของ โธมัส ทูเคิล สมัยคุมทีมอยู่ที่ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่เขายืนระยะสู้เสือใต้ไม่ได้ นั่นก็เพราะว่าสร้างทีมขึ้นมาไม่ทันนั่นเอง แม้ว่าระบบของทีมจะดีแค่ไหน แต่ฟันเฟืองก็สำคัญมากไม่แพ้กัน
ซึ่งถ้าแรงเหวี่ยงการพลาดสี่แชมป์ของพวกเขาแยกออกไปเป็น แมนเชสเตอร์ ซิตี ได้ครองแชมป์พรีเมียร์ ลีก และ ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ขึ้นมาละก็
ความน่าสนใจหลังจากนี้ก็คือ เอติฮัด จะกลายเป็นสถาบันฟุตบอลที่สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น พวกเขาจะมีพร้อมทั้งเงิน และ ประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ จนทำให้ ชีค มานซูร์ ยอมทุ่มเงินสานต่อเมกะโปรเจ็กต์ในอนาคตของ เปป กวาร์ดิโอลา ที่ย่อมสนุกสนานมากยิ่งขึ้นกับการปั้นให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี กลายเป็นสถาบันยิ่งใหญ่ไม่แพ้สองทีมแดงเดือดอย่างแน่นอน
อย่าลืมว่าจุดด้อยของ เปป คือ การรับช่วงต่อจาก ไรจ์การ์ด และ ระบบของลามาเซีย รวมทั้งการคุม บาเยิร์น มิวนิก ที่ใครมาคุมก็ผูกขาดแชมป์อยู่แล้ว ดังนั้นการสร้างเรือใบสีฟ้าขึ้นมาให้ได้ จะเป็นผลงานระดับไมค์ทองคำของเขาเลย
สัญญาครานี้ของ โม ซาลาห์ จึงอาจไม่ใช่เพียงการต่อสัญญาธรรมดาเท่านั้น แต่มันหมายถึงการต่อสัญญาอารยธรรมอันต่อเนื่องของ ลิเวอร์พูล นั่นเอง
#PlayNowThailand #khelnow #football
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
