6 เม.ย. 2022 เวลา 13:50 • ข่าว
เยาวชนบางกลอยสุดรันทด ถูกอุทยานฟ้อง-เมียแท้งเหตุเส้นทางลำบาก-วอนขอกลับใจแผ่นดิน
วันที่ 4 เมษายน 2565 ศาลเยาวชนและครอบครัว จังหวัดเพชรบุรี ได้นัดเยาวชนบ้านบางกลอย คือนาย A และ นาย B (นามสมมุติ) เพื่อมาตามนัดของศาลเยาวชนและครอบครัว ในการรายงานตัวผัดฟ้องครั้งที่ 1 และพบนักจิตวิทยาของศาลเยาวชนและครอบครัว จังหวัดเพชรบุรี รวมถึงรายงานตัวต่อสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จังหวัดเพชรบุรี ข้อหาบุกรุกแผ้วถางป่า ในเขตอุทยาน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2564
นางสาวเฉลิมศรี ประเสริฐศรี ที่ปรึกษากฎหมาย จากมูลนิธิศูนย์ข้อมูลชุมชน ซึ่งเป็นที่ปรึกษากฎหมายของเยาวชนทั้ง 2 กล่าวว่า ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดเพชรบุรีได้นัดเยาวชนทั้งสองให้มารายงานตัวครบกำหนดผัดฟ้องครั้งที่ 1 และพบนักจิตวิทยา เพื่อให้สืบเสาะพฤติกรรมของเยาวชนทั้ง 2 คนจากผู้ปกครอง ว่าพฤติกรรมอย่างไรต่อครอบครัว มีความรุนแรงในครอบครัวหรือไม่ มีการใช้ยาเสพติดในครอบครัวหรือไม่ และเคยมีการการะทำความผิดมาก่อนหรือไม่ ประวัติการศึกษาเป็นยังไง เรื่องเพื่อน พฤติกรรมความชอบส่วนตัวคืออะไรบ้าง
ทั้งนี้ศาลเยาวชนและครอบครัว ได้นัดเยาวชนทั้ง2 อีกครั้งในวันที่ 2 พฤษภาคม 2565 เวลา 9:00 น. เพื่อสอบการให้การ และครบกำหนดผัดฟ้อง 4 ผัด
คดีความของเยาวชนทั้ง 2 จะมีความยุ่งยาก มากกว่าคดี ของผู้ใหญ่ทั้ง 28 คน ที่ถูกดำเนินคดีพร้อมกัน เพราะ เยาวชนอายุยังไม่ถึง18 ปี และต้องรายงานตัวต่อศาล แล้วต้องรายงานตัวกับสถานพินิจ ซึ่งจะมีความยุ่งยากมากกว่าคดีผู้ใหญ่
นาย A เยาวชนบ้านบางกลอยที่ถูกดำเนินคดี กล่าวว่า ตั้งแต่ถูกดำเนินคดี มา 1ปีเต็ม ครอบครัวมีความลำบากมากขึ้นทุกวัน เสียเวลา เพราะจะต้องมารายงานตัวต่อศาล ซึ่งระยะทางในการเดินทางลงมา จากบ้านบางกลอย ถึงจังหวัดเพชรบุรี นั้น ระยะทางหลายกิโลเมตร ยิ่งเส้นทางช่วงระหว่างบ้านบางกลอย มาอำเภอแก่งกระจาน ระยะทาง30กว่ากิโลเมตร ซึ่งเป็นทางลูกรัง ถนนชำรุดเสียหาย ทางลาดชัน จนทำให้มอเตอร์ไซร์ของตนเสียหาย และไม่มีเงินซ่อมแซม พอจะเช่ารถยนต์ชาวบ้าน ก็ไม่ค่อยมีใครอยากลงมา เพราะ รถยนต์เสียหายไปหลายคัน ค่าจ้างไม่คุ้มกับค่าซ่อมแซม ยิ่งในช่วงที่ฝนตกถนนลื่น น้ำมันแพง ทำให้หารถลงมายาก
“ที่ผ่านมามาเมียของผมได้เกิดการแท้งลูก ไปแล้ว 2 ครั้ง อาจเป็นเพราะการกระแทกขณะนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซร์ ขึ้น-ลง ในการไปรายงานตัวต่อศาล ที่จังหวัดเพชรบุรี รู้สึกเหนื่อยใจมากขึ้นทุกวันเพราะต้องหาเงินมารักษาเมีย แถมที่ผ่านมาเมียผมติดโควิด-19 ด้วย ทำให้เครียดมากขึ้นทุกวัน” นาย A กล่าว
เยาวชนบ้านบางกลอยรายนี้กล่าวว่า ตนคิดว่า ถ้าได้อยู่ที่บ้านบางกลอยบน-ใจแผ่นดิน ทำไร่ หมุนเวียน ไร่ข้าว ใช้ชีวิตตามบรรพบุรุษ กินผักกินหญ้า มีข้าว พริก 1ถ้วย ก็อยู่แบบมีความสุขได้แล้ว คงไม่ต้องมาเหนื่อยแบบนี้ แล้วยิ่งช่วงนี้ ถึงฤดูกาลตีผึ้งเดือน 5 ของชาวบ้านซึ่งเป็นแหล่งรายได้ อีกทาง ทางชาวบ้านก็ไม่กล้าที่จะเข้าป่าไปตีผึ้งกัน เพราะกลัวเจ้าหน้าที่อุทยานฯจะจับ และถูกดำเนินคดีเหมือนที่ผ่านมาอีก และยิ่งสถานณ์การโควิด แบบนี้จะลงไปรับจ้างในเมืองก็กลัวอีก จนทำให้ตนและชาวบ้านอีกหลายคนลำบาก ขึ้นยิ่งกว่าเดิม
โฆษณา