8 เม.ย. 2022 เวลา 01:47 • หุ้น & เศรษฐกิจ
✅Morning Update 08.04.2022
🇺🇸🇪🇺ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผันผวนรุนแรงระหว่างวันก่อนปิดปรับตัวเป็นบวก โดยทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดบวกเล็กน้อย
- หุ้น Shell เตรียมตัดจำหน่วยมูลค่าทรัพย์สินในรัสเซีย
- ตัวเลขผู้มาลงทะเบียนสวัสดิการว่างงานครั้งแรกประจำสัปดาห์ของสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด
- บัฟเฟตต์เข้าซื้อหุ้น HP กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ คืนวันพฤหัสบดีที่ 07.04.2022 ดัชนี Dow Jones +87.06 จุด +0.25% S&P 500 +19.06 จุด +0.43% และ Nasdaq 100 +32.93 จุด +0.23% โดยมีรายละเอียดต่าง ๆ ดังนี้
1. ตลาดหุ้นยุโรปผันผวนแรงระหว่างวันจากปัจจัยกดดันเรื่องการดำเนินมาตรการทางการเงินที่ตึงตัวมากขึ้นของ Fed (ธนาคารกลางสหรัฐฯ) ที่เพิ่มเข้ามา
หุ้น Shell ประกาศว่าจะตัดจำหน่ายมูลค่าทรัพย์สินในรัสเซีย โดยมีมูลค่าสูงถึงระหว่าง 4 ถึง 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้หุ้น Shell ปรับตัวลดลง -2.32%
โดย Stoxx 600 ปิดที่ 455.02 จุด (-0.21%)
2. ด้านสหรัฐฯ มีรายงานตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจ ได้แก่ ตัวเลขผู้มาลงทะเบียนสวัสดิการว่างงานครั้งแรกประจำสัปดาห์หรือ Initial Jobless Claims ที่ 166,000 ราย ต่ำกว่าที่คาดไว้ที่ 200,000 ราย และลดลงกว่าสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 171,000 ราย
ตัวเลขผู้มาลงทะเบียนสวัสดิการว่างงานดังกล่าวลดลงต่ำกว่า 200,000 ราย สะท้อนถึงภาคการจ้างงานในสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่ง
3. บริษัท Berkshire Hathaway ของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้เข้าทำการซื้อหุ้นบริษัท HP หรือ Hewlett-Packard กว่า 11.4% ส่งผลให้ Berkshire Hathaway กลายมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เหนือกลุ่ม Vanguard Group
ส่งผลให้หุ้น HP ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 15%
และนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ เริ่มเข้าลงทุนในกลุ่มสินค้าเทคโนโลยี โดยเคยเข้าซื้อหุ้น Apple ไปช่วงปี 2018
4. รายงานจากสถาบันการเงินชื่อดังอย่าง Morgan Stanley ได้ให้ความเห็นถึงการดำเนินนโยบายทางการเงินที่ตึงตัวของ Fed หรือธนาคารกลางสหรัฐฯ ไว้ว่า
เดิมตลาดคาดว่า Fed จะเริ่มลดขนาด Balance sheet หรือลดการถือครองพันธบัตรและ MBS (Mortgage-Backed Securities) หรือตราสารหนี้ที่ค้ำประกันด้วยอสังหาริมทรัพย์ ลงเดือนละ 8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่กลับเป็นว่าล่าสุด Fed มีแผนที่จะลดขนาด Balance sheet ลงมากถึงกว่า 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือน
แม้การขึ้นดอกเบี้ยจะเป็นปัจจัยเชิงบวกกับกลุ่มธนาคาร แต่หากการดำเนินการนโยบายทางการเงินที่ตึงตัวเกินไปก็อาจนำไปสู่การชะลอตัวหรือแม้แต่หดตัวทางเศรษฐกิจ และแน่นอนว่าอาจนำไปสู่สภาวะหนี้เสียที่ส่งผลเชิงลบต่อกลุ่มธนาคาร
5. หุ้นกลุ่มเชิงรับอย่างกลุ่มเฮลท์แคร์ +1.85% กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค +1.18% และกลุ่มพลังงาน +1.36% ปรับตัวขึ้นได้ดี Outperform ตลาดใน 3 อันดับสูงสุด
Johnson & Johnson -0.26% Pfizer +4.33% Moderna +2.83%
United Health +0.98% Abbot Labs +2.86% AbbVie +2.59% Thermo Fisher +4.22%
P&G +1.29% Coca-Cola +0.54% PepsiCo +0.09% Philip Morris +0.66% Mondelez -0.51% Colgate +2.04%
หุ้นกลุ่มพลังงานฟื้นตัวได้ดีหลังมีแรงขายกดดันในช่วงวันก่อนหน้า จากประเด็นที่องค์กรพลังงานระหว่างประเทศหรือ IEA (International Energy Agency) มีมติข้อตกลงที่จะปล่อยน้ำมันดิบจากคลังสำรองออกสู่ตลาดกว่า 60 ล้านบาร์เรลเพื่อบรรเทาผลกระทบทางราคาที่สูง
Exxon +1.67% Chevron+1.39% ConocoPhillips +2.48% Occidental +2.82% APA +0.48%
6. หุ้นที่ underperform ตลาด 3 อันดับสูงสุดได้แก่หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ -0.86% กลุ่มผู้ให้บริการสื่อสาร -0.73% และกลุ่มผู้ให้บริการสาธารณูปโภค -0.25%
American Tower -1.08% Prologis -0.75% Crown Castle -0.53% Equinix -0.96% Public Storage +0.15%
Howard Hughes -3.90% Colliers International -1.73% JLL -3.30% CBRE -2.51%
หุ้น Twitter ปรับตัวลดลงแรง ภายหลังสื่อ New York Time มีรายงงานว่าคนอเมริกันใช้เวลาไปกับ Twitter น้อยลง
Twitter -5.40% Pinterest -3.56% Snapchat -0.60% Walt Disney -0.53% Charter Communications -1.56%
Duke Energy -0.25% Southern -0.98% Exelon +0.62% American Electric Power -1.07%
7. หุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ปรับตัวผสมผสานและผันผวนระหว่างวัน
Apple +0.18% Alphabet -0.48% Microsoft +0.58% Amazon -0.61% Meta -0.24% Netflix -1.68% Adobe +1.89% Salesforce -0.33% Visa -1.31% Mastercard -0.99%
หุ้น Innovation ปรับตัวลดลงเล็กน้อย
Tesla +1.10% Lucid Group -2.91% Roku -1.81% Teladoc Health +1.61% Block (Square) -2.21% Zoom -1.52% Spotify -2.92% Twilio -0.51% Coinbase -0.39% Robinhood -3.52% Affirm Holdings -5.31% Unity Software -0.03% Shopify -1.92%
หุ้น Semiconductor ปรับตัวผสมผสานค่อนไปทางทรงตัว
Nvidia -0.82% AMD +0.02% Intel 0.00% Micron -0.68% Qualcomm -0.04% Broadcom +0.17%
8. ETF ด้าน Technology & Innovation ปรับตัวลดลงเล็กน้อย
ARK Innovation (ARKK) -1.17% ARK Fintech (ARKF) -1.52% PowerShares WilderHill Clean Energy (PBW) -1.21% iShares PHLX Semiconductor (SOXX) +0.22% SPDR S&P Kensho Smart Mobility (HAIL) -1.35% VanEck Vectors Video Gaming and eSports (ESPO) -0.75% Global X Cybersecurity (BUG) +1.17% และ KraneShares CSI China Internet (KWEB) -3.89%
1
9. หุ้นจีนและเอเชียที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง
Alibaba -3.17% Baidu -3.06% Coupang -4.21% iQIYI -11.98% JD -3.33% Didi Global -0.77% KE holdings -7.16% Luckin Coffee -2.48% NetEase -1.96% Pinduoduo -6.45% SEA -3.74% TAL Education -8.07% TSMC -0.65% Nio -6.09% Xpeng -2.76%
10. S&P500 VIX Index ผันผวนรุนแรงเช่นเดียวกับวันก่อนหน้า โดยปรับตัวขึ้นสูงในช่วงเช้าเข้าใกล้ระดับที่ 24 จุด ก่อนปรับตัวลดลงต่อเนื่องในช่วงบ่าย โดยปิดที่ 21.55 จุด (-2.49%)
ด้าน Nasdaq 100 VIX ผันผวนแรงเช่นกันและปรับตัวขึ้นทะลุระดับ 30 จุด อีกครั้ง ก่อนปิดปรับตัวใกล้เคียงกับวันก่อนหน้าที่ 28.48 จุด (-1.49%)
ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นติดต่อกัน 6 วันทำการ โดยล่าสุดอยู่ที่ 99.88 จุด
ราคาทองคำทรงตัว โดยล่าสุดอยู่ที่ 1,933 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ค่าเงินบาทแข็งค่าลงเล็กน้อย โดยราคาล่าสุดอยู่ที่ 33.49 บาทต่อดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบ WTI ผันผวนระหว่างวัน โดยราคาล่าสุดอยู่ที่ 96.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ที่มาภาพ :
#LHBankAdvisory

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา