หากเป็นกรดไหลย้อน ระบบการย่อยไม่ดี อย่าเพิ่งทานยารักษาโรคกระเพาะ เพราะ ยารักษาโรคกระเพาะ "ทำร้ายกระเพาะ"
ยาลดกรด ทำร้าย กระเพาะอาหาร
ก่อนอื่น เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ระบบต่างๆในร่างกาย มีการรักษาความเป็นกรด-ด่าง (ค่า pH) ที่แตกต่างกันไป ซึ่ง pH ที่สมดุลและถูกต้องในแต่ละระบบร่างกาย จะทำให้การทำงานของระบบร่างกายนั้นๆ ทำงานได้อย่างดี มีประสิทธิภาพ
ในกระเพาะอาหารของคนเรา น้ำย่อย จะมีค่าความเป็นกรดอยู่ที่ประมาณ pH 1.5-3 ซึ่งความเป็นกรดนี้ มีความสำคัญนอกเหนือจากการย่อยแล้ว คือการ "ฆ่าเชื้อโรค"
ว่ากันว่า ในการทานอาหารแต่ละครั้งนั้น จะมีเชื้อโรคเข้าไปปะปนอยู่มากถึง 3-4 ล้านเซลล์ การที่เราทานยาลดกรดเป็นประจำ จะทำให้ประสิทธิภาพการฆ่าเชื้อโรคในกระเพาะอาหารลดลงอย่างมาก และก่อให้เกิดปัญหาอีกหลายๆอย่างตามมา
นอกจากนี้ การทานยาลดกรด จะทำให้ร่างกายขาดสารอาหารต่างๆ เช่น เพปซิน (Pepsin) และ กรดเกลือ (Hydrocloric Acid ; HCl)
*เพปซิน (Pepsin) เป็นเอนไซม์ที่ช่วยย่อยสารอาหารประเภทโปรตีน
* กรดเกลือ (HCl) เป็นสารที่อยู่ในน้ำย่อย ทําให้กระเพาะเป็นกรด ทำให้อาหารอ่อนตัว และ ช่วยดูดซึมแร่ธาตุต่างๆในอาหาร เช่น เหล็ก แคลเซียม และ แมกนีเซียม หาก HCl ในกระเพาะอาหารลดลง จะส่งผลให้ การย่อยโปรตีน ไขมัน และอื่นๆ บกพร่องไปด้วย
ยังมีผลเสียอีก คือ หากกรดในกระเพาะลดลง จะไปส่งผลทำให้ปริมาณ "จุลินทรีย์ตัวดี" ในลำไส้ลดลง จะทำให้มีอาหารบูด เสีย เน่าค้างในลำไส้มากขึ้น และทำให้ภูมิต้านทานของเราลดลงตามไปอีก
ถัดมา ข้อเสียอีกข้อ ที่น่ากลัวมากๆ คือ การทานยาลดกรดอย่างต่อเนื่อง จะทำให้ปุ่ม villus ทำงานน้อยลง และหดสั้นลงเรื่อยๆ (ปุ่ม villus คือ ปุ่มเล็กๆในลำไส้ ซึ่งทำหน้าที่เพิ่มพื้นที่ผิวในการดูดสารอาหาร) เยื่อเมือกในกระเพาะก็หดลีบ และบางลง ทำให้สุดท้ายแล้ว กระเพาะจะหลั่งกรดออกมาน้อยลง และกระเพาะจะกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคนานาชนิด รวมไปถึงเชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร (H. pylori) เชื้อตัวนี้ เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งในกระเพาะอาหาร
ในญี่ปุ่น 90% ของผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร จะมีการติดเชื้อ H. pylori รวมอยู่ด้วย เชื้อ H. pylori นี้พบได้อยู่ทั่วๆไป และสามารถพบได้ในผู้ที่ไม่ได้เป็นมะเร็งเช่นกัน
ทั้งนี้หากกระเพาะของเรามีสภาวะที่สมบูรณ์แข็งแรง กรดในกระเพาะทำงานได้ดี ฆ่าเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากร่างกายได้รับเชื้อโรคต่างๆ รวมถึง H. pylori ร่างกายก็จะมีภูมิต้านทาน ไม่ได้รับผลกระทบจากเชื้อโรคเหล่านี้ เพราะฉะนั้น เราจะควรหลีกเลี่ยงการทานยาลดกรดในกระเพาะอาหาร
คำถาม?? แล้วถ้าหากเกิดอาการแสบร้อนในช่องท้อง หรือ มีอาการกรดไหลย้อน เราควรทำอย่างไร อย่างน้อยให้ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินตามนี้ดูก่อน อาจทำให้อาการกรดไหลย้อนลดลง และไม่ต้องทานยาลดกรด หรือ ถ้าหากยังต้องทานยา ก็ให้ทานในปริมาณที่น้อยให้มากที่สุด
1. หลีกเลี่ยงการทานอาหารมากเกินความจำเป็น หากรู้สึกเริ่มอิ่มให้หยุดทาน
2. หลีกเลี่ยงการทานน้ำอัดลม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กาแฟ ชาที่มีคาเฟอีน ชอคโกแลต ของทอดต่างๆ
3. อย่าทานอาหารดึก ให้ทานอาหารให้เสร็จก่อนเข้านอน อย่างน้อย 4-5 ชั่วโมง
4. เลิกสูบบุหรี่
เพิ่มเติม : อาหารที่เหมาะกับผู้ที่เป็นกรดไหลย้อน ยกตัวอย่าง เช่น เนื้ออกไก่ (ไร้มัน ไร้หนัง) , ผักกาดหอม, ขึ้นฉ่าย, ข้าวกล้อง, ผลไม้ที่มีกรดน้อยๆ เช่น เมล่อน แคนตาลูป, ขิง
ที่มา :
หนังสือ The rejuvenation enzyme, Dr. Hiromi Shinya
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
