8 เม.ย. 2022 เวลา 04:24 • ธุรกิจ
SHR เดินเกมรุก ตั้งเป้าปีนี้โต 2 เท่า มุ่งสู่ผู้นำธุรกิจบริหารจัดการโรงแรม อันดับ 2 ของไทย
บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำที่ประกอบธุรกิจโดยการลงทุนในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจด้านบริหารงานโรงแรมและลงทุนในธุรกิจโรงแรมระดับนานาชาติ ได้เผยกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในปี 2565
 
คุณเดิร์ก เดอ คุยเปอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) ได้ออกมาเผยถึงเป้าหมายของผลประกอบการสูงสุดในปีนี้ พร้อมทุบสถิติรายได้ถึง 8,500 ล้านบาท
หรือเติบโตขึ้นเกือบ 2 เท่าตัว เมื่อเทียบกับปีก่อน ที่ทำรายได้อยู่ที่ 4,500 ล้านบาท
และมุ่งสู่การเป็นผู้ประกอบธุรกิจบริหารจัดการโรงแรม ที่ทำรายได้สูงสุดเป็นอันดับ 2 ของไทย
ทั้งนี้ ปัจจัยที่สำคัญที่จะผลักดันบริษัทฯ ไปสู่เป้าหมายในปี 2565 ประกอบไปด้วย
-อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลกกำลังฟื้นตัว
คุณคุยเปอร์ กล่าวว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลกกำลังฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ว่าธุรกิจโรงแรมจะเริ่มกลับมาคึกคักได้ในปีนี้ อย่างไรก็ตาม โรงแรมในพอร์ตของ SHR กระจายอยู่ในจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยว 5 แห่งทั่วโลก ซึ่งรายได้หลักมาจากสหราชอาณาจักรและสาธารณรัฐมัลดีฟส์
ในสหราชอาณาจักร นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ว่ารายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืน (RevPAR) จะฟื้นตัวกลับมาเท่ากับช่วงเวลาก่อนเกิดการระบาดของโรคโควิด 19
โดยได้รับปัจจัยจากการจัดอีเวนต์ต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมไมซ์ (Meetings, Incentive Travel, Conventions, Exhibitions หรือ MICE) ที่อาจช่วยให้ RevPAR เพิ่มขึ้นจนกลับไปใกล้เคียงก่อนช่วงการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร (Pre-Brexit)
สำหรับสาธารณรัฐมัลดีฟส์ ก็ถือได้ว่ามีสัญญาณการเติบโตที่แข็งแกร่งเช่นกัน เนื่องจากมีจำนวนนักท่องเที่ยวยังทยอยเดินทางมาเที่ยวอย่างต่อเนื่อง
แม้ว่าประเด็นความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศยังคงอยู่ แต่ผลกระทบโดยรวมค่อนข้างจำกัด
และคาดการณ์ว่าในปี 2565 จะมีนักท่องเที่ยวมากถึง 1,600,00 คน หรือเพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ภาคการท่องเที่ยวของสาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ สาธารณรัฐมอริเซียส และประเทศไทย
ก็มีแนวโน้มเติบโตด้วยเช่นกัน เนื่องด้วยรัฐบาลของแต่ละประเทศมีมาตรการผ่อนปรนด้านการท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว ภายหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19
จากปัจจัยข้างต้นนี้สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทฯ จะได้รับอานิสงส์จาก Macro Trends อย่างมีนัยยะสำคัญ เพราะจำนวนของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาพักในโรงแรมของบริษัทฯ กลับมาใช้บริการซ้ำโดยเฉลี่ย 30%
-กลยุทธ์ยกระดับประสบการณ์การท่องเที่ยวสุดประทับใจ เพิ่มอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยต่อคืน (ADR) เพิ่มขึ้นร้อยละ 20-25
คุณคุยเปอร์เน้นย้ำว่า อัตราค่าห้องพักเฉลี่ยต่อคืน (ADR) เป็นอีกหนึ่งปัจจัยขับเคลื่อนที่สำคัญในปี 2565 ที่จะทำให้บริษัทสร้างรายได้ในระดับนิวไฮ โดยกลยุทธ์สำคัญของบริษัท คือ การจัดแพ็กเกจสุดพิเศษที่มอบประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบไม่เหมือนใคร
ยกตัวอย่างเช่น ศูนย์การเรียนรู้ทางทะเล ที่ ทราย พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ หรือ ศูนย์การเรียนรู้วัฒนธรรมมัลดีฟส์ ที่โครงการ ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ ที่จะช่วยกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวใช้จ่ายเพิ่มขึ้นถึง 15%
อีกทั้งช่วยดันรายได้เฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้น 20-25% ให้กับโรงแรมอีกด้วย
 
ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทฯ ยังได้ปรับปรุงโรงแรม 3 แห่ง เพื่อเปลี่ยนโฉมภาพลักษณ์ให้สอดคล้องกับการเป็นแบรนด์ SAii ซึ่งเป็นแบรนด์ของบริษัทฯ และเป็นแพลตฟอร์มโรงแรมที่บริษัทฯ จัดทำขึ้นมาเอง
ซึ่งการเปลี่ยนภาพลักษณ์เป็นแบรนด์ SAii สามารถช่วยกระตุ้นอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยต่อคืน ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2564 เพิ่มขึ้นถึง 30% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2563
-ปั้นรายได้โต ด้วยกลยุทธ์เพิ่มช่องทางจองที่พักโดยตรง
กลยุทธ์จองที่พักโดยตรงผ่านช่องทางแพลตฟอร์มที่บริษัทฯ ได้คิดค้นพัฒนาขึ้นมา มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้จากช่องทางจองที่พักเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ก็เพราะว่าแพลตฟอร์มดังกล่าวได้ถูกออกแบบให้สามารถใช้ได้กับโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ทำให้การจองที่พักเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็ว
ในปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าว่าจะมีสัดส่วนรายได้ที่มาจากช่องทางจองที่พักโดยตรง เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 30% จากเดิมปีก่อนที่มีรายได้เพียงแค่ 10%
-วางแผนลงทุนใน 3 ปี บริษัทฯ โต 3 เท่า มุ่งสู่ตำแหน่งผู้นำตลาด
บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะเติบโต 3 เท่าด้วยแผนการลงทุน 3 ปี โดยอัดงบลงทุนกว่า 7,300 ล้านบาท เพื่อสร้างการเติบโต และวางงบลงทุน 2,900 ล้านบาท เพื่อเสริมแกร่งกลยุทธ์หมุนเวียนและต่อยอดการลงทุน (Asset Rotation)
รวมถึงลงทุนในการก่อสร้าง SO/Maldives ซึ่งจะเปิดตัวในปี 2566 และยังวางงบลงทุนสำหรับซื้อและควบรวมกิจการ (Merger and acquisition) เพิ่มเติมอีก 4,500 ล้านบาท
 
คุณคุยเปอร์ ปิดท้ายอย่างน่าสนใจไว้ว่า
“ในอีก 3 ปีข้างหน้า เรามุ่งที่จะพัฒนาและขยายธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตต่อไปในอนาคตให้กับบริษัทฯ เราจะยังคงรักษาพอร์ตโรงแรมของเราให้สมดุล โดยปลดล็อกทรัพย์สินที่เต็มมูลค่า เพื่อปรับปรุงทรัพย์สินในพอร์ตที่มีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่มากขึ้น”
สำหรับแผนการลงทุนใหม่ บริษัทฯ มีแผนที่จะขยายธุรกิจด้วยกลยุทธ์การซื้อและควบรวมกิจการ
โดยมองหาโรงแรมในแถบชายฝั่งทะเลเอเชียและแปซิฟิก ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และมหาสมุทรอินเดีย
คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 4,500 ล้านบาท และตั้งเป้าผลตอบแทนภายใน (Internal Rate of Return หรือ IRR) ที่ 12-14%
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมุ่งมั่นสู่การเป็นผู้ประกอบการและบริหารธุรกิจโรงแรมภายใต้แบรนด์ของตัวเอง รวมทั้งจับมือกับผู้ประกอบการโรงแรมชั้นนำระดับนานาชาติ เพื่อขยายธุรกิจ ที่เป็นก้าวสำคัญต่อความสามารถในการเติบโต 3 เท่าภายในปี 2567
โฆษณา