เรื่องจริงของ “โพคาฮอนทัส (Pocahontas)”
หลายคน โดยเฉพาะแฟนของดิสนีย์ (Disney) น่าจะเคยได้ยินเรื่องราวและเคยชมภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่อง “โพคาฮอนทัส (Pocahontas)”
เรื่องราวของโพคาฮอนทัสตามตำนาน และที่ถูกถ่ายทอดผ่านภาพยนตร์ของดิสนีย์นั้นโรแมนติค ซาบซึ้ง หากแต่ในความเป็นจริง ล้วนตรงข้ามกับตำนาน
ตามตำนานนั้น โพคาฮอนทัสเป็นเจ้าหญิงจากชนเผ่าอเมริกันพื้นเมือง ผู้ที่ได้เสี่ยงชีวิตตนเอง ช่วยเหลือชาวอังกฤษที่เข้ามาบุกเบิกแผ่นดินของตน
โพคาฮอนทัสได้ตกหลุมรักกับ “จอห์น สมิท (John Smith)” นักสำรวจชาวอังกฤษ ก่อนที่ในเวลาต่อมา โพคาฮอนทัสจะเปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์
แต่ในความเป็นจริงนั้น กลุ่มผู้รุกรานได้เปลี่ยนเนื้อเรื่อง สร้างเรื่องขึ้นใหม่เพื่อแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของกลุ่มคนผิวขาว และใช้เป็นข้ออ้างให้ชาวยุโรปรุกรานชนเผ่าพื้นเมืองได้โดยที่ไม่ผิด
ชื่อจริงของโพคาฮอนทัสคือ “มาโทกา (Matoaka)” เกิดเมื่อปีค.ศ.1596 (พ.ศ.2139) โดยโพคาฮอนทัสนั้นคือชื่อเล่น และก็ไม่ได้เป็นเจ้าหญิง หากแต่เป็นลูกสาวของหัวหน้าเผ่า
โพคาฮอนทัส (Pocahontas)
ตามตำนานนั้น โพคาฮอนทัสได้ช่วยชีวิตของกัปตันจอห์น สมิท และตกหลุมรักกัน ซึ่งก็ฟังดูโรแมนติค ติดที่ว่ามันไม่ใช่ความจริง
ในเวลาที่สมิทได้พบกับเผ่าของโพคาฮอนทัส เขามีอายุ 27 ปี ในขณะที่โพคาฮอนทัสมีอายุเพียง 10 ขวบ
ในเวลาต่อมา โพคาฮอนทัสได้แต่งงานกับชายในชนเผ่าเดียวกัน และมีลูกสาวด้วยกัน
พ่อของโพคาฮอนทัสเป็นหัวหน้าเผ่าอเมริกันพื้นเมือง และต้องการจะเป็นมิตรกับสมิท แต่ถึงหัวหน้าเผ่าต้องการจะฆ่าสมิท โพคาฮอนทัสก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี เนื่องจากเธอยังเด็กเกินไป และผู้หญิงก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง
ต่อมา “ซามูเอล แอร์กอลล์ (Samuel Argall)” ทหารฝ่ายอังกฤษ ได้ทำการลักพาตัวโพคาฮอนทัส โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้ชนพื้นเมืองยอมศิโรราบ ไม่ต่อต้านอังกฤษ
แอร์กอลล์ขู่โพคาฮอนทัสว่าหากไม่ยอมขึ้นเรือ เขาจะทำลายหมู่บ้านของโพคาฮอนทัสจนราบ ทำให้โพคาฮอนทัสต้องยอม และต้องจากลูก อีกทั้งในเวลาต่อมา อังกฤษก็ได้สังหารสามีของโพคาฮอนทัส
จากนั้น เมื่อโพคาฮอนทัสอยู่ในกำมือของอังกฤษ เธอก็ถูกข่มขืนอีกหลายครั้ง
จากนั้น โพคาฮอนทัสก็ถูกเปลี่ยนมือ ตกมาอยู่ใต้อำนาจของชาวอังกฤษที่ชื่อ “จอห์น รอล์ฟ (John Rolfe)”
รอล์ฟนั้นเป็นชาวอังกฤษที่เข้ามาบุกเบิก ตั้งรกรากในอเมริกา และก็ทำไร่ โดยได้พยายามจะปลูกยาสูบ หากแต่ก็ไม่ได้ผล
ส่วนทางด้านชนเผ่าของโพคาฮอนทัสนั้น พวกเขาถือว่ายาสูบคือพืชศักดิ์สิทธิ์ และไม่ยินยอมที่จะบอกวิธีการปลูกยาสูบแก่คนนอก
เมื่อเป็นอย่างนี้ รอล์ฟจึงแต่งงานกับโพคาฮอนทัสเพื่อหวังจะได้สูตรการปลูกยาสูบ ซึ่งก็สำเร็จ ยาสูบในไร่ของรอล์ฟนั้นโด่งดังมากในอังกฤษ สร้างความร่ำรวยให้รอล์ฟ
จอห์น รอล์ฟ (John Rolfe)
แต่สำหรับชนเผ่า พวกเขาต้องเผชิญการรุกรานหนักขึ้น เนื่องจากผู้รุกรานผิวขาวต้องการดินแดนมากขึ้นเพื่อปลูกยาสูบ
ในช่วงเวลานี้ โพคาฮอนทัสก็ได้คลอดบุตรชาย หากแต่บุตรของโพคาฮอนทัส เป็นผลผลิตจากการถูกข่มขืนก่อนหน้านี้ ไม่ใช่บุตรของรอล์ฟ
ต่อมา ชาวอาณานิคมก็ได้นำตัวโพคาฮอนทัสมาอังกฤษ และโฆษณาว่าเป็น “เจ้าหญิงอินเดีย”
โพคาฮอนทัสได้มีโอกาสเข้าเฝ้า “พระเจ้าเจมส์ที่ 1 แห่งอังกฤษ (James VI and I)” อีกด้วย
นักการเมืองอังกฤษหลายคนไม่เห็นด้วยที่อังกฤษไปรุกรานชนเผ่าอเมริกันพื้นเมือง ทำให้นักการเมืองที่สนับสนุนการรุกราน ใช้โพคาฮอนทัสเป็นเครื่องมือ สร้างภาพว่าชาวอังกฤษปฏิบัติต่อชนพื้นเมืองอย่างดี ไม่ได้ใช้ความรุนแรง
ต่อมา โพคาฮอนทัสได้เสียชีวิตในปีค.ศ.1617 (พ.ศ.2160) ด้วยวัย 21 ปี โดยมีสาเหตุมาจากไข้ทรพิษหรืออาจจะวัณโรค หากแต่จากการตรวจสอบ คาดว่าเธอถูกวางยาพิษ
นี่ก็เป็นเรื่องราวของโพคาฮอนทัส ซึ่งอาจจะทำให้แฟนดิสนีย์ที่เคยได้ชมภาพยนตร์โพคาฮอนทัสฝันสลายได้
- 20
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
