สวัสดีครับทุกท่าน
สบายดีกันหรือเปล่าครับ ผมสบายดีครับ
คือเรื่องที่จะมาเล่าวันนี้ อาจไม่ได้มีเนื้อหาอะไรมากมายหรอกนะครับ น่าจะเป็นความสงสัยในหัวผมเสียมากกว่า และมันก็ยังดังซ้ำ ๆ เรื่อย ๆ จนอดไม่ได้ที่ต้องเอามาพูดกันในนี้ครับ
จริง ๆ แล้วก็อยากเอาเนื้อหานี้ลงในเพจนะครับ แต่คิดไปคิดมา ให้เขียนในรูปของไดอารี่น่าจะดีกว่า เพราะอยากให้เนื้อหาในเพจมันมีแต่ข้อมูลที่(เราคิดว่า)น่าสนใจ ส่วนเรื่องบ่นรายวันลงในนี้น่าจะเหมาะกว่า
ทุกท่านครับ
เคยคิดกันไหมครับว่า เรามีศาสนาไปเพื่ออะไร?
บางก็ว่ามีไว้เพื่อควบคุมคนให้ไปในทิศทางที่เหมือนกันได้ง่าย หรือ บางคนก็แย้งว่าศาสนามีเพื่อหลุดพ้นจากสภาพมนุษย์เพื่อกลับไปสู่สภาพเดิม หรือ กลับไปหาพระเจ้า
ไม่ว่าทุกท่านจะคิดเห็นอย่างไร ผมก็พร้อมที่จะรับฟังนะครับ เพราะอยากได้ข้อมูลเอาไว้เปรียบเทียบต่อไป
คุณในยุคสมัยนี้เขาไม่ค่อยเชื่อเรื่องศาสนาเสียเท่าไหร่ คงเพราะว่าเราเจอกับต้นแบบที่ไม่ดีกระมังครับ ที่ผมหมายถึงศาสนาพุทธโดยเฉพาะ เนื่องจากในไทยมีคนนับถือพุทธในบัตรประชาชนเป็นส่วนใหญ่
บางคนก็บอกว่าอยากย้ายศาสนา ผมก็มีความคิดที่เห็นด้วยนะครับ เพราะเรื่องศาสนามันควรที่จะเลือกได้ จริงอยู่ที่เราเกิดมาเราเลือกศาสนาไม่ได้ แต่เมื่อเราโตขึ้นเราควรเลือกได้แล้ว นั่นเป็นความคิดเห็นของผมนะครับ
แต่ก็อยากที่จะให้แต่ละคนลองศึกษาศาสนาที่เราอยากจะย้ายไปเสียหน่อย หากย้ายไปโดยไม่รู้อะไรมันก็ได้แหละ แต่เป็นการเตรียมพร้อมมากว่าว่าเราจะอยู่กับศาสนานั้นได้หรือไม่ หากเราเข้าไปแล้วรู้สึกอึดอัดใจ มันก็คงเป็นเรื่องที่ awkward พอตัวที่จะย้ายศาสนากลับ
การศึกษาเพื่อเรียนรู้เราสามารถทำได้ไม่จำกัดศาสนา คุณสามารถที่จะเรียนรู้โดยการเข้าไปชุมชนศาสนานั้น แล้วลองถามพวกเขาว่าพวกเขานั้นอยู่กับศาสนานั้นได้อย่างไร หรือถ้าหากไม่กล้า เราก็ยังสามารถศึกษาผ่านทางอินเตอร์เน็ตได้อย่างสะดวกสบาย
ตอนที่ผมนั้นเริ่มที่จะนับถือพุทธ ผมก็ศึกษาว่า เราต้องรู้อะไรบ้าง แล้วอะไรที่น่าสนใจจนเราอยากที่จะนับถือมัน ผลปรากฎก็อย่างที่เห็น ผมก็นับถือพุทธด้วยใจ แม้ว่าใบบัตรประชาขนผมจะเขียนว่า คริสต์ ก็ตาม
การที่จะบอกพ่อแม่ที่เขานั้นเคร่งครัดในเรื่องของศาสนา ว่าพ่อครับแม่ครับ ผมอยากย้ายศาสนา พวกเขาก็จะถามแบบ “ย้ายทำไมลูก นับถืออย่างนี้แหละดีแล้ว” อะไรทำนองนี้ครับ ผมก็ลองถามพ่อผมดูเหมือนกันว่า ผมย้ายศาสนาจะเป็นอะไรไหมนะ พ่อก็บอกกับผมว่า ย้ายทำไม เช่นกัน
เพราะเหตุนั้นผมเลยนับถือด้วยใจ ทำด้วยใจ แม้ว่าเราจะไม่ได้เข้าวัดฟังธรรม เราก็สามารถฟังธรรมผ่านทางพอดแคสต์ได้ แล้วเราก็ปฏิบัติแบบที่เราเห็นคนเดียว เวลาที่พ่อแม่ลากไปวัด เราก็ตั้งจิตในใจว่า เรารับฟังพวกเขาได้ แต่เรานั้นจะนับถือสิ่งที่เรานับถือเท่านั้น จากนั้นพวกเขาจะให้เราทำอะไรเราก็ทำไปสักแต่ว่าทำ นั่นเป็นวิธีการของผมครับ
ความคิดของผมเป็นพุทธแล้ว จะให้สวดมนต์ตามคริสต์เราก็ทำได้ แต่ใจเราก็ยังเป็นพุทธเหมือนเดิม ผมก็ได้แต่ว่าซักวันหนึ่งผมจะสามารถพูดออกมาได้อย่างเต็มอกว่า ผมนับถือพุทธ กับพ่อผมได้ หวังให้เป็นแบบนั้นอยู่นะครับ
เรื่องทั้งหมดก็ประมาณนี้ครับ เป็นเรื่องที่อยากเอามาเล่าเพราะไม่อยากเก็บไว้ในใจเสียเท่าไหร่
ขอบคุณที่อ่านนะครับ หวังว่าจะเป็นวันที่ดี
ธันวาคม
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
