10 เม.ย. 2022 เวลา 09:08 • หนังสือ
กลับมาที่สนพ. Bibli กันค่า สำหรับภารกิจเคลียร์กองดองในรอบนี้มีชื่อว่า #ค่ำคืนคนเหงาเราและแมว เรื่องราวของ “ยามะจัง” ชายหนุ่มนักเขียนบทรายการวาไรตี้ที่ชีวิตลุ่มๆดอนๆ ผู้บังเอิญไปพบร้านเหล้า “คารินกะ” ในย่านชินจุกุที่มีแต่ลูกค้าแปลกๆ ร้านนี้มีเกมสนุกๆที่ลูกค้าชอบชวนกันเล่นเป็นเกมทายแมวที่จะมาปรากฏตัวที่หน้าต่าง โดยอิงจากผังครอบครัวแมวบนตู้เย็นที่วาดโดย “ยูเมะจัง” พนักงานหญิงของร้านที่ค่อนข้างประหลาดเล็กน้อย แต่เป็นกันเองกับแมวมากๆ 🐱
เนื้อหาจะถูกเล่าลักษณะคล้ายๆกับการบันทึกจากยามะจัง บรรยากาศจะชวนให้รู้สึกเหงาและอ้างว้าง ทั้งที่ฉากหลังส่วนใหญ่ในเรื่องเป็นสถานที่ที่ให้ความรู้สึกสนุกสนาน หนังสือจะเน้นไปที่การเป็นคนที่แปลกแยกออกไปจากคนส่วนใหญ่ในสังคม ยามะจังเองมีอาการตาพร่องสี ในขณะที่ยูเมะจังเข้ากับคนได้ไม่ดีเท่าแมว พวกเขาต่างรู้สึกถึงความโดดเดี่ยวท่ามกลางเมืองที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย เหมือนไม่สามารถเข้าถึงคนรอบกายได้อย่างแท้จริง สิ่งนี้ทำให้พวกเขาเข้าใจกันและกันจนเกิดเป็นความผูกพันที่เหนียวแน่นมั่นคง
สำหรับเราเรื่องนี้ให้ความรู้สึกเศร้าเล็กๆแบบเหงาๆ เป็นความร้าวรานที่เต็มไปด้วยความสับสนแต่ไม่ได้บาดลึกจนทนอยู่ต่อไปไม่ได้ โทนเรื่องดูเหมือนจะเรียบๆแต่ก็อ่านเพลิน ไม่น่าเบื่อมาก โดยเฉพาะในช่วงใกล้จบที่หักมุมจนเราเหวอ กระตุ้นความอยากรู้จนทำเอานอนเช้า เพราะถ่างตาอ่านจนจบ 55555 แต่พอตอนจบก็ทำเอาน้ำตาไหลเหมือนกัน หลากอารมณ์มากเรื่องนี้ ❤
ยามะจังเป็นเหมือนตัวแทนของคนที่ถูกสังคมผลักไสออกมาจนไม่สามารถเดินตามความฝันของตัวเองได้ จากนั้นชีวิตก็เคว้งคว้างไร้จุดหมายมาตลอด อาจจะเพราะว่าเราเป็นเด็กจบใหม่เลยรู้สึกว่าตัวละครนี้ให้ความรู้สึกเหมือนคนที่เพิ่งเริ่มงานแล้วยังหาที่ทางที่เหมาะกับตัวเองไม่ได้ ต้องก้มหน้าทำงานที่ตัวเองไม่ต้องการ อดทนโดนดูถูกเพื่อแลกกับเงินมาประทังชีวิตในแต่ละเดือน พอมีโอกาสใหม่ๆเข้ามาก็เหนื่อยเกินกว่าจะมองเห็น หรือไม่ก็กลัวเกินกว่าจะก้าวออกไปจากจุดที่ยืนอยู่
ยามะจังเชื่อฟังทุกสิ่งที่อาจารย์สอน แต่พอนำวิธีคิดแบบนั้นมาใช้กลับไม่ประสบความสำเร็จ แถมยังทำให้งานออกมาแย่อีกด้วย เขาสงสัยในความสามารถของตัวเอง แต่เรื่องราวในหนังสือจะบอกกับเราว่ายามะจังไม่ใช่คนไม่เอาไหน เขาเป็นคนเก่ง มีความสามารถ เพียงแต่นำมันไปใช้ไม่ถูกทาง เขาพยายามเป็นคนอื่นที่ตัวเองไม่ได้เป็น มุ่งมั่นทำตามความต้องการของคนอื่นและละเลยเสียงเรียกร้องของตัวเอง เผลอลืมไปว่าแท้จริงแล้วเขาเองก็มีประกายแสงในตัวที่รอวันส่องสว่างอยู่เหมือนกัน
ส่วนยูเมะจังเป็นคนที่เรารู้สึกว่าช่างมีชีวิตที่น่าสงสารจริงๆ ความยากลำบากในวัยเด็กหล่อหลอมให้เธอกลายเป็นคนที่ดูแปลกประหลาดในสังคมมนุษย์ เธอหวาดกลัวและไม่ไว้ใจใครเพราะกลัวเขาจะเข้ามาสร้างบาดแผลให้เธอ สิ่งนั้นทำให้ยูเมะจังกลายเป็นคนขี้เกรงใจคนอื่นมากเช่นกัน ดังนั้นเมื่อเกิดปัญหาเธอก็จะคิดว่าตัวเองสร้างความเดือดร้อนให้คนรอบข้าง และเลือกที่จะหนีหายไปเพราะความรู้สึกผิด เธอมักปิดปากเงียบเมื่อมีใครถามเกี่ยวกับเรื่องตัวเอง สิ่งเดียวที่เธอเปิดใจให้และดูจะเข้าอกเข้าใจกันอย่างดีก็มีเพียงแมวเท่านั้น
ยูเมะจังเป็นอีกตัวละครที่ไม่เพียงแต่ถูกคนอื่นทำร้าย แต่ยังทำร้ายตัวเองอีกด้วย 😥 ก็อย่างที่บอกว่าเธอแคร์คนอื่นมากเกินไปจนกลายเป็นการปิดกั้นความต้องการที่แท้จริงของตัวเอง ทั้งๆที่เธอสามารถช่วยให้ยามะจังค้นพบเส้นทางชีวิตที่เหมาะสมกับเขา แต่เธอกลับหาหนทางของตัวเองไม่เจอ แม้คำพูดของยูเมะจังจะมีพลังวิเศษที่ช่วยจุดประกายความฝันให้กับใครต่อใคร แต่เจ้าของคำพูดกลับไม่สามารถมองเห็นมันได้ด้วยตาของตัวเอง ส่วนตัวเราคิดว่าอาจจะเป็นเพราะเธอรู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรก็ได้
เราชอบสิ่งที่ยามะจังตระหนักได้ในตอนท้ายของเรื่องมาก คือ ไม่ว่าจะรู้สึกยังไงกับปัจจุบัน เราก็ต้องเดินต่อไปข้างหน้า เก็บเกี่ยว เรียนรู้ และเติบโตขึ้นเรื่อยๆในทุกๆวัน เพราะอนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน เราไม่มีทางรู้เลยว่าวันพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นในชีวิตบ้าง และเหตุการณ์เหล่านั้นจะนำพาตัวเราไปสู่จุดไหน วันที่เจ็บปวด วันที่ทุกข์ทรมาน วันที่โลกเหมือนจะแตกสลายในอดีตดูเป็นเรื่องเล็กจิ๋วไปหมดเมื่อข้ามผ่านมันมาได้ ที่สำคัญกว่านั้นคือหากไม่มีพวกมันเราก็อาจจะมาไม่ถึงจุดที่ยืนอยู่ตอนนี้
ขอให้ชีวิตของทุกคนมีแต่วันที่สดใส ไม่รู้สึกแปลกแยก โดดเดี่ยว หรืออ้างว้าง แต่หากจะมีวันแบบนั้นบ้างก็ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวมันก็ผ่านไป หยุดพักสักนิดให้จิตใจได้พักผ่อน ไปถึงจุดหมายช้าลงสักหน่อยไม่ใช่ปัญหา แค่อย่าท้อถอยจนหยุดเดินไปข้างหน้าก็พอ 😉
โฆษณา