Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
INVESTING.in.th
•
ติดตาม
12 เม.ย. 2022 เวลา 00:21 • หุ้น & เศรษฐกิจ
=== ขาดทุนเพราะโชคร้าย แต่กำไรเพราะเราเก่ง ===
ว่าด้วยอคติเรื่อง self-attribution bias
เคยสังเกตกันไหมครับ เวลาเรียน ทำงาน แข่งกีฬา เล่นเกม ถ้าเราทำได้ดี สอบได้ดี ยอดขายทะลุเป้า เรามักจะพูดว่า
- เพราะเราอ่านหนังสือหนักมาก อ่านหลายรอบ
- เพราะเราเตรียมตัวมาดี ทำการบ้านมาก่อน รู้ว่าลูกค้าชอบไม่ชอบอะไร
- เพราะเรามีสมาธิที่ดีเวลาสอบ ไม่วอกแวก
- เพราะว่า...
คือ ที่เราทำได้ดีทุกอย่าง เป็นเพราะตัวเราเองที่เก่ง
แต่ในทางตรงกันข้าม หากว่าเราสอบตก มาทำงานสาย ยอดขายไม่ถึงเป้า เราก็จะบอกว่า
- เพราะเศรษฐกิจไม่ดี เจอ COVID แบบนี้ขายของไม่ได้กันทั้งนั้น
- เพราะฝนตก น้ำท่วม รถติดมาก เราเลยมาประชุมไม่ทัน
- เพราะครูออกข้อสอบยาก เกินเนื้อหา ใครจะไปทำได้
- เพราะช่วงนี้งานเยอะ เพราะหัวหน้าไม่ให้งบ เพราะท้องฟ้า สายลม แสงแดด...
คือ ถ้าเราทำได้ไม่ดีมักจะเกิดจากคนอื่นหรือเหตุการณ์ภายนอกทั้งนั้น ไม่ได้ผิดที่เรา
อคติแบบนี้เรียกกันว่า self-attribution bias
เป็นอาการที่ชอบเข้าข้างตัวเองว่า ที่เราสำเร็จนั้นมาจากตัวเราทำเอง แต่ถ้าผิดพลาดล้มเหลว ไม่ใช่ว่าเราไม่ดี ไม่เก่ง แต่เกิดจากเรื่องที่ควบคุมไม่ได้ หรือเพราะคนอื่นนั่นแหละที่ทำให้เป็นแบบนี้
ในเรื่องของการลงทุนก็เช่นกัน เวลาเราทำกำไรได้ เราก็มักจะชอบบอกตัวเองว่า เราเก่ง เราเทพ เลือกหุ้นถูกตัว ทำการบ้านหาข้อมูลมาอย่างดี ซื้อหุ้นได้จังหวะดี ราคาต่ำ เพราะเราวางแผนไว้อย่างดีแล้ว พูดแล้วก็ตัวลอยไปไกล
แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าหุ้นที่ซื้อมานั้นราคาร่วงแรง ทำเราขาดทุน
เราก็มักจะบ่นกับตัวเองว่า ทำไมซวยแบบนี้ ถ้าน้ำมันไม่ลงมานะ ถ้า Dow ไม่ตก ถ้าตลาดไม่ปรับเกณฑ์ short หุ้น ถ้าไม่มี COVID ป่านนี้หุ้นเราขึ้นทะลุดาวอังคารไปแล้ว
คือเราไม่เคยมองตัวเองเลยว่า เราผิดพลาดที่ตรงไหน
ปัญหาของอคติแบบนี้คือ ถ้าเราชนะติดต่อกันหลายครั้ง ทำกำไรได้ตลอด มันจะทำให้เรามองข้ามความเสี่ยงที่ควรจะมองออกไป
และทำให้เกิดความประมาท หรือหนักเข้าก็เป็น ego ขึ้นมา
ทำให้ไม่ต่อยอดเรียนรู้ เพราะคิดว่าเราเก่งแล้ว หนักเข้าก็จะเสี่ยงหนักขึ้น ซื้อขายบ่อยขึ้น จนเมื่อขาดทุนหนักถึงจะได้เข้าใจ
วิธีแก้อคติแบบ self-attribution bias คือ
1) ลองเอาอคติออกไป แล้วคิดพิจารณาดีๆ ว่าถ้าไม่มีเรื่องร้ายๆ เหล่านั้น เช่น ไม่มี COVID ไม่มีพายุเข้า ไม่มีการประท้วง แล้วหุ้นที่เราถืออยู่มันจะขึ้นจริงไหม เราจะทำกำไรได้มากมายหรือเปล่า ที่พอร์ตเรายับเยินเป็นเพราะเขาหรือเรากันแน่
2) เวลากำไรหรือขาดทุน ไม่จำเป็นต้องมองว่าเป็นที่เรา ที่เขา หรือที่ใคร แต่ควรเอาข้อมูลทุกอย่างมาวางบนโต๊ะทั้งหมด แล้วพิจารณาให้รอบด้านว่า เหตุที่หุ้นขึ้นหรือลงนั้นเป็นเพราะอะไรกันแน่
3) การวางแผนล่วงหน้าก่อนซื้อขายหุ้นนั้นสำคัญกว่า คือ เกิดจากการพิจารณาข้อมูลอย่างรอบด้านแล้ว และเรามีแผนในการลงทุน เพาะฉะนั้น ถ้าผลลัพธ์ผิด มันก็ผิดจากการวางแผนที่ไม่รัดกุม หรือมองข้ามปัจจัยอะไรไป มากกว่าผิดที่ใคร
จากหนังสือ รู้ทันอารมณ์ สร้างกำไรด้วยเหตุผล
#สั่งซื้อหนังสือ "รู้ทันอารมณ์ สร้างกำไรด้วยเหตุผล" ปรับความคิดเพื่อพิชิตการลงทุน เข้าใจอารมณ์ลงทุนด้วยเหตุผล ได้ที่
https://bit.ly/3l1tqNN
ราคาปกติ 235 บาท พิเศษเพียง 200 บาท
#ค่าส่งเพียง18บาทเท่านั้น
www.INVESTING.in.th
ร้านหนังสือของนักลงทุน
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย