11 เม.ย. 2022 เวลา 09:00
หมวดการเงิน
ย้อนคิดกลับไปในวัยเด็ก พ่อให้เงินไปโรงเรียนวันละ 5 บาท พ่อบอกว่าให้หัดทำบัญชีวันวันนึงๆ ใช้เงินเท่าไหร่ ฉันก็ทำบ้างไม่ทำบ้าง เมื่อพ่อทวงถามก็มาทำย้อนหลัง ใส่วันที่ แล้วใส่ 5 บาทๆ ทุกวันๆ เป็นบัญชีที่น่าเบื่อมาก ไม่เห็นประโยชน์อะไร พ่อให้ทำทำไมนะ แล้วฉันก็เลิกไป พ่อก็ไม่สนใจตามแล้ว
ต่อมาพ่อคงขี้เกียจให้เงินวันละ 5 บาททุกวัน พ่อเริ่มให้ 100 บาทแทนให้ไปบริหารเอง ก็ใช้วันละ 5 บาทเหมือนเดิมนั่นแหละ แต่ให้รู้จักบริหารเงินก้อนที่ได้รับไป มันก็มีขนมที่ราคาแพงกว่า 5 บาท บางกล่อง 7 บาท เช่น กลูลิโกะป๊อกกี้ และของโน่นนี่นั่นอีก เช่น โบว์ ราคา 20 บาทที่อยากจะซื้อกับแก๊งค์เพื่อนเพื่อนแสดงสัญลักษณ์ว่าเราเป็นกลุ่มเดียวกัน แต่เพื่อนบอกว่า ‘เราไม่มีเงินซื้อหรอก แม่คงไม่ให้ซื้อด้วย’ อันที่จริง ก็จริงของแม่แหละเพราะทุกคนไว้ผมทรงนักเรียนสั้นหมด ฉันเพียงแต่อยากได้ของที่ราคาพอหาซื้อได้เพื่อแสดงความเป็นกลุ่มเดียวกันโดยไม่ได้คำนึงถึงประโยชน์ใช้สอยอะไรเลย
มีเหตุการณ์ที่เสียใจ และเครียดที่สุดก็ตอน ป.5 อุตส่าห์รบเร้าขอให้แม่ซื้อนาฬิกาที่มีเกมส์กดในตัวเรือนให้ได้ จำได้ว่าราคา 370 บาท รู้สึกว่าหวงมากไม่ยอมใส่เล่นเสร็จเก็บไว้ในกระเป๋าหนังสือ ปรากฎว่าตอนเย็นใกล้เลิกเรียนเปิดกระเป๋ามานาฬิกานั้นถูกขโมยไปแล้ว ไปบอกครูๆ ก็ช่วยหาไม่ทันเพราะนักเรียนเลิกเรียนหมด วันต่อมาก็ได้แค่มาพูดขอร้องให้เพื่อนในห้องคืนนาฬิกาให้เพื่อนเถอะ ครูก็ได้แต่บอกว่าเธอทำไมไม่ใส่นาฬิกา หลังนาฬิกาถูกขโมยไปฉันก็ซึมเศร้าไม่กล้าบอกใคร จนวันหนึ่งพ่อสังเกตว่าทำไมฉันไม่เอานาฬิกาเกมส์มาเล่นและขอดู ความจริงจึงแดง ฉันก็เสียใจและกลายเป็นคนเกรงใจไม่กล้าขอให้พ่อแม่ซื้ออะไรให้อีกเลย ไม่อยากให้ท่านต้องเสียใจอีก ต่อมาก็เก็บเงินซื้อเกมส์กดมาเล่นในราคา 200 บาท
โฆษณา