เทคนิคการขายระดับพระกาฬ
By แฟรงก์ เบ็ตต์เจอร์
แฟรงก์ เบ็ตต์เจอร์ จากเด็กเรียนที่ไม่จบม.3 ผู้มีเพื่อนคือ #ความล้มเหลว
สู่ยอดนักขายผู้มีรายได้สูงสุดในอเมริกา เป็นคนที่ เดล คาร์เนกี (ปรมจารย์ด้านการพูด)
ยังต้องเอ่ยปากชมถึงความอัศจรรย์ด้วยตัวเอง
.
เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า #ประกันชีวิต ไม่ใช่จะขายกันได้ง่ายๆ แม้จะมีความสำคัญอย่างมาก
แต่สังคมก็ยังต้องหันหน้าหนีกันแทบทุกคน แต่เบ็ตต์เจอร์ สามารถก้าวข้ามผ่านจุดนี้มาได้อย่างไร
จนขึ้นมาเป็นเบอร์1ของ USA จนเป็นตำนาน แสดงว่าคนๆนี้ต้องไม่ธรรมดา!
.
สำหรับใครที่วันนี้เป็น นักขาย แม่ค้าออนไลน์ โดยเฉพาะตัวแทนประกัน
ผมแนะนำว่าควรอ่านบทความนี้ให้จบ แล้ว “จำ” และ “นำ” ไปปรับใช้กันนะครับ
เพราะว่าสิ่งที่ผมตกผลึกจาก เบ็ตต์เจอร์ ต้องเรียกว่า มันคือการขายระดับพระกาฬจริงๆ
.
.
ก่อนที่จะไปเรียนรู้เทคนิคของชายคนนี้ อยากจะพาทุกคนไปรู้ แบคกราวน์ก่อน
ว่าคนๆนี้ไม่ใช่ Lucky Sperm (เกิดมาบนกองเงินกองทอง) เบ็ตต์เจอร์ต้องต่อสู้กับชีวิต
อยากลำบาก เพราะเรียนมาน้อย ไม่จบม.3 ด้วยซ้ำไป นั่นคือเหตุผลที่เรื่องราวของเขา
เป็นที่เล่าขานกันในชาวอเมริกา ว่าเป็นคนที่ประสบความสำเร็จด้วยลำแข้งตัวเองจริง
.
พ่อของเขาเสียชีวิตตั้งแต่เขายังเด็กๆ ทำให้แม่ เบ็ตต์เจอร์ และน้องอีก4คนส่งผลให้เขาต้องดิ้นรนมากขึ้น
เมื่อตอน 11 ขวบ เขาต้องตื่นตี4.30 เพื่อออกไปขายหนังสือพิมพ์ รับจ้างซัก เย็บเสื้อผ้า เพื่อช่วยแม่หารายได้
แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกมื้อที่จะมีข้าวตกถึงท้อง บางครั้งโชคดีก็มีแป้งข้าวโพดและนม พอประทังชีวิตเพื่อให้มีแรงและทำงานต่อ
พออายุ 14 ปีก็ต้องออกจาก รร. เพื่อไปทำงานเครื่องจักรไอน้ำ และกลายมาเป็นนักเบสบอล
ที่มีชื่อเสียง แต่ก็ดังในระดับรัฐเล็กๆได้แค่2ปี เพราะบาดเจ็บหนักทำให้เล่นต่อไม่ได้
ทำให้ต้องมาทำงานเป็น พนักงานเก็บเงินจากลูกค้าที่ซื้อเฟอร์นิเจอร์ แต่ด้วยรายได้ที่ไม่อาจเลี้ยงดูเขาได้
จึงลาออกมาเป็น “ตัวแทนประกัน” แต่ก็ ล้ม ล้ม ล้ม..... ล้มเหลวมาตลอดเส้นทางประกัน
.
จนทำให้เขาคิดว่า “บางทีเขา...อาจไม่เกิดมาเพื่อเป็นนักขาย เหมือนกับคนอื่นๆ”
แต่แล้ว #จุดเปลี่ยน ของชีวิตก็เกิดขึ้นจากการดิ้นรนไม่ยอมแพ้ เลยไปลงเรียนคอร์สกับเดล คาร์เนกี
จากนั้นชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไป จากเด็กที่เดินเตะดิน สู่ผู้ใหญ่ใส่สูทผูกไทท์มีรองเท้าหนัง
ผู้มีสถิติการขายประกันสูงสุดในอเมริกา
และเกษียนตัวเองตอนอายุ40ปีเท่านั้น แม้วันนี้เบ็ตต์เจอร์ จะไม่ได้มีลมหายใจแล้ว
แต่เขาได้ฝากเทคนิคที่เขาย่อยออกมาเป็นข้อๆในการขายไว้ให้กับคนรุ่นหลัง
ซึ่งผมได้สรุปย่อยแบบเข้าใจง่ายๆมาให้ดังนี้ครับ
#1 งานขายเป็นงานที่ง่ายที่สุด ถ้าคุณ “ตั้งใจ” มีความมุ่งมั่นและมีความขยันมากพอ แต่มันจะเป็นงานที่หินที่สุดในโลก
หากคุณทำพอไปที หรือทำไปวันๆอย่างที่คุณก็เห็นๆกันอยู่
.
#2 หัวใจสำคัญของการขาย คือ “การออกไปพบลูกค้า” หรือทำให้เขาเห็นคุณ เพราะ
คุณจะไม่ได้รับ #คอมมิชชั่น หากคุณไม่มี ผลงานขาย คุณจะไม่มี #ผลงานขาย หากคุณไม่ได้ ใบสั่งซื้อ (P.O.) จากลูกค้า
คุณจะไม่ได้ #ใบสั่งซื้อ หากคุณไม่ได้ออกไปพูดคุย กับลูกค้า และคุณจะไม่ได้ #พูดคุยกับลูกค้า หากคุณไม่ได้ออกไปพบพวกเขา
.
#3 สิ่งสำคัญที่สุดในการทำงานแต่ละวันของคุณ ไม่ใช่ การทำงานหนัก ทำงานเยอะ
หรือ เพิ่มเวลาทำงาน แต่เป็น “การวางแผน กำหนดเวลาการทำงานต่างหาก”
.
#4 ลูกค้าทุกคนไม่อยากถูกขาย แต่อยากซื้อด้วยตัวของเขาเอง คนขายของต้องพยายามชี้ให้เห็นว่าแท้จริงแล้วเขาต้องการอะไร เพราะบางครั้งเขายังไม่เห็นความจำเป็น
#5 ทุกครั้งของการขายงาน คุณไม่จำเป็นที่จะต้องคุยเรื่องงานเสมอไป คุยเรื่องราวความสำเร็จของเขา สิ่งที่เขาสนใจบ้าง เพื่อให้เกิดมิตรภาพและการไว้ใจ เพราะบางครั้งการตัดสินใจซื้อของ มาจากการไว้เนื้อเชื่อใจกันมากกว่าข้อมูลของสินค้า
.
#6 นักขายที่ดี จำเป็นที่จะต้องรู้ และเชี่ยวชาญในสิ่งที่ตัวเองทำ จงจำไว้ว่า “ไม่มีลูกค้าคนไหนอยากเสียเวลากับคนที่ไม่รู้เรื่องงานของตนเอง”
#7 กระตุ้นให้เกิดความกลัว วิตกกังวล
ธรรมชาติของมนุษย์ทุกคนจะตัดสินใจ ลงมือทำอะไรบางอย่าง จะขึ้นอยู่กับ ความอยากได้เพิ่มมากขึ้น หรือมีกำไร และเกรงกลัวความสูญเสีย หรือขาดทุน การขายที่ได้ผลคือทำให้เขาเห็นถึงความเสี่ยง หรืออันตราย ที่มีโอกาสจะเกิดขึ้นกับชีวิตของเขาหรือครอบครัว
.
#8 จงอ้างอิง หากวันนี้คุณยังไม่มีเครดิตหรือโด่งดัง (น้องใหม่) การอ้างอิงถึงบุคคลที่สาม
จะช่วยสร้างความเชื่อใจให้กับลูกค้าที่คุณกำลังขายงานได้ไม่แพ้กัน
#9 นักขายส่วนใหญ่มักจะหลงลืมสิ่งที่สำคัญที่จะช่วยให้ปิดการขายได้ นั่นก็คือ “รอยยิ้ม”
มันคือสิ่งเดียวที่คุณลงแรงน้อยสุด แต่ได้ผลลัพธ์มหาศาล และแน่นอนว่าอย่าลืมยิ้ม ขณะที่คุณโทรศัพท์ เพราะหากคุณยิ้มและพูด น้ำเสียงที่ออกมาจะฟังแล้วนุ่มนวลชวนน่าฟังกว่าการพูดปกติหลายเท่าตัว
.
#10 ถ้าได้ยินชื่อลูกค้าไม่ชัดเจน อย่าเขินอายที่จะถามอีกครั้งว่าเขา/เธอ ชื่ออะไร
มันไม่ใช่การเสียมารยาทแต่อย่างใด แต่เขากลับรู้สึกว่าคุณ “ใส่ใจ” ในตัวเขามากขึ้นด้วยซ้ำไป
จงจำให้ขึ้นใจว่า “ชื่อ” คือเสียงเรียกที่ไพเราะที่สุด
.
#11 ลูกค้ารายใหม่ถือเป็น เส้นเลือดสำคัญของธุรกิจ
.
#12 อย่าลืมแจ้งผลการติดตามให้กับเพื่อน หรือลูกค้าที่แนะนำต่อมาให้คุณ ไม่ว่ามันจะสำเร็จหรือล้มเหลวก็ตาม
.
#13 ห้ามเขินอาย เมื่อถึงเวลาต้องทวงเงิน หรือรับเช็ค อย่าลืมว่าคอมมิชชั่นมาจากเงิน ไม่ใช่การส่งมอบสินค้า
.
#14 การปิดการขาย คือส่วนที่สำคัญที่สุด จงตีเหล็กในขณะที่กำลังร้อน เมื่อคุณให้การบริการครบถ้วนแล้ว
.
จงใช้คำถามปลายปิด เช่น สะดวกรับกี่ชิ้นดีครับ? ให้ดำเนินการตอนนี้เลยมั้ยคะ? คอนเฟิร์มการสั่งซื้อตามรายการนี้นะครับ? เป็นต้น
.
#15 จงอย่าลืมลูกค้า แล้วลูกค้าจะไม่มีวันลืมคุณ
ขอบอกว่านี่แค่ 10%-20% ของเทคนิคการขาย ของชายที่ได้ชื่อว่า “นักขายระดับพระกาฬ”
ยังมีเทคนิคดีๆที่เขาฝากไว้ให้เราอีกมากมาย
.
“อย่าให้การขายของคุณเป็นเหมือนกับ การติดกระดุมเม็ดแรกที่ผิดครับ
เพราะการจะแกะติดใหม่อีกครั้ง อาจใช้เวลานาน และก่อให้เกิดปัญหาอย่างมากมาย”
.
ถ้าคุณไม่อยากล้มเหลวในการขาย และไม่อยากเสียเวลาที่จะต้องไปเรียนรู้เอง หรือเริ่มจาก 0
สามารถสั่งซื้อหนังสือจาก แฟรงก์ เบ็ตต์เจอร์ ที่แปลเป็นไทยในเวอร์ชั่น อ่านง่ายเข้าใจได้
เพื่อพัฒนาสกิลการขาย และรายได้ที่ดียิ่งกว่าเดิม ได้ที่ 👉 https://shop.line.me/@richlyquotes/product/1001472290
.
.
.
“อย่าให้คำว่ารู้แล้ว ทำให้คุณพลาดเรื่องราวดีๆ”
REF: How I Raised Myself from Failure to Success in Selling
■ ■ ■ ■ ■ ■ ■ ■ ■ ■ ■ ■ ■ ■ ■ ■ ■ ■ ■ ■
#คำคมคนมีตังค์ #Richlyquotes #หนังสือดีน่าอ่าน #เทคนิคการขาย #ขายของออนไลน์ #นักขาย #ตัวแทนประกัน
- 23
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
