11 เม.ย. 2022 เวลา 23:53 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
EP 5 เม้ามอยสารคดีที่มีความเกี่ยวพันกับประเทศไทยหน่อย โดยเฉพาะ "The Rescue สารคดีการกู้ชีพที่ถ้ำหลวง" จาก National Geographic Documentary Films
ขอบคุณภาพจาก Google
ตอนแรกว่าจะไม่ดู เพราะจากการติดตามข่าวที่ได้มีการนำเสนอผ่านสื่อที่เรียกแขกในแง่ให้ความรู้สึก “อะไรว่ะเนี่ย” เพราะจริงๆแล้วก็ไม่ใช่คนที่ตามข่าวขนาดนั้น รู้แค่ว่า เจอเมื่อไร พาออกมายังไง ใครมาช่วยบ้าง? แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้เห็นอะไรหลายๆอย่างที่เกิดขึ้น ทั้งที่เป็นพลังการร่วมตัวของอาสาสมัครต่างๆ การช่วยเหลือซึ่งกันและกันทั้งในแง่ของแรงกาย แรงใจ ที่เห็นเมื่อไรก็จะรู้สึกว่า "คนไทยไม่เคยทิ้งกัน" แต่ในอีกแง่ เราก็เสียงบประมาณไปพอสมควรกับเรื่องที่เกิดขึ้น (แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่ไม่ว่าใครก็ตาม ก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้น และเชื่อว่าแม้กระทั่งตัวเด็กๆ หรือครอบครัวเองก็ตาม)
และเมื่อสุดท้าย สิ่งที่เห็นอีกอย่าง คือ การกระหน่ำ ประโคมข่าวที่หลายๆ คน หลายๆหน่วยงานให้การสนับสนุนกลุ่มเด็กเหล่านั้นเพื่อทำตามความฝันในด้านของฟุตบอล ซึ่งเราก็ในอีกแง่มุมก็รู้สึกว่า มันใช้หรา? (แต่ถ้าเขาสนับสนุนก็ดี เพราะเป็นการให้โอกาสกลุ่มเด็กที่เรียกว่าอนาคตของชาติ) และพอข่าวประโคมเรื่อยๆ ก็ยิ่งเกิดอคติส่วนตัวว่า "ควรพอมั้ย?" "สื่อกระหายการทำข่าวขนาดนั้นเลยหรา?" "นำเสนอแต่พอดีมั้ย?" และอคติส่วนตัวค่อนข้างไปทางไม่ค่อยชอบใจเท่าไร
อะ นอกเรื่องกันมาซักพัก สุดท้ายทนความอยากของตัวเองไม่ไหว และยิ่งมีคนให้แอดเคามาดูฟรียิ่งต้องจัดแบบไม่ให้เสียโอกาส "อยากดูต้องได้ดู"
แต่พอได้ดูเท่านั้นแหละ เป็นการเสียเวลาเกือบ 2 ชั่วโมง ที่รู้สึกว่าคุ้มค่าพอสมควร และรู้สึกว่าเป็นสารคดีที่นำเสนอเรื่องราวได้ดี เป็นการโฟกัสที่นักดำน้ำที่เป็นแนวหน้าในการค้นหากลุ่มเด็กๆ และที่ให้ความรู้สึกดีไปอีกคือ จากนักดำน้ำอาสาสมัครประเทศอังกฤษ และได้รวบรวมกลุ่มคนที่มีหลากหลายอาชีพแต่มีความชอบ และงานอดิเรกคล้ายกัน คือ ดำน้ำ หรือการดำน้ำในถ้ำ ระดมกันมาเพื่อค้นหากลุ่มเด็กๆ
"โคตรจะสุดยอดเลยอ่ะ จากงานอดิเรกตามความชอบส่วนตัว แต่กลายเป็นความเชี่ยวชาญที่นำมาช่วยชีวิตคนได้" และยิ่งสุดยอดไปอีก คือ จากสภาพการที่เขาไม่รู้เลยว่าการที่เขามาตรงนี้ มันจะคุ้มค่ามั้ย? หรือ อะไรจะเกิดขึ้น? แต่เขาก็ยอมเสี่ยง
และนอกจากโฟกัสไปที่นักดำน้ำแล้ว สิ่งสำคัญที่เนื้อหาได้นำเสนอ คือ ประสบการณ์ ความกดดัน การที่จะต้องตัดสินใจที่ต้องเผชิญหน้าในสถานการณ์ที่เรียกว่าความเป็นความตายทั้งของตัวเอง และของคนอื่นที่เราไม่รู้จัก พร้อมๆกับ ที่เจอ ระบบการดำเนินงานตามราชการไทย คือ การประสานงานร่วมกับหน่วยงานไทยไม่ค่อยจะราบรื่นเท่าไร และอีกอย่างที่ทำให้แบบ…ถ้าเป็นเรานะพอได้ฟังแล้วกูอยากกลับประเทศเลยอาะ เช่น คำเตือนว่าถ้านักดำน้ำช่วยเหลือผิดพลาดก็อาจจะถูกดำเนินคดีได้ ถึงแม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นข้อกฎหมายสากลก็ตาม แต่ควรดูบริบทก่อนมั้ยจ่ะ? (อินแหละ ความรู้สึกส่วนตัว)
และเป็นการนำเสนอเชิงสัมภาษณ์ ผ่านภาพฟุตเทจจริง และภาพจำลองสถานการณ์ที่ทำให้เกิดความสมจริงมากยิ่งขึ้น แล้วอีกส่วนที่สุด คือ เริ่มแรกว่าต้องค้นหาเด็กทั้ง 13 คนว่าหนักแล้ว แต่การที่เจอเด็กทั้ง 13 คนยังมีชีวิตอยู่และจะเอาเขามาออกมายังไง? นั้นต่างหาก คือ จุดเริ่มต้นของการกู้ภัยที่แท้จริง
แม่ง เป็นการตัดสินใจที่โคตรจะเสี่ยง ท่ามแรงกดดันทั้งเวลา สภาพอากาศ คน และสิ่งที่ไม่รู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นโดยที่เอาชีวิตตัวเองมาเสี่ยงให้กับใครก็ไม่รู้ ทั้งที่ต่างชาติ ต่างภาษา โคตรน่านับถือความอาสาและเสียสละของทีมเหล่านั้น และไม่ว่าจะมีอาศัยความเชี่ยวชาญ วิชาชีพยังไง แต่คนไทยก็ไม่ทิ้ง ความเชื่อ ในสิ่งลึกลับของถึงแม้ว่าจะไม่เห็นด้วยตา แต่เมื่อใดที่คนเราต้องการที่พึ่งทางใจ สิ่งเหล่านี้ยอมเกิดขึ้นเสมอ
สุดท้ายถึงแม้จะนำมาซึ่งความยินดีของทั้ง 13 ชีวิตที่รอดออกมาได้ แต่ก็ยังมีความน่าเศร้าใจให้กับ 2 อาสาสมัครที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับ แต่เชื่อว่าน้องๆทั้ง 13 คนและทีมงาน หรือ แม้กระทั่งคนไทย ก็คงจะไม่ลืมความเสียสละชีวิต และการสูญเสียของครอบครัวอาสาทั้ง 2 คน และพวกเขาจะถูกจดจำไปอีกนานจากการเสียสละชีวิตเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น
เราเป็นคนหนึ่งที่ย่อมคาดหวังกับการที่ประเทศไทยต้องเสียทรัพยากรทั้งไนแง่เงิน เวลา และสูญเสียบุคคลสำคัญที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับ "ย่อมคาดหวังว่าอนาคตของน้องๆ ทั้ง 13 คน จะดำเนินไปในทางที่ดี ให้สมกับสิ่งที่หลายๆ คนเสียสละ" หากเมื่อไรก็ตามที่ ถ้าได้ยินข่าวที่ชีวิตน้องหันเหไปทางลบ วันนั้น เราคงเสียใจ ถึงแม้ว่าจะเป็นชีวิตของน้องก็ตาม
ปล. อุบัติเหตุเชื่อว่าคงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น และครั้งนี้จะกลายเป็นบทเรียนให้หาวิธีรับมือหากเจอเหตุการณ์แบบนี้อีกในอนาคต
ดูที่ app Disney+ Hotstar
โฆษณา