12 เม.ย. 2022 เวลา 01:25 • นิยาย เรื่องสั้น
คคนานต์ [ใต้ฟ้าเดียวกัน]
Introduction
ชายหนุ่มร่างสูงหน้าตาคมคายแต่งตัวสมาร์ทชนิดที่ว่าหากเป็นดาราก็คงเฉิดฉายดังเป็นพลุแตก แต่เพียงเท่านี้คนอย่าง อคินส์ วงศ์วริศ หรืออวี้เฟยหลง รองประธานเคกรุ๊ป ทายาทอดีตมาเฟียอย่างอวี้เฟยเทียน คุณพ่อของเจ้าตัว ก็หล่อเกินมาตรฐานที่สาว ๆ หรือหนุ่ม ๆ ตั้งไว้แล้ว
แว่นตากันแดดสีชาเข้มเข้ากับรูปหน้าและทรงผม เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินขับให้ผิวขาวดูโดดเด่นโดยเฉพาะช่วงอกที่ปลดกระดุมถึงสามเม็ด กางเกงสแล็คขาวตัดกันยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้กับชายหนุ่ม
"อีกกี่นาที"
"ยี่สิบนาทีครับคุณคินส์"
"คุณพ่อรู้เรื่องนี้หรือเปล่า พี่ยุรู้เรื่องนี้ด้วยไหม"
"คุณท่านยังไม่ทราบครับ คุณพายุยังอยู่ที่ฮ่องกงกับคนสนิท อีกหนึ่งอาทิตย์ถึงจะเดินทางกลับมาครับ" คินส์พลิกข้อมือดูเวลาก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเครื่องบินแลนดิงบนลานจอดเบื้องหน้า เขาไม่อยากให้เรื่องนี้ขยายเป็นวงกว้างจนกว่าจะค้นหาความจริงพบ อย่างน้อยขอเวลาปิดข่าวไปจนถึงสิ้นปีนี้เพื่อไม่ให้กระทบกับโรงแรมเปิดตัวใหม่ของตระกูล
ข่าวการหายตัวไปของเมษาดังไปทั่วทุกสำนักพิมพ์และสื่อต่าง ๆ โดยเฉพาะคนในวงการบันเทิง เพราะเธอเป็นนักแสดงแถวหน้าของเมืองไทยและยังเป็นทายาทคนสำคัญของตระกูลศินท์พิรัช คุณมารุติ ประธานเอ็มมอลล์ ห้างสรรพสินค้าชื่อดังใจกลางเมืองกรุงเทพฯ เป็นเจ้าสาวของเพื่อนสนิทเขา
ไม่มีสาเหตุหรือลางสังหรณ์มาก่อนว่าหญิงสาวจะถูกลักพาตัว ไม่มีวี่แววว่าจะมีใครกล้าคิดเข้าถ้ำเสืออย่างพวกเขาหรือแม้กระทั่งตัวของเมษาเอง เขาไม่เคยคิดว่าเจ้าตัวจะหนีงานแต่งที่รอคอยมานานหลายปี
"เก็บเรื่องที่ฉันจะทำไว้เป็นความลับก่อนอย่าให้ใครรู้เรื่องนี้ โดยเฉพาะคุณพ่อกับพี่ยุ บอกรามิลเย็นนี้ให้กลับบ้าน ถ้าไอ้โฬมมันขวางก็ให้สิงห์กับกระทิงจัดการได้เลย"
"ได้ครับ" อคินส์ถอดแว่นออกมองผู้โดยสารผ่านจอโทรทัศน์เครื่องใหญ่ที่ตั้งอยู่ภายในห้องควบคุม คนตัวเล็กที่เขาสั่งให้แรดกับเสือค้นหาประวัติเร่งด่วนกำลังเดินเข้าภายในเกทของสนามบิน ลูกชายคนเล็กของคุณมารุติและเป็นน้องชายของเมษา
มีนา ศินท์พิรัช อายุยี่สิบหกปี อาศัยอยู่เมืองนอกตั้งแต่เด็กไม่ได้กลับมาที่เมืองไทย ใช้ชีวิตอยู่อังกฤษนานถึงสิบสองปี ไม่เคยมีข่าวให้ได้เห็นมาก่อน ชอบเก็บตัวเงียบ ไม่เข้าสังคมไฮโซ
"เสือ"
"ครับคุณคินส์"
"ฉันมีอะไรให้นายทำอย่างหนึ่ง" เขาบอกกับคนสนิทของตัวเองด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง อคินส์ไม่เคยคิดว่าเขาจะต้องมานั่งทำอะไรแบบนี้ เรื่องการหายตัวไปของเมษาไม่ใช่ธุระอะไรของเขาก็จริง แต่ที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ของเขาที่ร่วมหุ้นกับเพื่อนสนิทอย่างธารภพ และประเด็นที่เขาต้องลงมือด้วยตัวเองคือตำรวจอย่างจิระ ไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไปง่าย ๆ แน่นอน
"ส่งข้อความถึงคุณแม่บอกว่าฉันต้องการเป็นคู่หมั้นกับมีนา"
"...ครับ" ชายหนุ่มร่างกำยำโค้งหัวรับคำสั่งจากผู้เป็นนายโดยไม่ตั้งคำถามใด ๆ แม้จะมีความสงสัยเกิดขึ้น แต่การตัดสินใจทุกครั้งของอคินส์ไม่เคยผิดพลาด เขาคงคิดมาดีแล้วถึงได้ทำแบบนี้
ธุรกิจของอคินส์มีสีเทาที่ไม่ถูกกฎหมายอยู่อย่างหนึ่งนั่นคือแผนงานก่อสร้างกาสิโนบนเกาะใหญ่ของภาคใต้ และคนอย่างผู้กองจิระคงกำลังหาลู่ทางไล่ต้อนเขาให้จนมุมอยู่ เหตุการณ์นี้มันทำให้อีกฝ่ายหาช่องโหว่เข้ามาสืบสวนในสถานที่ของเขา อย่างหนึ่งที่ตำรวจคนนั้นทำคือพุ่งประเด็นว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสองเรื่อง
"ฉันไม่อยากให้ผู้กองจิระเข้ามาวุ่นวายเรื่องนี้ มีนาจะเป็นเกราะกำบังไล่พวกนั้นออกไป"
"แต่ ผมคิดว่า..."
"ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ทำอะไรเด็กคนนั้นหรอก ขอแค่หาเบาะแสเจอว่าเมษาหายตัวไปได้อย่างไรก็พอ"
"ครับ ผมจะจัดการให้ครับ" ร่างสูงลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะเดินนำออกจากห้องควบคุม เขาตั้งใจว่าวันนี้แค่จะมาเจอหน้าน้องชายของเมษาเพียงเท่านั้น อคินส์ตรงไปยังเกทผู้โดยสารขาเข้ามองผู้คนที่เดินสวนกันไปมา ที่นี่ใหญ่ที่สุดในประเทศ รองรับลูกค้าได้หลายพันคนต่อวัน มีโรงแรมในเครือเพื่อความสะดวกสบายของลูกค้า โรงพยาบาลของคุณแม่ในกรณีฉุกเฉินรวมไปถึงห้างสรรพสินค้าขนาดกลางของเอ็มมอลล์อีกด้วย
เขาหยุดมองใบหน้าขาวของเด็กมีนาที่กำลังส่งกระเป๋าให้กับบอดี้การ์ดของตระกูลศินท์พิรัช ครอบครัวนี้ถือว่ายิ่งใหญ่พอสมควรและมีการป้องกันระดับดีเยี่ยม คุณมารุติได้อดีตตำรวจฝีมือดีถึงห้าคนมาทำงานให้กับเขา และยังมีลูกน้องของตำรวจพวกนั้นที่ถูกฝึกมาอย่างดีอีกด้วย
"กลับบ้าน วันนี้ฉันมีอีกเรื่องที่ต้องจัดการ"
"ครับคุณคินส์" อคินส์หันหลังเดินออกไปยังลานจอดรถสำหรับผู้บริหาร เป็นจังหวะเดียวกับที่มีนาเงยหน้าจากบอดี้การ์ดมองไปทางนั้น ผู้คนมากมายเดินสวนกันจนน่าเวียนหัว คนตัวเล็กถอนหายใจแผ่วเบา เขาไม่อยากกลับเมืองไทย ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับที่นี่ ถ้าไม่เพราะพี่สาวของเขาหายไป ให้ตายเขาก็ไม่มีทางมา
ชายหนุ่มร่างเล็กที่มีความสูงเพียงหนึ่งร้อยหกสิบแปด ผิวขาวเพราะแทบจะไม่โดนแดดมีใบหน้าคล้ายกับเมษาจนบางคนเข้าใจผิดว่าเขาคือฝาแฝดสมัยเด็ก ๆ ยืนมองบอดี้การ์ดของคุณพ่อตัวเองทำหน้าที่อยู่ เขาอยากบินกลับไปทำงานเสียเดี๋ยวนี้
"เชิญคุณหนูทางนี้ครับ"
"ครับ" จำต้องเดินตามคนของคุณพ่อขึ้นรถไป สถานที่ที่เขาเคยอาศัยอยู่เมื่อสมัยยังเด็ก
ความทรงจำมากมายค่อย ๆ ย้อนกลับมาราวกับว่ากำลังกรอเทป มีนานั่งอยู่ในรถมองท้องฟ้าที่มีกลุ่มก้อนเมฆลอยฟุ้งกระจายไปทั่ว อากาศภายในรถแม้จะมีเครื่องปรับอากาศแต่เขาก็ยังรู้สึกร้อนอยู่ดี มือเล็กล้วงกระเป๋าเสื้อหยิบเอาสร้อยคอร็อคเก็ตออกมา ใครสักคนมอบให้เขาเมื่อนานมาแล้ว
โลมาตัวเล็กบนสร้อยเส้นนี้ ติดตัวเขามาตั้งแต่ยังเด็ก สิ่งเดียวที่จำได้คือ มันเป็นของสำคัญที่ต้องรักษาไว้อย่างดี
1
"ทำไมถึงจำอะไรไม่ได้เลยนะเรา" มีนาลูบสร้อยเส้นเล็กก่อนจะสวมมันเข้าไป จี้โลมาอยู่ในระดับเหนืออกมองเห็นชัดเจนก่อนจะหันมองท้องฟ้าข้างนอกอีกครั้ง
ความจำสมัยเด็กมีนาจำอะไรไม่ได้เลยหลังจากตื่นนอนในห้องคนป่วยของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง คุณพ่อบอกเขาเพียงว่าตนเองเล่นซนจนล้มหัวกระแทกพื้นไป และไม่มีใครยอมเล่าเรื่องก่อนหน้านั้นให้มีนาฟังอีกเลย ส่วนมีนาเองก็ไม่เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องรื้อฟื้นความทรงจำอะไรเพราะเขายังเด็ก เรื่องวัยเด็กก็คงเป็นเรื่องทั่ว ๆ ไปไม่มีอะไรให้ใส่ใจ
"คุณท่านโทรมาบอกว่าจะกลับช้าหน่อย คุณหนูอยากทานอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ ผมจะสั่งจากโรงแรมมาให้ครับ"
"แวะทานที่ร้านข้างทางก็พอครับ ผมไม่อยากวุ่นวาย"
"แบบนั้นจะไม่ปลอดภัยเอานะครับ ตอนนี้คุณท่านสั่งเข้มงวดมาก กลัวว่าจะเกิดอันตรายขึ้นอีก"
"งั้นโทรสั่งจากโรงแรมมาก็ได้ครับ มีนทานได้หมดยกเว้นอาหารทะเล"
"ครับคุณหนู" มีนาถอนหายใจละสายตาจากท้องฟ้าหลับตาลง เอนหัวพิงพนักเบาะ เดินทางมาถึงก็มีเรื่องให้ขัดใจ ต่อไปคงเจออีกนับไม่ถ้วน
คุณพ่อของเขาค่อนข้างจะเข้มงวดและวิตกกังวลหลังจากวันที่เขาเกิดอุบัติเหตุ ท่านสั่งให้เลขาจัดหาพี่เลี้ยงเข้ามาดูแลเขาเพิ่มพร้อมกับลูกน้องฝีมือดีอีกสองคน ไม่ว่ามีนาคิดจะทำอะไรจะมีพวกเขาเหล่านั้นคอยรายงานท่านอยู่เสมอ
จนถึงวันที่ท่านตัดสินใจส่งเขาไปเรียนต่อที่เมืองนอก ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นมีนาก็ยังถือว่าเด็กอยู่ แต่เพื่อความปลอดภัยท่านจึงจำเป็นต้องทำ มีนาเองเมื่อรู้ถึงความต้องการของพ่อเขาก็รับทราบโดยไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ
เอี๊ยดดดดด!
"อะ"
"เป็นอะไรไหมครับคุณหนู"
"เกิดอะไรขึ้นกัน"
"คุณหนูหมอบลงก่อนครับ" มีนาทำตามคำสั่งของบอดี้การ์ดคนหนึ่งยอมหมอบลงไปกับเบาะนั่ง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เขาเกือบจะปะทะกับหลังเบาะด้านหน้าเพราะแรงเบรกกะทันหัน ใจของเขาเต้นแรงทั้งตกใจและกลัว
เสียงเอะอะโวยวายด้านนอกทำให้มีนาไม่กล้าลุกขึ้นไปมอง มือเล็กบีบเบาะนั่งแน่นหลับตาสนิท ขดตัวกอดเข่าอยู่ภายใน
พลั่ก!
"..."
"ลงมา"
"คุณเป็นใคร"
"ลงมาก่อน ที่นี่อันตราย" อคินส์ดึงแขนเล็กให้ลงจากรถตามเขามา นี่ถ้าไม่ใช่เพราะเขาผ่านมาทางนี้ก็ไม่มีทางรู้เลยว่าเกิดอันตรายขึ้นกับศินท์พิรัช ร่างสูงพยายามพามีนาเดินหลบดงกระสุนที่สาดใส่กลุ่มคนร้ายไม่ทราบฝ่ายไปยังรถส่วนตัวของเขาที่อยู่ถัดไปไม่ไกลจากที่เกิดเหตุนัก
"คุณเป็นใคร"
"ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาตอบคำถาม" แขนแกร่งรัดคนตัวเล็กกว่าไว้ในอ้อมกอด เขาหมอบต่ำโดยมีลูกน้องเป็นเกราะกำบังช่วยเขาอยู่ อคินส์ไม่ตอบคำถามเขาเปิดประตูรถยัดร่างเล็กเข้าไปก่อนที่จะสั่งให้เสือออกรถทันที
"ไปที่บ้านฉัน"
"อะไรนะ คุณคิดจะลักพาตัวผมงั้นเหรอ"
"..."
"บอกคุณมารุติ มีนาตกอยู่ในอันตราย คนของเขาคุ้มกันไม่ไหว"
"ครับคุณคินส์"
"คุณฟังที่ผมพูดบ้างหรือเปล่า คุณเป็นพวกไหนกันแน่"
"ฉันไม่ใช่พวกนั้นก็แล้วกัน" อคินส์ละสายตามองไปยังกระจกหลังที่มีรถขับตามมา เสือเองก็มองเช่นกันหลังวางสายเขาหยิบปืนพกสั้นเตรียมตัวปะทะกับพวกนั้นหากมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากล การคุ้มกันคุณอคินส์เป็นหน้าที่ของเขา
ชายหนุ่มหักเลี้ยวรถเข้าซอยเปลี่ยวด้านซ้ายของถนน เส้นทางนี้เขาค่อนข้างชำนาญเพราะเป็นทางลัดและไม่ค่อยมีผู้คนมากมาย ถึงจะเป็นแหล่งซ่องสุมกลุ่มโจรลักเล็กขโมยน้อยก็ตาม กับเขาไม่มีใครกล้าทำอันตรายได้อยู่แล้ว
เบื้องหน้าคือคลองน้ำดำมีเสาเหล็กสนิมเกรอะ เสือเหยียบคันเร่งทำความเร็วเพื่อหนีรถคันข้างหลัง
"นั่นมัน คุณ"
"ไอ้เสือ"
"ไว้ใจผมครับคุณคินส์" อคินส์ไว้ใจลูกน้องของตัวเองทั้งสี่คนไม่ว่าจะเป็นเสือ สิงห์ กระทิงหรือแรด ทุกคนล้วนถูกป๊าฝึกมาอย่างหนักเพื่อให้ดูแลเขาและช่วยงานกิจการทั้งหมดที่ไทย มีนาหลับตาแน่นสนิทหัวใจแทบจะหยุดเต้นเมื่อมองเห็นเบื้องหน้า ร่างกายถูกแขนแข็งแรงของคนข้าง ๆ คว้าเข้าไปในอ้อมกอด
เสียงล้อรถกระทบกับพื้นถนนดังลั่นเมื่อมันทรงตัวแบบผิด ๆ จังหวะเลี้ยวของเสือเรียกได้ว่ายิ่งกว่ามืออาชีพในสนามแข่งรถ เส้นยาแดงผ่าแปดเฉียดกับรั้วเหล็กไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น ในขณะที่เสียงรถด้านหลังเหมือนกำลังชนกับอะไรสักอย่างก่อนจะได้ยินเสียงตูม
น้ำในคลองกระเด็นขึ้นมาพอให้ได้เห็น ชายหนุ่มสองคนหันไปมองด้วยสายตาเรียบนิ่ง ต่างจากคนตัวเล็กที่ตอนนี้หมดสติไปแล้ว
"คุณคินส์ คุณหนูเล็ก"
"...มีนา มีนา!"
"เอายังไงต่อครับ"
"ไปโรงพยาบาลคุณแม่ก่อน" เสือพยักหน้าให้หันไปสนใจทางข้างหน้า เขากดโทรศัพท์บอกกับแรดให้จัดการเก็บกวาดให้เรียบร้อยก่อนที่ผู้กองจิระจะเข้ามาจัดการ เหลือไว้แค่เพียงข้างนอกที่ต้องปล่อยให้เจ้าหน้าที่จัดการ เรื่องนี้ยังไม่รู้สาเหตุแน่ชัดว่าเกิดจากอะไร และใครคือผู้ที่อยู่เบื้องหลัง
แรดโทรรายงานให้เสือรับรู้ว่าเก็บกวาดเรียบร้อยดีแล้ว ไม่เหลือให้สงสัยสาวตัวมาถึงอคินส์ให้ยุ่งยากแน่นอน ตอนนี้ทั้งเสือและอคินส์ยังคงนั่งรอคนตัวเล็กฟื้นภายในห้องพักพิเศษบนชั้นห้าของตึกผู้ป่วย ร่างสูงจำเป็นต้องโทรรายงานคุณแม่ก่อนเพราะไม่อยากให้ท่านไม่สบายใจ และไม่อยากให้ป๊าต้องรับรู้เรื่องนี้
"คุณอคินส์จะดื่มกาแฟไหมครับ ตอนนี้สองทุ่มแล้ว คุณมารุติกำลังเดินทางมาที่นี่ครับ"
"อืม สักหน่อยก็ดี"
"ครับ" เสือโค้งหัวเล็กน้อยเดินออกจากห้องพักคนไข้ไป อคินส์ถอนหายใจแผ่วเบาลุกขึ้นจากโซฟาเดินไปนั่งบนเตียงจ้องมองใบหน้าขาวของมีนาชัด ๆ ยังไม่พ้นยี่สิบสี่ชั่วโมงที่เมืองไทยก็ถูกตามฆ่ากันแล้ว แบบนี้จะปล่อยไปให้ไกลสายตาได้อีกงั้นหรือ หากว่าการกระทำของพวกนั้นในวันนี้คือจุดหมายเดียวกับการที่เมษาหายตัวไป เขาจะได้หาเบาะแสจากพวกมัน
เสือรายงานกับเขาว่าแรดจับตัวคนซุ่มยิงไว้ได้หนึ่งคน และนำมันไปขังไว้ที่เซฟเฮ้าส์ที่สองของเขา ไม่มีใครรู้ว่ามันอยู่ที่ไหนแม้แต่ป๊าที่มักจะเดาทางเขาออกทุกครั้งก็ยังหาไม่เจอ
มือหนาจับผ้าห่มนวมยกขึ้นปิดลำคอขออีกฝ่าย บนแขนเล็กมีน้ำเกลือที่ใกล้จะหมดขวด หากฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่ก็กลับบ้านได้ทันที หมอใหญ่แจ้งว่ามีนาคงจะตกใจจนช็อกเลยทำให้หมดสติบวกกับการเดินทางที่ยาวนานร่างกายเลยอ่อนเพลียง่าย
"อืมมม ร้อน"
"อย่าดึงผ้าออก"
"ร้อน" มือเล็กปัดป่ายดึงผ้าห่มออกจากตัวเพราะรู้สึกร้อน อคินส์อังหลังมือไปที่หน้าผากเนียนของเจ้าตัว มีนามีอาการไข้ขึ้นเล็กน้อยและไม่สบายตัวจึงได้ปัดผ้าห่มออก ร่างสูงพยายามที่จะไม่หงุดหงิดเพราะเขาไม่ชอบคนโวยวายไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม
"นี่มัน"
"ปล่อย ร้อน"
"มีนา ตื่น มีนาตื่นขึ้นมา!"
แกร๊ก
"นั่นคุณจะทำอะไร ปล่อยลูกชายผมเดี๋ยวนี้นะ" มารุติเดินอย่างรวดเร็วเข้ามาดึงให้อคินส์ถอยออกไป เสือเห็นเข้าจึงรีบเข้าไปช่วยเจ้านายตัวเอง อคินส์ยกมือเป็นสัญญาณไม่ให้ลูกน้องเขาทำอะไร ทั้งคู่ยืนดูสองพ่อลูกด้วยกัน
มีนาลืมตาตื่นขึ้นมามองเห็นแสงไฟภายในห้องแสบตาจนต้องหลับตาอีกครั้ง เขาเหมือนหนักหัวจนต้องยกมือขึ้นกุมเอาไว้
"เรียกหมอมาตรวจอีกที"
"ครับคุณคินส์"
"ผมจะพาลูกผมกลับ"
"ให้หมอตรวจให้แน่ใจก่อนเถอะครับคุณมารุติ เกิดเป็นอะไรหนักขึ้นมาจะได้รักษาทัน"
"ไม่ดีกว่าครับ ตระกูลผมมีหมอประจำ คงไม่รบกวนคุณจะดีกว่า"
"ผมยังไม่ให้ไป"
"..."
โฆษณา