12 เม.ย. 2022 เวลา 02:02 • หุ้น & เศรษฐกิจ
✅Morning Update 12.04.2022
🇺🇸🇪🇺ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงแรงโดยมีแรงกดดันหลักจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและพลังงาน โดยทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดในแดนลบ
- นายนายเอ็มมานูแอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศสคนปัจจุบัน ชนะการเลือกตั้งสมัยที่ 2 ในรอบแรก
- GDP สหราชอาณาจักรในรอบเดือนที่ผ่านมาขยายตัวต่ำกว่าคาดเพียง 0.10%
- Sony เตรียมแผนขยายเข้าสู่ธุรกิจ Metaverse
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ คืนวันจันทร์ที่ 11.04.2022 ดัชนี Dow Jones -413.04 จุด -1.19% S&P 500 -75.75 จุด -1.69% และ Nasdaq 100 -337.05 จุด -2.35% โดยมีรายละเอียดต่าง ๆ ดังนี้
1. ด้านฝรั่งเศสได้ประกาศผลการเลือกตั้งที่จัดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา โดยประธานาธิบดีฝรั่งเศสคนปัจจุบัน นายเอ็มมานูแอล มาครง ยังคงรักษาคะแนนสูงสุดไว้ได้เป็นอันดับ 1 จากผู้สมัครทั้งหมด 12 คน ที่ 27.6%
ทว่าด้วยระบบการเลือกตั้งของฝรั่งเศส หากผู้ชนะไม่สามารถชนะด้วยเสียงเกิน 50% ได้ (ซึ่งเป็นไปได้ยากเมื่อมีผู้สมัครถึง 12 คน) จะต้องจัดทำการเลือกตั้งรอบที่สอง โดยเป็นการเลือกระหว่างผู้สมัครที่ได้คะแนนเสียงสูงสุดสองอันดับแรก
2. ทางด้านสหราชอาณาจักรมีการประกาศตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจ 2 ตัวเลข
i) รายงานตัวเลข GDP เมื่อเปรียบเทียบรายเดือน หรือ MoM (Month on Month); GDP ของเดือนมีนาคมที่ผ่านมาขยายตัวเพียง 0.1% ต่ำกว่าคาดที่ 0.3%
ส่งผลให้ตัวเลข GDP การขยายตัวรายปี หรือ YoY (Year over Year) ทรงตัวที่ 9.50% แม้ว่าการขยายตัวของตัวเลข GDP จะดูสูงอยู่ แต่ตัวเลขนี้เป็นผลมาจากฐานที่ต่ำของต้นปี 2021
ทั้งนี้ทางด้านสหราชอาณาจักรมีการคำนวณตัวเลข GDP แบบพิเศษอีกแบบหนึ่ง ที่เรียกว่า 3M/3M Change รายงานประกาศว่า GDP (3M/3M Change) ขยายตัวที่ 1.0% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้าที่ 1.3%
ซึ่งวิธีดังกล่าวเป็นการคำนวณแบบเปรียบเทียบ 3 เดือนล่าสุดเทียบกับ 3 เดือนก่อนหน้า (วิธีนี้จะให้ค่าที่ใกล้กับปัจจุบันกว่าการคำนวณแบบรายไตรมาส หากรอบเดือนล่าสุดมีการเปลี่ยนแปลงแบบมีนัยสำคัญ)
ตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรแม้จะฟื้นตัวได้ดีโดยรวม แต่เริ่มมีสัญญาณการชะลอตัวเกิดขึ้น
ii) ตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมประจำเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาหดตัวที่ -0.40% จากที่คาดขยายตัวที่ 0.30% และลดลงรุนแรงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวถึง 0.90%
โดยปัจจัยกดดันภาคการผลิตของสหราชอาณาจักรเป็นผลจากการผลิตรถยนต์ที่ชะลอตัว ท่ามกลางการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกและการขาดแคลนชิ้นส่วนยานยนต์ที่สำคัญ
ด้านตลาดหุ้นยุโรปผันผวนรุนแรง โดย Stoxx 600 ปิดที่ 458.26 จุด (-0.59%)
3. ตลาดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลดลงเนื่องจากอุปสงค์การใช้น้ำมันที่ลดลงทั้งในภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรมในจีนจากผลกระทบของการล๊อคดาวน์และส่งผลกระทบเชิงลบต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน
ล่าสุดประเทศจีนได้มีการล๊อคดาวน์เพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ โดยรวมแล้วกว่า 25 ล้านคน
แม้ว่าตัวเลข 25 ล้านคนอาจมองดูไม่สูงเมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนประชากรทั้งประเทศจีน แต่อย่างไรก็ตามพื้นที่มีคำสั่งให้ปิดเมืองมักจะเป็นหัวเมืองใหญ่และมีความสำคัญทางเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานไปทั่วโลก
ทั้งนี้ด้านทางการจีนเองก็มีแผนที่จะผ่อนคลายมาตรการล๊อคดาวน์ในเมืองใหญ่อย่างเซี่ยงไฮ้ หากสถานการณ์ดีขึ้น
4. แม้ว่ากระแสการลงทุนในตลาดเกมจะเบาบางลงในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทว่าล่าสุดกลุ่ม Sony เข้าทำการลงทุนในบริษัท Epic Games (ค่ายผลิตเกมดังอย่างเกม Fortnite)
ซึ่ง Sony เล็งเห็นว่าเป็นการเปิดโอกาสในการขยายตลาดเข้าสู่ตลาดเกม Metaverse เนื่องจากช่วงก่อนหน้าไม่นานด้าน Epic game มีแผนพัฒนา เกมบน Metaverse สำหรับเด็กร่วมกับกลุ่ม Kirkbi (เจ้าของบริษัทของเล่นเด็กชื่อดังอย่าง Lego) อยู่ก่อนแล้ว
โดย Sony เข้าลงทุนในดีลนี้ด้วยเงินลงทุนกว่า 2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่งผลให้มูลค่าบริษัท Epic games ล่าสุดขึ้นไปแตะระดับ 3.15 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ
5. หุ้นที่ปรับตัวลดลงน้อยกว่าตลาด 3 อันดับสูงสุด ได้แก่หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิต -0.29% กลุ่มวัสดุอุตสาหกรรม -0.45% และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค -0.47%
3M +0.21% Union Pacific +0.46% Union Parcel Service -0.07% General Electric -0.08% Boeing -0.10%
Coca-Cola -0.03% PepsiCo -0.31% Walmart -1.98% Costco -2.56%
P&G -0.38% Philip Morris +1.17% Mondelez +0.02% Colgate +0.24% Estee Lauder ¬-1.64%
6. หุ้นที่ underperform ตลาด 3 อันดับสูงสุดได้แก่หุ้นกลุ่มพลังงาน -3.11% กลุ่มผู้ให้บริการสื่อสาร -2.90% และกลุ่มเทคโนโลยี -2.60%
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลดลงแรงภายหลังตลาดคาดอุปสงค์การใช้น้ำมันในจีนลดลงจากการปิดเมือง
Exxon -3.44% Chevron -2.57% ConocoPhillips -4.92% APA -4.53% Occidental -6.28% EOG Resources -4.37%
หุ้น Twitter ปิดปรับตัวเป็นบวกจากข่าวเชิงบวกว่า Elon Musk ไม่เข้ารับตำแหน่งกรรมการในบริษัท ซึ่งเปิดทางให้ Elon Musk สามารถซื้อหุ้น Twitter เพิ่มขึ้นได้โดยไม่ติดเงื่อนไขถือหุ้นเกิน 14.90% สำหรับกรรมการบริหาร
ด้านผู้ให้บริการสื่อสารชั้นนำอย่าง AT&T ปรับตัวขึ้นโดดเด่นกว่า 7% สวนทิศทางตลาดจากประเด็นการ Spinoff หรือขายหุ้นบางส่วนของบริษัทลูกอย่าง Warner Media ออกให้ผู้ร่วมลงทุนใหม่อย่าง The Discovery company
Twitter +1.69% Pinterest -1.27% Snapchat -3.56% Walt Disney -0.93%
7. หุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ปรับตัวลดลงแรง
Apple -2.55% Alphabet -3.35% Microsoft -3.94% Amazon -2.16% Meta -2.64% Netflix -2.21% Adobe -2.45% Salesforce -0.87% Visa -1.03% Mastercard -1.39%
หุ้น Innovation ปรับตัวลดลง
Tesla -4.83% Lucid Group +0.14% Roku +0.62% Teladoc Health -0.38% Block (Square) -0.11% Zoom -1.67% Spotify -1.18% Twilio -0.76% Coinbase -4.39% Robinhood +0.98% Affirm Holdings +0.32% Unity Software -0.18% Shopify +2.35%
หุ้น Semiconductor ปรับตัวลดลงแรงต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนหน้า
Nvidia -5.20% AMD -3.59% Intel -0.96% Micron -0.15% Qualcomm -0.97% Broadcom -1.09%
8. ETF ด้าน Technology & Innovation ปรับตัวลดลง
ARK Innovation (ARKK) -1.34% ARK Fintech (ARKF) -0.68% PowerShares WilderHill Clean Energy (PBW) -1.23% iShares PHLX Semiconductor (SOXX) -2.05% SPDR S&P Kensho Smart Mobility (HAIL) -0.58% VanEck Vectors Video Gaming and eSports (ESPO) -0.89% Global X Cybersecurity (BUG) +2.05% และ KraneShares CSI China Internet (KWEB) -1.28%
9. หุ้นจีนและเอเชียที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง
Alibaba -1.91% Baidu -1.27% Coupang -3.09% iQIYI +1.83% JD +0.51% Didi Global +1.19% KE holdings -6.77% Luckin Coffee +3.72% NetEase +2.12% Pinduoduo -0.89% SEA -0.43% TAL Education -2.75% TSMC -1.73% Nio -1.50% Xpeng -2.17%
10. S&P500 VIX Index ปรับตัวขึ้นแรง โดยปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ 24.37 จุด (+15.17%)
ด้าน Nasdaq 100 VIX ผันผวนช่วงเช้าของเวลาทำการ ก่อนปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือ 30 จุด และปิดตัวที่ 30.75 จุด (+9.59%)
ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าและสามารถยืนเหนือระดับ 100 จุด โดยล่าสุดอยู่ที่ 100.04 จุด
ราคาทองคำทรงตัว โดยล่าสุดอยู่ที่ 1,952 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ค่าเงินบาทอ่อนค่าเล็กน้อย โดยราคาล่าสุดอยู่ที่ 33.65 บาทต่อดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบ WTI ผันผวนเล็กน้อย โดยราคาล่าสุดอยู่ที่ 95.03 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ที่มาภาพ :
#LHBankAdvisory

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา