17 เม.ย. 2022 เวลา 02:50 • ประวัติศาสตร์
สรุป ตำนาน 183 ปี นาฬิกาหรู Patek Philippe
4
หากพูดถึงแบรนด์รถหรู หนึ่งในแบรนด์ที่เราคิดถึงกันเป็นอันดับต้น ๆ คงเป็น “Rolls-Royce”
1
และถ้าถามต่อไปว่า แล้วนาฬิกาแบรนด์ไหน คือ Rolls-Royce ในวงการนาฬิกา
คำตอบคงหนีไม่พ้น Patek Philippe ซึ่งเป็นแบรนด์ที่เราไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่า
เป็นหนึ่งในแบรนด์นาฬิกาสุดหรูอันดับต้น ๆ ของโลก
9
แต่รู้หรือไม่ว่า ?
ผู้ก่อตั้งบริษัทคนแรก อย่างคุณ Patek นั้นไม่ได้เป็นช่างนาฬิกาอย่างที่หลายคนคิด
แต่เป็นเพียงเด็กหนุ่มที่ต้องอพยพ จากความพ่ายแพ้ต่อสงคราม
6
เรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร ?
ทำไม จากคนที่ไม่ได้มีความรู้เรื่องนาฬิกา
จึงสามารถสร้างนาฬิกาที่วันนี้ บางเรือนมีมูลค่ามากถึง 200 ล้านบาทได้
4
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
3
ถ้าจะให้พูดถึงจุดเริ่มต้นของ Patek Philippe คงต้องย้อนกลับไป 200 กว่าปีก่อน
โดยเรื่องราวของแบรนด์นาฬิกาหรูนี้ เริ่มต้นมาจากชายที่มีชื่อว่าคุณ Antoine Norbert de Patek หรือคุณปาเต็ก ที่เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1812 ณ หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า Piaski Szlacheckie ในประเทศโปแลนด์
3
เมื่อเขาอายุได้ 10 ขวบ ครอบครัวของเขาก็ได้ย้ายไปอยู่ที่วอร์ซอ เมืองหลวงของโปแลนด์
โดยชีวิตในวัยเด็กของเขาก็เหมือนกับเด็กทั่ว ๆ ไป ไม่ได้มีอะไรที่โดดเด่น
จนกระทั่งคุณพ่อของเขาได้เสียชีวิตลงในปี ค.ศ. 1828 ชีวิตของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป
2 ปีหลังจากที่คุณพ่อของเขาเสียชีวิต
การต่อสู้เพื่อการทวงเอกราชของชาวโปแลนด์คืนจากจักรวรรดิรัสเซีย ก็ได้เริ่มต้นขึ้น
หรือที่เรียกกันว่า “November Uprising” โดยสงครามครั้งนี้มีจุดเริ่มต้นที่เมืองวอร์ซอ
คุณปาเต็ก ในวัยเพียง 20 ปี จึงไม่รอช้าที่จะกระโจนเข้าร่วมกับกองทัพกบฏโปแลนด์
1
แม้ในช่วงแรกกองกบฏจะได้รับชัยชนะเล็ก ๆ อยู่บ้าง แต่หลังจากจักรวรรดิรัสเซีนส่งกองกำลังมหาศาลเข้ามาเพิ่ม
1
ด้วยจำนวนที่เป็นต่อ กองกบฏจึงแตกพ่ายไปในที่สุด
และแน่นอนว่าเมื่อกองกบฏเป็นฝ่ายแพ้สงคราม
ทำให้คุณปาเต็ก จึงต้องอพยพออกจากโปแลนด์ในปี ค.ศ. 1832
โดยเขามีจุดหมายปลายทาง ไกลจากบ้านเกิดออกไปกว่า 1,700 กิโลเมตรสู่ประเทศฝรั่งเศส
3
หลังจากนั้นเพียง 2 ปี เขาก็ได้อพยพอีกครั้งมาที่เมืองเจนีวา
เมืองทางตะวันตกของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งตั้งอยู่ติดกับประเทศฝรั่งเศส
ในเวลานั้น เด็กหนุ่มในวัย 22 ปี ไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังหลุดเข้ามาในเมืองแห่งนาฬิกาหรู
ในช่วงเวลานั้น สมาคมช่างทำนาฬิกาแห่งเจนีวา ซึ่งเป็นสมาคมช่างทำนาฬิกาแห่งแรกของโลกได้ถูกก่อตั้งขึ้น เหล่าแบรนด์นาฬิกาหรูมากมาย ก็ค่อย ๆ ทยอยเกิดตามมา เช่น
3
- Vacheron Constantin ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1755
- Breguet ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1775
5
และแน่นอนว่าด้วยความเคร่งครัดในการผลิต ก็ส่งผลให้แต่ละแบรนด์นั้น
ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพ ความประณีต และความสวยงาม
2
ในช่วงแรกที่คุณปาเต็ก อพยพมาที่เมืองเจนีวา เขาได้ลองทำการค้าขายสินค้าหลายอย่าง เช่น สุรา, ไวน์ แต่สินค้าเหล่านั้นกลับไม่ได้ขายดีอย่างที่เขาคิด
2
แต่นอกจากเรื่องการค้าขายแล้ว คุณปาเต็กเองก็มีความสนใจในด้านศิลปะเช่นเดียวกัน
ทำให้เขาได้ไปลงคอร์สเรียน ด้านการวาดภาพกับคุณ Alexandre Calame จิตรกรและช่างแกะสลักชาวสวิสที่มีชื่อเสียงในเวลานั้น
6
จากการที่เข้าเรียนการวาดภาพ ทำให้เขาได้มีโอกาสเดินทางไปศึกษางานศิลปะที่กรุงปารีส เมืองที่มีชื่อเสียงโด่งดังด้านงานศิลปะ ของประเทศฝรั่งเศส
2
และจากการเดินทางไปฝรั่งเศสในครั้งนั้น ทำให้เขาได้รู้จักกับคุณ Louis Jean Marie Moreau สถาปนิกชาวฝรั่งเศส ที่มีฐานะปานกลางค่อนข้างสูง ซึ่งได้แนะนำให้เขารู้จักกับการค้าขายนาฬิกาพกพาที่มีราคาแพง
6
ซึ่งเรื่องนี้เอง ก็ได้ทำให้คุณปาเต็ก รู้สึกสนใจเป็นอย่างมาก เขาจึงได้เริ่มลองซื้อ-ขาย นาฬิกาพกพาที่มีราคาแพงตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
2
ด้วยความสนใจในเรื่องนาฬิกา บวกกับความใกล้ชิดของเขากับคนในตระกูล Moreau
ทำให้ในปี ค.ศ. 1836 เขาได้มีโอกาสพบกับคุณ François Czapek ช่างนาฬิกาชาวโปแลนด์
ที่ในเวลานั้นเป็นเจ้าของบริษัทผลิตนาฬิกาที่ชื่อ “Czapek & Moreau”
3
ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งคู่ยังเคยเป็นทหารที่เข้าร่วมรบกับกองกบฏโปแลนด์
และได้ทำการอพยพออกจากโปแลนด์เหมือนกันอีกด้วย
ด้วยความหลงใหลในนาฬิกาเหมือนกัน ทำให้ทั้งคู่มีโอกาสร่วมกันทำธุรกิจ
จากตอนแรกที่คุณปาเต็ก ยังไม่ได้มีการปรับแต่งหรือดัดแปลงอะไร เป็นเพียงแค่ธุรกิจซื้อมาขายไป
2
แต่ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็เริ่มมีความคิดที่ว่าหากนำนาฬิกามาตกแต่ง ดัดแปลง
ให้มีความสวยงามและหรูหรามากขึ้น ก็น่าจะขายได้ในราคาที่สูงยิ่งขึ้นได้
5
ด้วยไอเดียนี้เอง เขาจึงเริ่มนำนาฬิกาไปให้เหล่าช่างนาฬิกาในเมืองเจนีวา
แน่นอนว่ารวมไปถึงคุณ Czapek ด้วย เพื่อปรับแต่งตัวเรือนด้านนอก
4
และด้วยฝีมือชั้นยอดของช่างทำนาฬิกา บวกกับความสามารถด้านศิลปะของคุณปาเต็ก
ทำให้นาฬิกาที่ผ่านการปรับแต่งมา สามารถขายได้ในราคาที่สูงกว่าเดิม
เพียงไม่นาน นาฬิกาของคุณปาเต็ก ก็เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ
2
จนในปี ค.ศ. 1839 คุณปาเต็ก และคุณ Czapek
จึงได้ตัดสินใจร่วมกันก่อตั้งบริษัท “Patek, Czapek & Cie” ขึ้นมา
ภายใต้สัญญาที่ว่า ทั้งคู่จะทำงานเป็นพาร์ตเนอร์กันเป็นเวลา 6 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท
3
ในช่วงแรกนั้น บริษัท Patek, Czapek & Cie ยังไม่ได้มีการจ้างพนักงาน
โดยสิ่งที่ทั้งคู่ทำคือ ออกแบบนาฬิกา เท่านั้น
1
ในขณะเดียวกัน พวกเขาจะทำการรับซื้ออะไหล่จากหลาย ๆ บริษัท และส่งให้ช่างที่มีฝีมือนำไปประกอบ
หลังจากประกอบเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็จะทำการตรวจเช็กความสมบูรณ์อีกที
ก่อนที่จะนำไปขาย โดยในช่วงแรก บริษัทมีการผลิตนาฬิกาเพียงปีละ 200 เรือนเท่านั้น
3
ด้วยคุณภาพที่ดี บวกกับความสวยงามของนาฬิกาจากบริษัท Patek, Czapek & Cie
ทำให้ชื่อของบริษัท รวมถึงชื่อของผู้ก่อตั้งอย่างคุณปาเต็ก ก็เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น
2
จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1844 บริษัท Patek, Czapek & Cie ก็ได้รับเชิญให้จัดแสดงนาฬิกาในงาน French Industrial Exposition ที่กรุงปารีส
5
ซึ่งเป็นนิทรรศการที่จัดขึ้นเพื่อให้ผู้ผลิตสินค้า, นักวิทยาศาสตร์ ได้มาโชว์สินค้าและนวัตกรรมใหม่ ๆ
1
และที่งานนิทรรศการนี้เอง คุณปาเต็ก ได้พบกับคุณ Jean Adrien Philippe
หรือคุณฟีลิป ช่างนาฬิกาชาวฝรั่งเศส
3
เขาคนนี้เป็นบุคคลที่กำลังได้รับรางวัล จากการคิดค้นระบบ Keyless winding และ Hand-setting system
หรือระบบไขลานและตั้งเวลาของนาฬิกาด้วยปุ่มเล็ก ๆ หรือที่เราเรียกกันว่า “เม็ดมะยม”
แทนแบบเดิมที่จะต้องใช้กุญแจแกะด้านหลังออกเพื่อตั้งเวลา
2
เรื่องนี้ ก็ได้ทำให้คุณปาเต็ก รู้สึกประทับใจในผลงานและตัวคุณฟีลิปเป็นอย่างมาก
เขาจึงได้ชักชวนให้คุณฟีลิปมาร่วมงานกับเขา
3
ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันนั้น คุณปาเต็กเองก็กำลังมีปัญหากับพาร์ตเนอร์คนเก่าอย่างคุณ Czapek
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแนวทางของบริษัท และการทำงานที่ไม่ค่อยมีระเบียบวินัยของคุณ Czapek
เมื่อเรื่องเป็นแบบนี้ ในปี ค.ศ. 1845 ซึ่งก็เป็นปีที่หมดสัญญาการเป็นพาร์ตเนอร์ ระหว่างคุณปาเต็ก และคุณ Czapek พอดี
4
ทำให้คุณฟีลิป ได้กลายมาเป็นพาร์ตเนอร์คนใหม่ของคุณปาเต็ก
โดยทั้งสองคนได้แบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบกันอย่างชัดเจน
2
- คุณฟีลิป จะรับผิดชอบในการผลิตและคิดค้นนวัตกรรม
- คุณปาเต็ก จะรับผิดชอบในเรื่องการตลาดเป็นหลัก รวมไปถึงมีส่วนร่วมในการช่วยออกแบบนาฬิกา
3
และแล้วจุดเปลี่ยนแรกของบริษัท Patek, Czapek & Cie ก็เกิดขึ้น ในปี ค.ศ. 1851
1
คุณฟีลิป สามารถสร้างนาฬิกาเรือนแรกของโลกที่ใช้เม็ดมะยมในการตั้งเวลา ซึ่งทำให้สามารถตั้งเวลาได้โดยไม่ต้องเปิดฝาด้านหลังออก จากที่ก่อนหน้านี้จะต้องทำการเปิดฝาด้านหลังออกเพื่อตั้งเวลา
4
เมื่อสามารถผลิตได้แล้ว ต่อไปก็เป็นหน้าที่ของคุณปาเต็ก ในการทำการตลาด
ซึ่งคุณปาเต็ก ก็ได้เลือกใช้วิธีเปิดตัวแบบที่ไม่มีใครคาดถึง
2
ด้วยการผลิตนาฬิกาแบบพกพา
ที่มีการตกแต่งด้วยเพชรที่เจียระไนรูปกุหลาบ
เพื่อถวายให้กับ Queen Victoria (สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียแห่งอังกฤษ)
โดยนาฬิกาเรือนนี้ใช้ระบบการไขลานและตั้งเวลาจากเม็ดมะยม ที่บริษัทของเขาคิดค้นขึ้นมา
8
หลังจากนั้น คุณปาเต็ก ยังได้นำนวัตกรรมนี้ ไปแสดงในงาน Great Exhibition ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
2
ด้วยนวัตกรรมใหม่ บวกกับความสวยงามของนาฬิกา ทำให้ชื่อเสียงของนาฬิกาจากบริษัทของเขา
เป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าที่มีฐานะค่อนข้างดี และกลุ่มชนชั้นสูง
3
ในปีเดียวกันนั้น บริษัทก็ได้ทำการเปลี่ยนชื่อมาเป็น Patek, Philippe & Cie – Fabricants à Genève
2
เมื่อเริ่มประสบความสำเร็จจากประเทศในโซนยุโรปแล้ว
คุณปาเต็ก จึงเริ่มมองหาตลาดใหม่ ๆ ถัดไปอีกฟากหนึ่งของมหาสมุทรแอตแลนติก
นั่นก็คือ ประเทศเกิดใหม่อย่าง “สหรัฐอเมริกา”
4
ซึ่งในตอนนั้นกำลังเติบโตจากการที่อยู่ในยุคตื่นทอง หลังจากค้นพบแหล่งทองคำในรัฐแคลิฟอร์เนีย ในปี ค.ศ. 1848
2
คุณปาเต็ก ไม่รอช้าที่จะนำแบรนด์นาฬิกาหรูเข้าบุกตลาดสหรัฐอเมริกา แต่แน่นอนว่า แบรนด์ที่ไม่มีคนรู้จักมาก่อน จะเข้าไปบุกตลาดตรง ๆ นั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย
3
แต่ก็ต้องบอกว่าโชคนั้นยังพอเข้าข้างคุณปาเต็กอยู่บ้าง เพราะเมื่อเขาเดินทางไปถึงนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา
เขาได้มีโอกาสพบกับคุณ Charles Tiffany ซึ่งก็คือผู้ก่อตั้งบริษัทแบรนด์เครื่องประดับหรูที่ชื่อว่า Tiffany & Co.
6
ด้วยความที่ทั้งสองบริษัทมีความคล้ายคลึงกันในหลากหลายด้าน
ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ภาพลักษณ์ของแบรนด์ ซึ่งเป็นแบรนด์หรูเหมือนกัน
ทำให้มีลูกค้าในระดับชนชั้นสูงคล้ายกัน
1
ส่งผลให้ทั้งคู่ตัดสินใจร่วมจับมือกันนับตั้งแต่นั้นมา
ซึ่งจุดนี้เอง ที่นอกจากจะเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ ระหว่าง Patek Philippe และ Tiffany & Co.
ยังเป็นจุดที่ทำให้แบรนด์ Patek Philippe เริ่มกลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในฐานะนาฬิกาแบรนด์หรู
5
แต่ไม่นานหลังจากนั้น ผลจากการที่คุณปาเต็ก เดินทางไปมาหลากหลายประเทศ
เพื่อทำการตลาดให้กับแบรนด์ Patek Philippe ก็ได้ส่งผลต่อสุขภาพของเขา
ทำให้ในปี ค.ศ. 1877 คุณปาเต็ก ในวัยเพียง 65 ปี ก็ได้เสียชีวิตลง
4
ซึ่งก็เป็นเรื่องน่าเสียดายที่คุณ Patek, Léon Mecyslas Vincent de ลูกชายเพียงคนเดียวของคุณปาเต็ก ปฏิเสธที่จะเข้ามารับช่วงกิจการต่อจากพ่อของเขา ทำให้หุ้นส่วนตกไปอยู่ในมือของตระกูล Philippe แทน
5
ซึ่งในเวลานั้นก็คือคุณ Joseph Antoine Bénassy-Philippe ลูกเขยของคุณฟีลิป
ที่ขึ้นมารับช่วงต่อจากคุณปาเต็ก
2
ต่อมาในปี ค.ศ. 1901 บริษัทแห่งนี้ก็ได้ทำการเปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น
Ancienne Manufacture d’horlogerie Patek, Philippe & Cie SA หรือ “Patek Philippe SA”
4
และในปีเดียวกัน บริษัทก็ได้ทำการปรับโครงสร้างบริษัทครั้งใหญ่
จากบริษัทที่มีการบริหารกันภายในครอบครัว กลายเป็นบริษัทร่วมทุน หรือบริษัทที่เปิดให้บุคคลภายนอก สามารถเข้ามาซื้อหุ้นของบริษัทได้
2
ซึ่งก็ส่งผลให้ เริ่มมีบุคคลและบริษัทอื่นเข้ามาร่วมถือหุ้นด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทก็ยังคงดำเนินการภายใต้การบริหารของคนในตระกูล Philippe
อย่างคุณ Joseph Antoine Bénassy-Philippe และ คุณ Joseph Emile Philippe
ที่ได้เข้ามารับช่วงต่อหลังจากที่คุณฟีลิป เสียชีวิตไปในปี ค.ศ. 1893
3
แต่หลังจากนั้นไม่นาน ในช่วงปี ค.ศ. 1930 ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศสหรัฐอเมริกากำลังเผชิญหน้ากับ
วิกฤติ The Great Depression ซึ่งก็ได้ส่งผลต่อเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาเป็นวงกว้าง
แน่นอนว่ารวมถึงบริษัท Patek Philippe ด้วยเช่นกัน
2
จากเหตุการณ์ในครั้งนั้น ส่งผลให้สถานะทางการเงินของบริษัทย่ำแย่ จนบริษัทถึงขั้นเกือบล้มละลาย
ทำให้ในตอนนั้น บริษัทต้องหาเงินทุนจากนักลงทุนเพื่อทำให้บริษัทอยู่รอด
3
แต่เนื่องจากคุณ Joseph Emile Philippe ไม่ต้องการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และเพื่อป้องกันไม่ให้บริษัทตกไปอยู่ในมือของบริษัทคู่แข่ง
ด้วย 2 เงื่อนไขนี้ ผู้สืบทอดรายต่อไปจึงตกไปอยู่ที่ “ตระกูล Stern”
ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทที่ส่งวัตถุดิบหลักให้กับ Patek Philippe มาอย่างยาวนาน
ทำให้ Patek Philippe ดำเนินธุรกิจอยู่ภายใต้ตระกูล Stern นับตั้งแต่นั้นมา
4
ตัดภาพมาที่ปัจจุบัน Patek Philippe เป็นหนึ่งในแบรนด์นาฬิกาหรู
ที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดจากนาฬิกาสวิสในปีที่ผ่านมา อยู่ที่ 4.8%
แม้ส่วนแบ่งทางการตลาดอาจเทียบไม่ได้กับ Rolex ซึ่งครองส่วนแบ่งเป็นอันดับหนึ่ง อยู่ที่ 28.8%
2
ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งอาจมาจากการที่ จำนวนของนาฬิกา Patek Philippe
ที่มีไม่พอต่อความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นทุกปี
4
อย่างที่รู้กันว่า Patek Philippe มีความละเอียด และความประณีตในการผลิตนาฬิกาแต่ละเรือน
ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า ในแต่ละปี Patek Philippe จะมีปริมาณการผลิตนาฬิกาออกสู่ตลาด เพียงประมาณ 40,000 เรือนต่อปีเท่านั้น
1
และด้วยปริมาณที่จำกัด สวนทางกับความต้องการที่มีมากขึ้น
ก็ส่งผลให้นาฬิกาแบรนด์ Patek Philippe กลายมาเป็นสิ่งที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นทุก ๆ ปี
จนมีประโยคที่ว่า
“You never actually own a Patek Philippe. You merely take care of it for the next generation.”
หรือที่แปลว่า
“คุณไม่ได้เป็นเจ้าของนาฬิกา Patek Philippe จริง ๆ คุณแค่เพียงเก็บรักษามันไว้เพื่อคนในรุ่นถัดไป”
5
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
ในเดือนธันวาคม ปี 2021 Patek Philippe ได้เปิดตัวนาฬิกา Patek Philippe’s Tiffany Blue Nautilus
รุ่นลิมิเต็ดที่ผลิตขึ้นเพียง 170 เรือนบนโลก เพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 170 ปี
ที่ทั้ง Patek Philippe และ Tiffany & Co. ร่วมจับมือกัน นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1851
9
โดยล่าสุด นาฬิการุ่นนี้ ถูกประมูลจบที่ราคา 218 ล้านบาท
หากเทียบกับราคาเปิดตัวเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2021
คิดเป็นมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 120 เท่า ภายในระยะเวลาเพียง 4 เดือน..
9
โฆษณา