13 เม.ย. 2022 เวลา 04:00 • ประวัติศาสตร์
เหตุการณ์ไฟไหม้ภายในไนท์คลับ 'Cocoanut Grove' ที่คร่าชีวิตคนไปกว่า 500 คน นับเป็นเหตุการณ์ไฟไหม้ภายในไนท์คลับที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา
เหตุการณ์จะเป็นอย่างไร ลุงเบ็นจะเล่าให้ฟังครับ
‘Cocoanut Grove’ เป็นไนท์คลับชื่อดังซึ่งตั้งอยู่ในย่าน Bay Village ของบอสตัน เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในเมือง ตกแต่งด้วยบรรยากาศสไตล์ทะเลใต้ มีการต้อนรับลูกค้าอย่างดีทั้งอาหารและความบันเทิง อีกทั้งยังมีศิลปินเพลงและดาราภาพยนตร์มาทำการแสดงบ้างเป็นครั้งคราว
ในคืนวันเสาร์ที่ 28 เดือนพฤศจิกายน ปี 1942 ลูกค้ากว่า 1,000 คน มารวมตัวกันที่ห้องอาหารหลักและเลานจ์ค็อกเทลที่ Cocoanut Grove
ทันใดนั้น เมื่อเวลาประมาณ 22:15 น. เกิดเพลิงไหม้เล็ก ๆ ขึ้นที่ Melody lounge ซึ่งตั้งอยู่ในชั้นใต้ดินของคลับ ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่าไฟได้เริ่มลุกไหม้ต้นปาล์มที่ถูกวางตกแต่งไว้ภายในเลาน์จและหลังจากนั้นไฟก็ได้ลุกท่วมขึ้นไปยังเพดานและลามไปยังชั้นอื่น ๆ อย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้คนต่างวิ่งกระจัดกระจายเพื่อหาที่ปลอดภัย
ชั้นใต้ดินของคลับหรือที่เรียกว่า Melody Lounge ซึ่งเป็นจุดที่ไฟเริ่มลุกไหม้เป็นที่แรก
ซึ่งต่อมาได้ทราบสาเหตุ (ที่ยังไม่แน่ชัด) ว่า บาร์เทนเดอร์คนหนึ่งได้สั่งให้คนงานภายในคลับขึ้นไปเปลี่ยนหลอดไฟที่ประดับอยู่บนต้นปาล์ม แต่หลังจากนั้นก็มีลูกค้าคนหนึ่งไปหมุนหลอดไฟให้ดับลงเพื่อที่เขาจะได้จูบกับคู่เดทในความมืด (?!!)
สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นไม่มีใครรู้แน่ชัด เพราะคำให้การของพยานแตกต่างกันออกไป บ้างก็บอกว่าหลังจากหลอดไฟดับลง คนงานก็ขึ้นไปหมุนหลอดไฟให้กลับมาติดอีกครั้งแต่ด้วยความมืดทำให้มองไม่เห็น เขาเลยจุดไม้ขีดเพื่อให้แสงสว่าง
รู้ตัวอีกทีไฟก็ลุกไหม้ต้นปาล์มไปเสียแล้ว
หลังจากนั้นเพียง 8 นาที ไฟก็เริ่มลุกลามไปยังชั้นบน เข้าไปในห้องโถงและห้องอาหารหลัก ผู้คนต่างตะโกนว่า “ไฟไหม้!” ขณะเดียวกันก็มีควันไฟปกคลุมไปทั่วอาคารพร้อมกับไฟฟ้าที่ดับลง ทำให้ผู้คนเกิดความตื่นตระหนกและวิ่งหนีตายกันอย่างอลหม่าน
ไฟที่กำลังลุกไหม้และควันที่โพยพุ่งจาก Cocoanut Grove
ทหารนายหนึ่งที่รอดชีวิตออกมาได้ชื่อว่า จอห์น คิป เอ็ดเวิร์ด จูเนียร์ ได้เล่าถึงเหตุการณ์ตอนนั้นว่า “ทันทีที่ไฟฟ้าดับลง ผู้คนก็แตกตื่นอย่างกับสติหลุดออกจากร่าง”
หลาย ๆ คนพยายามวิ่งหลบหนีไปยังประตูทางเข้าหลัก แต่ประตูทางเข้าของคลับเป็นประตูแบบหมุน (Revolving door) ซึ่งเข้าออกได้ทีละหนึ่งคน ทำให้ผู้คนนับร้อยที่กำลังตื่นตระหนกและขาดสติต่างถีบประตูเพื่อหวังจะออกไปได้ แต่ก็ไม่สำเร็จ ภายหลังพบว่ามีศพของผู้เสียชีวิตมากมายกองอยู่หลังประตูนี้ เนื่องจากขาดอากาศหายใจ
ประตูหลักของ Cocoanut Grove ที่ถูกไฟไหม้และขังผู้คนไว้หลังประตูกว่าร้อยชีวิต
ส่วนทางออกที่ 2 ก็พบปัญหาเดียวกันคือเป็นประตูที่ต้องดึงเพื่อเปิดเท่านั้น แต่ด้วยความตื่นตระหนก หลายคนจึงพยายามผลักประตูออกไปแต่ประตูเปิดไม่ออก ทำให้คนนับร้อยต้องมาเบียดเสียดกันและขาดอากาศหายใจในที่สุด
หลังจากเกิดเหตุไฟไหม้ขึ้นที่ Cocoanut Grove หน่วยดับเพลิงบอสตันได้รับแจ้งว่ามีเหตุไฟไหม้และมุ่งตรงไปยังที่เกิดเหตุทันที ตามรายงานแจ้งว่าภายในระยะเวลา 45 นาที สำนักงานใหญ่แจ้งเตือนไฟไหม้ของบอสตันได้รับสัญญาณเตือนถึง 5 ครั้ง ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องโทรเรียกรถพยาบาลแทบจะทั้งหมดในเมืองมุ่งตรงไปยัง Cocoanut Grove
ประชาชนและทีมแพทย์ที่กำลังช่วยเหลือคนเจ็บและคนเสียชีวิตที่นอนอยู่ภายนอกของคลับ
แม้กระทั่งอู่ต่อเรือในบอสตัน ทหารนาวิกโยธิน และทีมแพทย์สนามต่างถูกขอให้มาช่วยเหลือผู้รอดชีวิตในเหตุการณ์นี้
ต้องบอกเลยว่าเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งนี้มีโอกาสรอดริบหรี่มาก เนื่องจากไฟที่ลุกไหม้อย่างรวดเร็ว และเกิดไฟฟ้าดับ รวมถึงการออกแบบอาคารที่ไม่เหมาะสม (เจ้าของคลับใช้วัสดุราคาถูกโดยเฉพาะการเดินสายไฟและขาดการซ่อมแซมอยู่บ่อยครั้ง)
ในท้ายที่สุดพบว่ามีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 492 ราย และบาดเจ็บอีกหลายร้อย สาเหตุการเสียชีวิตส่วนใหญ่คือขาดอากาศหายใจและได้รับแผลไฟไหม้อย่างรุนแรง และยังมีสาเหตุอื่น ๆ อีก เช่น โดนเหยียบขณะชุลมุนและโดนอาคารที่พังถล่มทับร่างจนเสียชีวิต
หนึ่งในเหยื่อที่โดนไฟไหม้และกำลังถูกหามไปยังที่ปลอดภัย
ทำให้เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเหตุการณ์ไฟไหม้ภายในอาคารที่รุนแรงที่สุดเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์อเมริกา ซึ่งรองมาจากอันดับหนึ่งอย่างเหตุการณ์ที่โรงละคร Iroquois ในชิคาโกที่คร่าชีวิตคนไปกว่า 602 คน
เนื่องมาจากความประมาทเลินเล่อของ Barnett Welansky ซึ่งเป็นเจ้าของไนท์คลับแห่งนี้ เขาถูกตัดสินโทษจำคุก 12-15 ปีในข้อหาฆ่าคนตายไปทั้งหมด 19 กระทง แต่หลังจากติดคุกได้ 3 ปี เขาก็ถูกปล่อยออกมาเนื่องจากป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย
สิ่งที่เรียนรู้จากเหตุการณ์นี้คือ อาคารของ Cocoanut Grove เพิ่งถูกจัดอันดับการป้องกันอัคคีภัย โดยได้ในระดับที่ “ดี” เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อนเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น ส่งผลให้รัฐต่าง ๆ ต้องออกกฎหมายใหม่เกี่ยวกับการป้องกันอัคคีภัยทันที
อย่างรัฐแมสซาชูเซตส์ ที่กำหนดให้อาคารต่าง ๆ ต้องระบุทางออกให้ชัดเจนและต้องเป็นประตูที่เปิดจากด้านในของอาคารได้ และห้ามใช้ประตูหมุนอย่าง Revolving door เป็นประตูหลักหากไม่มีประตูปกติที่อยู่ใกล้เคียง รวมถึงของตกแต่งต่าง ๆ ที่สามารถติดไฟได้ง่ายก็ถูกห้ามเช่นกัน
จบกันไปแล้วกับ "เหตุไฟไหม้ภายในไนท์คลับที่คร่าชีวิตคนมากที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา"
หากชอบและอยากติดตามเรื่องราวใหม่ ๆ อย่าลืมกดติดตามเพื่อเป็นกำลังใจให้ลุงเบ็นด้วยนะครับ
References :
1
โฆษณา