มาถึงตรงนี้อเมริกาก็ต้องนั่งไม่ติดแล้ว เพราะโซเวียตทำท่าจะนำหน้าไปแบบไม่รอแล้วนะ ผลักดันให้มีการก่อตั้งองค์กรนาซ่า (NASA: the National Aeronautic and Space Administration) เป็นครั้งแรกในปี 1958 จากเดิมที่มีแต่หน่วยงานที่ทำหน้าที่คิดค้นวิจัยเกี่ยวกับการบินของอเมริกาชื่อว่า NACA: the National Advisory Committee for Aeronautics)
ผู้หญิง 3 คนคือ Katherine Johnson (ในเรื่องยังใช้นามสกุลสามีคนแรกคือ Katherine Goble) Dorothy Vaughan และ Mary W Jackson เป็นนักคณิตศาสตร์ที่ทำงานในหน่วยงานที่ชื่อว่า West Area Computing Section ของ NASA หน่วยงานนี้จะมีเฉพาะนักคณิตศาสตร์ผู้หญิงผิวดำ ซึ่งเป็นความพยายามของรัฐบาลกลางในการลดการกีดกันและแบ่งแยกสีผิว (แต่ก็ยังแยกส่วนเป็น all-black unit อยู่ดี)
Katherine เป็นอัจฉริยะทางด้านคณิตศาสตร์มาตั้งแต่เด็ก เธอจบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยเมื่ออายุแค่ 18 ปี และเป็นผู้หญิงเพียงหนึ่งเดียวในสามของนักศึกษาอาฟริกันอเมริกันที่ถูกคัดเลือกให้เข้าเรียนใน West Virginia Graduate School ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยสำหรับคนผิวขาวเท่านั้น (สมัยนั้นคนผิวดำต้องเรียนในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยที่รับแต่คนผิวดำ) ช่วงแรกที่มาทำงานที่ NACA (ก่อนจะเป็น NASA) เธอก็ได้รับมอบหมายให้ทำงานคำนวนเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลการบิน ต่อมาได้รับเลือกให้เข้าไปทำงานกับทีม Space Task Force เพื่อดำเนินภารกิจส่งมนุษย์ไปดวงจันทร์
Katherine ทำงานท่ามกลางบรรยากาศที่ชายผิวขาวเป็นใหญ่ ดังนั้นการที่เธอสามารถพิสูจน์ตัวเองจนเป็นที่ยอมรับในฐานะนักคณิตศาสตร์ที่เท่าเทียมกับผู้ชายทั้งที่เธอเป็นนิโกรจึงเป็นเรื่องน่าทึ่งมาก ความสามารถด้านการคำนวนพิกัดการร่อนลงของยานอวกาศบนโลกอย่างแม่นยำทำให้ John Glenn นักบินอวกาศของมิชชั่นนั้นต้องขอให้เธอเป็นคนตรวจสอบความถูกต้องของการคำนวนสมการที่เครื่อง IBM (ซึ่งนำมาใช้งานคำนวนแทนมนุษย์เป็นครั้งแรก) ได้แสดงผลออกมา “If she says they are good, then I’m ready to go” -->มีฉากนี้ในภาพยนตร์ด้วย
Katherine ทำงานกับ NASA ยาวนานถึง 33 ปี แต่กว่าที่ผลงานของเธอจะเป็นที่ยอมรับต่อสาธารณะว่าเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จของ Apollo 11 ที่สามารถนำมนุษย์ไปเหยียบดวงจันทร์เป็นครั้งแรกได้ ก็จนกระทั่งปี 2015 ตอนที่อายุได้ 97 ปีที่เธอได้รับรางวัล Presidential Medal of Freedom จากประธานาธิบดีบารัค โอบามา
ในปี 2017 NASA ได้เปลี่ยนชื่อตึกที่มีหน่วยงานที่เธอเคยทำงานอยู่เป็น Katherian G. Johnson Computational Research Facility เพื่อเป็นการให้เกียรติแก่เธอ ก่อนที่เธอจะเสียชีวิตในอีก 2 ปีต่อมาเมื่ออายุ 101 ปี
“Katherine G. Johnson refused to be limited by society’s expectations of her gender and race while expanding the boundaries of humanity’s reach.”
คนสุดท้ายคือ Mary W Jackson ที่สำเร็จการศึกษาในสาขาคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ นอกเหนือจากการทำงานใน West Area Computing Section แล้ว Mary ได้มีโอกาสทำงานในตำแหน่ง computer (คือคนที่ทำหน้าที่ช่วยคำนวน) เพื่อช่วย Kazimierz Czarnecki ที่เป็นวิศวกรที่ออกแบบอุโมงค์ที่จะใช้ทดสอบความคงทนต่อแรงอัดที่เหนือกว่าเสียง (Supersonic Pressure Tunnel) ในการขึ้นลงของยานอวกาศจะมีช่วงที่ต้องเคลื่อนที่ด้วยความเร็วกว่า 2 เท่าของความเร็วเสียง ดังนั้นยานจะต้องทนต่อแรงอัดที่เกิดขึ้นที่ความเร็วขนาดนั้นให้ได้
Czarnecki เห็นความสามารถของ Mary จึงแนะนำให้สมัครเข้าเรียนเพิ่มเติมเพื่อจะได้ทำงานในฐานะวิศวกรได้ แต่หลักสูตรที่จะเรียนนั้นกลับมีสอนเฉพาะในโรงเรียนที่รับแต่คนผิวขาว ทำให้ Mary ต้องต่อสู้เพื่อให้ได้ใบอนุญาตพิเศษจาก the City of Hampton เพื่อที่จะได้เข้าเรียนในชั้นเรียนที่มีแต่ผู้ชายผิวขาว ในที่สุด Mary ก็เรียนจนสำเร็จและได้รับการแต่งตั้งให้ทำงานในฐานะวิศวกรหญิงผิวดำคนแรกของ NASA
หนังเรื่อง Hidden Figures ทำให้เราได้รับรู้ว่าท่ามกลางความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของการสำรวจอวกาศของสหรัฐอเมริกา กลุ่มนักคณิตศาสตร์หญิงผิวดำที่ทำงานคำนวน (computers) ที่ West Area Computing Section เป็นส่วนหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จนั้นด้วย และผู้หญิงเหล่านี้ต้องทำงานท่ามกลางอคติและข้อจำกัด หนังอาจจะไม่ได้เจาะลึกประเด็นเรื่องการเหยียดผิว ความไม่เท่าเทียมทางเพศมากนัก แต่ก็ทำให้คนดูตระหนักว่าในยุคสมัยหนึ่งเรื่องเหล่านี้คือเรื่องปกติที่ยอมรับได้สำหรับคนบางกลุ่ม แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะเจือจางลงมากในยุคปัจจุบัน แต่ก็ไม่ได้หายไปซะทีเดียว เราก็คงต้องต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมกันต่อไป
เนื่องจากหนังสร้างแบบ based on true story จึงมีบางเรื่องบางเหตุการณ์ที่อาจจะไม่ตรงกับความจริง 100% แต่เขียนขึ้นมาเพื่อสื่อบางประเด็น เช่น
- ตัวละครที่แสดงโดย Kevin Costner ไม่มีจริง
- เหตุการณ์ในหนังเกิดขึ้นในปี 1961-1962 ซึ่ง NASA ได้ยกเลิกไม่มีการแยกห้องน้ำ ห้องกินข้าวของคนขาวกับคนดำไปตั้งแต่ปี 1958 แล้ว ดังนั้นการที่ Katherine ต้องเดินไปเข้าห้องน้ำสำหรับคนดำ และฉากที่ Kevin Costner เอาฆ้อนไปทุบป้ายห้องน้ำจึงเป็นฉากสมมติล้วน ๆ (แต่ยังมีหน่วยงานที่เป็น all-black แบบ West Area Computing Section อยู่)
- Katherine Johnson ไม่เคยถูกเชิญให้เข้าไปในห้องควบคุมการปล่อยยานแบบในหนัง