15 เม.ย. 2022 เวลา 02:57 • ข่าวรอบโลก
คำเตือนร้ายแรงต่อมนุษยชาติจาก ยูวัล โนอาห์ แฮร์รารี ผู้เขียนหนังสือ Sapiens
หากการบุกยูเครนของรัสเซียทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น จนมีการใช้ขีปนาวุธนิวเคลียร์ขึ้นมา โลกเราจะเป็นอย่างไร ?
สภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่อยู่แล้ว ข้าวก็ยากหมากก็แพง แต่รัฐของทุกประเทศต้องแบ่งเงินเข้ากลาโหมเพื่อซื้ออุปกรณ์ป้องกันอธิปไตยเพิ่มขึ้น แล้วสวัสดิภาพของประชากรโลกจะเป็นอย่างไร ?
2
นี่เป็นคำถามที่ยังหาคำตอบไม่ได้ เพราะเราไม่อาจรู้ได้เลยว่าสงครามยูเครนที่กำลังปะทุอยู่ในตอนนี้จะมีจุดจบอย่างไร ?
4
ยูวัล โนอาห์ แฮรารี เจ้าของหนังสือ Sapiens คือผู้ออกมากล่าวว่า “เราอาจอยู่ในช่วงเวลาที่โหดร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์โลก นับตั้งแต่วิกฤตขีปนาวุธคิวบา”
2
ยูวัลยังบอกอีกว่า มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นมากที่รัสเซียอาจหันไปใช้อาวุธนิวเคลียร์ หรือการสู้รบแบบอื่นๆ อาจจะด้วยสงครามเคมีหรือชีวภาพ เพื่อชัยชนะในสงคราม ซึ่งมันถือเป็นภัยคุกคามร้ายแรงของมนุษยชาติ
4
ถ้าย้อนกลับไปในปี 1962 ช่วงเวลานั้นเกิดความขัดแย้งโดยตรงระหว่างสหรัฐกับสหภาพโซเวียต ซึ่งมีคิวบาร่วมด้วย
3
ความตึงเครียดของการสู้รบเกือบนำไปสู่สงครามนิวเคลียร์ ชาวรัสเซียเรียกเหตุการณ์ครั้งนั้นว่า “วิกฤตการณ์แคริบเบียน” ส่วนชาวคิวบาเรียกมันว่า “วิกฤตเดือนตุลาคม”
2
การเผชิญหน้าเริ่มขึ้นในวันที่ 14 ตุลาคม 1962 เมื่อภาพถ่ายจากเครื่องบิน U-2 ของกองทัพสหรัฐที่ถูกยิงตกในคิวบา เผยให้เห็นว่าฐานปล่อยขีปนาวุธกำลังถูกสร้างขึ้นในคิวบา เพื่อตอบโต้การสร้างขีปนาวุธของสหรัฐ ในบริเวณพรมแดนตุรกีชายแดนสหภาพโซเวียต
3
หลังจากมีการต่อสู้ทางอากาศ ภาคพื้น และน่านน้ำก็ตึงเครียดมากขึ้น จอห์น เอฟ. เคนเนดี้ ประธานาธิบดีสหรัฐในเวลานั้น สั่งกองทัพเรือของตนเข้าปิดล้อมน่านนำ้คิวบาในวันที่ 23 ตุลาคม 1962 ห้ามเรือบรรทุกสินค้าทุกลำผ่านเข้าน่านนำ้ทะเลแคริบเบียน
1
วาทะทางการทูตมีการโต้ตอบกันอย่างดุเดือด จนกระทั่งวันที่ 28 ตุลาคม 1962 จอห์น เอฟ. เคนเนดี และนิกิตา กุซชอฟ นายกรัฐมนตรีสหภาพโซเวียต ตกลงยินยอมถอนอาวุธนิวเคลียร์ของตนออกจากตุรกีและคิวบาตามลำดับ
ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวเป็นการร้องขอจากเลขาธิการสหประชาชาติ สงครามนิวเคลียร์จึงไม่เกิดขึ้น
1
กลับมาที่เหตุการณ์สู้รบในยูเครนปัจจุบัน แม้สงครามนิวเคลียร์ยุคใหม่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ แต่ยูวัลกลับมองว่า “มันมีความเป็นไปได้” และมันเป็นข่าวร้ายสำหรับมนุษยชาติทั้งหมด
1
ซึ่งยูวัลกำลังเตือนว่า พันธมิตรตะวันตกไม่ควรกดดันการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองในรัสเซีย แต่ควรเพิ่มขีดความสามารถของยูเครนในการเอาชนะกองกำลังรัสเซียบนภาคพื้นให้เร็วที่สุด
3
และยูวัลยังกล่าวเสริมอีกว่า “เป้นหมายของการทำสงครามควรเป็นการปกป้องเสรีภาพของยูเครน ไม่ใช่เพื่อเปลี่ยนแปลงมอสโก การเปลี่ยนเปลี่ยนแปลงมอสโกให้ขึ้นอยู่กับชาวรัสเซีย”
1
สำหรับยูวัล เขาพยายามมองถึงผลลัพธ์สุดท้ายของสงคราม ซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนอันเด็ดขาดในวิธีที่รัฐบาลใช้จัดการภัยคุกคามในอนาคต แบ่งได้เป็น 2 กรณีคือ
1.หากประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียชนะสงคราม จะเป็นแรงกดดันต่อประเทศอื่นๆ เพิ่มการใช้จ่ายทางทหารของตนจนเสียหายต่อบริการสาธารณะอื่นๆ
2
เราเห็นตัวอย่างชัดเจนได้จากช่วงที่ผ่านมา เพียงไม่กี่วันหลังจากกองทัพรัสเซียบุกยูเครน เยอรมนีประกาศว่าจะเพิ่มการใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศอย่างมีนัยสำคัญมากกว่า 2% ของผลผลิตทางเศรษฐกิจ
เมื่อมองในภาพรวมระดับโลก หากงบประมาณทางการทหารทั่วโลกอยู่ที่ 20% แทนที่จะเป็น 6% นั่นจะทำให้ค่ารักษาพยาบาล สวัสดิการของประชาชนลดน้อยถอยลง
4
และที่สำคัญ คืองบประมาณในการต่อสู้กับอันตรายจากธรรมชาติ เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศลดน้อยถอยลงเช่นกัน
นี่คือหายนะสำหรับมนุษยชาติ การแก้ปัญหาอย่างสันติไม่ใช่แค่เพื่อผลประโยชน์ของยูเครนและประเทศใกล้เคียง แต่ยังรวมถึงสังคมในวงกว้างอีกด้วย
1
การปกป้องสันติภาพและโลกที่เราคุ้นเคย เราอาจเคยชินกับมันมากเกินไป แต่ถ้าเราไม่ระวังเราจะถอยกลับเข้าสู่ป่าแห่งสงครามและความรุนแรง ซึ่งค่าใช้จ่ายของแต่ละประเทศจะถูกบังคับไปกับรถถังและขีปนาวุธ แทนที่จะเป็นระบบพยาบาล สวัสดิการ และการศึกษา
2
2.หากปูตินแพ้ หรือถูกมองว่าแพ้ นั่นจะเป็นการป้องกันคำสั่งก่อนหน้า เมื่อโลกเกิดบรรทัดฐาน ถ้ามีผู้ฝ่าฝืนบรรทัดฐานแล้วถูกลงโทษ สิ่งนี่จะทำให้บรรทัดฐานโลกแข็งแกร่งขึ้น ระเบียบโลกก็จะแข็งแกร่งขึ้นตาม
โฆษณา