การต่อสู้กันระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ แอตเลติโก้ มาดริด เต็มไปด้วยความรุนแรงแบบเดือดๆ ในสนาม ตอนนี้เหตุการณ์จบลงแล้ว เราจะย้อนไปดูอีกครั้ง ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย แมนฯ ซิตี้ จับสลากมาพบแอตเลติโก้ มาดริด ซึ่งถ้าเทียบฟอร์มในซีซั่นนี้ แมนฯ ซิตี้ดูดีกว่า เพราะนำเป็นจ่าฝูงของพรีเมียร์ลีก ส่วนแอตเลติโก้ อยู่อันดับ 3 ของลาลีกา ยังมีเสียวว่าอาจจะไม่ติดท็อปโฟร์ แต่ถึงกระนั้นทุกคนรู้ดีว่าแอตเลติโก้เป็นทีมที่เก่งแค่ไหน ถ้าแมนฯ ซิตี้พลาดนิดเดียวพวกเขาไม่รอดแน่ๆ
มีคำกล่าวว่า ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เกมนัดแรกจะเป็นตัวกำหนดทิศทางในเกมที่สอง ถ้าหากคุณแพ้เละตั้งแต่นัดแรก นัดสองก็ไม่ต้องลุ้น ดังนั้นในเลกแรกของรอบ 8 ทีมสุดท้าย ที่เอติฮัด สเตเดี้ยม ฝั่งแอตเลติโก้ มาดริด จึงเล่นอุดเต็มรูปแบบ ด้วยระบบ 5-3-2 พวกเขาเล่นบอลอุด 100% แบบไม่อายใครทั้งนั้น
ตลอด 90 นาที แอตเลติโก้ มาดริด ยิงทั้งเกม 0 ครั้ง แมนฯ ซิตี้จะบุกอย่างไรก็ช่าง พวกเขาตั้งรับอย่างเดียว และปล่อยให้แมนฯ ซิตี้ ครองบอลถึง 71%
นอกจากนั้นยังเล่นแรงตลอด มีจังหวะแถม จังหวะยั่วยุ หลายคนน่าจะจำกันได้ ช็อตที่แจ๊ค กรีลิชล้มลงไปแล้ว อังเคล กอร์เรอา เตะบอลอัดหน้ากรีลิชเต็มเหนี่ยว ซึ่งกรีลิชลุกมาขึ้นมาเตรียมจะใส่คืน แต่เป๊ป กวาร์ดิโอล่าที่ยืนอยู่ตรงนั้น แยกเอาไว้ได้ทัน
จริงๆ ดีเอโก้ ซิมิโอเน่ รู้ดีว่ากำลังจะทำอะไรอยู่ เขาจงใจอุด จงใจยั่วยุฝั่งซิตี้ ดึงเวลาไปเรื่อยๆ เพราะถ้าเกมแรกยันเสมอ 0-0 ได้ เกมที่สอง พอกลับไปเล่นที่บ้านก็ค่อยเฉือนชนะ 1-0 หรือยื้อไปชนะจุดโทษ แบบนี้ก็เข้ารอบแล้ว
แต่ในเลกแรก จุดเปลี่ยนสำคัญของซิตี้ คือการส่งฟิล โฟเด้น ลงมาเป็นสำรอง เพราะลงมา 2 นาที ก็จ่ายคิลเลอร์พาสให้เควิน เดอ บรอยน์ ยิงเข้าไป แมนฯ ซิตี้จึงขึ้นนำ 1-0 นาทีที่ 70 และสุดท้ายเกมจบลงด้วยสกอร์นี้
ถามว่าผิดไหม ที่แอตเลติโก้เล่นแบบนี้ มันก็ไม่ผิด มันก็คือแท็กติกแบบหนึ่ง แต่มันก็โดนวิจารณ์เยอะ เพราะแอตเลติโก้ เป็นทีมแชมป์ลาลีกา การเล่นอุดเต็มตัว แบบมีโอกาสยิง 0 ครั้ง มันก็แปลกๆ อยู่เหมือนกัน
หลังจบเกมเลกแรก กวาร์ดิโอล่า ออกมาใหัสัมภาษณ์จงใจแซะซิมิโอเน่ โดยกล่าวว่า "พวกเขาเล่นด้วยแผน 5-5-0 วางไลน์ 5 ตัวสองแถว คือในยุคก่อนประวัติศาสตร์ ในวันนี้ หรือจะอีก 1 แสนปีข้างหน้า การที่คุณบุกใส่ทีมที่เล่น 5-5 มันก็ยากมากอยู่แล้ว เพราะมันไม่มีพื้นที่ จริงๆ พวกเขาก็เล่นเกมรับได้ดี เพราะไม่มีพื้นที่ให้เราเจาะได้เลย"
ซิมิโอเน่ ได้ยินดังนั้นก็สวนกลับเป๊ปทันทีว่าไร้มารยาท โดยตอบโต้ไปว่า "พ่อของผมเคยบอกไว้ ว่าเราทุกคนล้วนมีความเห็นของตัวเอง แต่กับคนที่ทำงานอาชีพเดียวกันนั้น จงเคารพในตัวคนอื่นอยู่เสมอ"
เกมแรกจบลงด้วยสกอร์ 1-0 แต่ทุกคนรู้ว่า เกมยังไม่จบแค่นี้ เอาจริงๆ การแพ้แค่ลูกเดียว ถือว่าตอบโจทย์ที่แอตเลติโก้ มาดริด ต้องการ เพราะพวกเขาจะได้เล่นเลกสองในบ้าน แค่ลูกเดียว มีโอกาสยิงได้อยู่แล้ว
หลังจากจบเลกแรก แมนฯ ซิตี้ ต้องทำศึกหนักกับลิเวอร์พูลในพรีเมียร์ลีก เกมจบลงด้วยสกอร์ 2-2 แบบนักเตะต้องรีดพลังจนหมด ส่วนแอตเลติโก้ มาดริด เจอกับ เรอัล มาร์ยอก้า และจงใจดร็อปสองตัวรุก ชูเอา เฟลิกซ์ และ โตมาส์ เลมาร์ เพื่อให้สดที่สุดก่อนเจอแมนฯ ซิตี้ กลางสัปดาห์
ผู้คนจับตามองว่าแมนฯ ซิตี้ จะเล่นอย่างไร ก่อนเกมเป๊ป ให้สัมภาษณ์ว่า "นัดนี้จะไม่เหมือนสัปดาห์ที่แล้วแน่นอน"
ตอนแรกทุกคนเข้าใจว่า เป๊ปจะสื่อถึงแอตเลติโก้ว่าคงเล่นเกมบุกมากขึ้น แต่แท้จริงแล้วความหมายของเป๊ปคือ ที่จะไม่เหมือนเดิม คือคราวนี้เราจะมาเล่นเกมอุดบ้าง
ถ้าเลกแรก พวกแกเล่นได้ เลกสองพวกข้าก็เล่นได้เหมือนกันวะ
เลกสองที่สนามว่านต๋า แมนฯ ซิตี้ เลือกเล่นด้วยการเคาะกันไปเรื่อยๆ ตามจังหวะ ไม่มีช่องก็ไม่บุก ยิ่งในครึ่งหลัง แมนฯ ซิตี้ ได้ยิงแค่ครั้งเดียว
นักเตะ 5 คนที่จ่ายบอลเข้าเป้ามากที่สุดในเกมนี้ คือ ลาป็อกต์ (89 ครั้ง), โรดรี้ (76 ครั้ง), สโตนส์ (68 ครั้ง), กานเซโล่ (53 ครั้ง), และ วอล์กเกอร์ (46 ครั้ง) มันคือแบ็กโฟร์ + กลางรับ สื่อให้เห็นว่า แมนฯ ซิตี้ คิดอะไรไม่ออก ก็ให้กองหลังจ่ายบอลกันไปมา โดยมีโรดรี้ลงมาเชื่อมบางที นี่เป็นการดึงเวลาที่น่าหงุดหงิดมาก สำหรับฝั่งแอตเลติโก้
ถ้าไปดูเกมที่เจอลิเวอร์พูล แมนฯ ซิตี้เล่นด้วยพลัง วิ่งตลอด 90 นาที ท้าชนกันไปเลย แต่คราวนี้พวกเขาเลือกจะเล่นเกมรับจริงจังมาก ซึ่งเราไม่เคยเห็นกวาร์ดิโอล่าทำแบบนี้มาก่อน
การที่แมนฯ ซิตี้ไม่บุก มันทำให้แผนของแอตเลติโก้เป๋ไปเหมือนกัน ซิมิโอเน่กะให้เฟลิกซ์ กรีซมันน์ และ เลมาร์ เล่นเกมสวนกลับเร็ว แต่พอมาเจอเล่นเกมรับ เกมเคาะ พวกเขาจะไปต่อยังไง ไม่บ่อยนักที่ทีมใหญ่จะมาเล่นแบบนี้กับพวกเขา
เอ็นริเก้ เซเรโซ่ ประธานแอตเลติโก้ มาดริด ด่าแมนฯ ซิตี้ อย่างเกรี้ยวกราดว่า "แอตเลติโก้เล่นกันได้ดี แต่เป็นแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เล่นฟุตบอลยุคก่อนประวัติศาสตร์ เล่นเกมรับทั้งทีม เหมือนวางกำแพงเอาไว้หน้าโกล์ และพวกเขาไม่คิดจะทำประตูด้วยซ้ำ ใครๆก็เห็นว่าแมนฯ ซิตี้ เล่นเกมรับอย่างสมบูรณ์แบบ ครึ่งหลังพวกเขาได้ยิงทีเดียว"
แมนฯ ซิตี้ กับทีมอื่นพวกเขาเล่นเกมบุกตลอดอยู่แล้ว แต่มาเจอแอตเลติโก้ที่เล่นเกมรับใส่ในเลกแรก ดังนั้นจะแปลกอะไรถ้าพวกเขาจะเล่นเกมรับคืนบ้าง หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง
พออีกฝ่ายไม่บุก แอตเลติโก้ ก็ทำอะไรไม่ถูก ครึ่งแรกก็เลยไม่บุกกันทั้งคู่ ก่อนจบลงด้วยสกอร์ 0-0 แถมเป็นแมนฯ ซิตี้ ด้วยซ้ำที่มีโอกาสเสียวมากกว่า อิลคาย กุนโดกัน ซัดชนเสาไปหนึ่งที
เมื่ออะไรๆ ไม่เป็นดั่งใจ แอตเลติโก้ เริ่มเล่นด้วยความหนัก สเตฟาน ซาวิช ดันโฟเด้นออกนอกสนาม ตามด้วยเฟลิเป้กระโดดกระแทกโฟเด้นจนหน้าทิ่ม ศีรษะกระทบกระเทือนจนต้องเอาผ้ามาพันหัวไว้
เฟลิเป้เจาะยางเควิน เดอ บรอยน์ ด้านหลังจนโดนใบเหลือง เดอ บรอยน์ โดนอัดตลอดเกมจนมีอาการบาดเจ็บต้องเปลี่ยนตัวออกในครึ่งหลัง ตามด้วยมาร์กอส ยอร์เรนเต้ หวดแฟร์นันดินโญ่จนกระเด็น ก็โดนใบเหลืองเช่นกัน
เมื่อสถานการณ์บีบบังคับว่าต้องยิง 1 ลูก แอตเลติโก้ มาดริด บุกเต็มรูปแบบ ซิมิโอเน่ส่งหลุยส์ ซัวเรซ, อังเกล กอร์เรอา, ยานนิก การ์ราสโก้ ลงบู๊แหลก แต่พอเจอแมนฯ ซิตี้แพ็กเกมรับจริงๆ พวกเขาก็เจาะไม่ได้เหมือนกัน
ตัวอย่างของการเปลี่ยนตัว ที่เห็นว่าเป๊ปเอาจริงกับการเล่นเกมรับ คือตอนไคล์ วอล์กเกอร์เจ็บ จริงๆ เขามีทางเลือก คือขยับเอากานเซโล่ไปเล่นแบ็กขวา แล้วเอาแบ็กซ้ายจริงๆ แบบซินเชนโก้ลงแทน แต่เป๊ป เลือกใช้นาธาน อาเก้ ซึ่งจริงๆ เป็นเซ็นเตอร์แบ็ก เจตนาคือแพ็กเกมรับเต็มตัวนั่นแหละ
สิ่งที่เพิ่มความโมโหให้แอตเลติโก้ไปอีก คือจังหวะจุดโทษที่ควรจะได้กลับไม่ได้ นาทีที่ 77 กอร์เรอา โดนกานเซโล่สอยร่วงในเขตโทษ แต่ผู้ตัดสินไม่ว่าอะไร และผู้ตัดสิน VAR ก็ไม่ว่าอะไรด้วย ทั้งๆ ที่จากภาพช้าก็เห็นชัดเจนว่ามีการคอนแท็กต์ในเขตโทษแน่ๆ
ตามด้วยช็อตเปิดปุ่มของโรดรี้ ที่เสียบใส่คุนย่า แต่โดนแค่ใบเหลืองเท่านั้น ฝั่งแอตเลติโก้ก็เดือดว่า ลูกนี้ให้แดงได้เหมือนกันนะ ทำไมกรรมการใจดีขนาดนั้นกับซิตี้
เมื่อโดนกดดันอย่างหนัก เป๊ป ให้สัญญาณบอกโฟเด้นให้เก็บบอลไว้กับตัวให้นานที่สุด ดึงเกมเอาไว้ อย่าให้แอตเลติโก้พลิกกลับเป็นฝ่ายครองบอลได้ง่ายๆ นาทีที่ 89 โฟเด้นได้บอลริมเส้นด้านซ้ายเขาโดนเฟลิเป้เสียบแย่งบอลไปได้ แต่เฟลิเป้น็อตหลุดไปแถมโฟเด้นดอกสอง โดยไม่คิดเลยว่าตัวเองโดนใบเหลืองมาก่อนแล้ว ในยุคที่มี VAR เขาไม่มีทางรอดเลย
ช็อตนี้มันเริ่มดราม่า เพราะโฟเด้นกุมหน้าแข้งด้วยความเจ็บปวดนอกเขตโทษ แต่เขาก็รู้ดีว่า ถ้าอยู่นอกสนาม กรรมการแจกใบเหลืองเสร็จ ก็จะเริ่มเล่นต่อเลย การปฐมพยาบาลใดๆ ก็จะเกิดขึ้นนอกสนาม ดังนั้นโฟเด้นจึงจงใจกลิ้งตัวเข้าไปในสนาม
เมื่อเป็นแบบนั้น สเตฟาน ซาวิช จึงกระชากเสื้อลากโฟเด้นออกไป จนตัวสำรองซินเชนโก้ต้องเข้ามาช่วย คราวนี้ทุกฝ่ายตะลุมบอนกันชุลมุนไปหมด โฟเด้นก็ปฐมพยาบาลไป นักเตะสองทีมก็ผลักกัน เรนิลโด้ไปบีบคอสเตอร์ลิ่ง คือแทบจะต่อยกันอยู่แล้ว
ทีนี้แจ๊ค กรีลิช ที่เป็นตัวสำรองเดินเข้ามาผสมโรงด้วย เขาด่าซาวิชว่า Cunt (ไอ้หน้าจิ๋ม) ซาวิชโมโห เลยกระชากหัวกรีลิชจนกระเด็น คือกว่าเหตุการณ์จะสงบต้องใช้เวลา 4 นาทีเลยทีเดียว
นาธาน อาเก้ โดนใบเหลืองข้อหาผสมโรง ซาวิชโดนใบเหลืองที่ไปจิกหัวกรีลิชและเฮดบัตต์ใส่ราฮีม สเตอร์ลิ่ง และแน่นอน เฟลิเป้โดนไล่ออกที่เล่นนอกเกมใส่โฟเด้น คือเฟลิเป้เซอร์ไพรส์มากที่โดนไล่ออก แต่ถ้าดู VAR มันก็ไม่ได้แปลกใจอะไร ก็เขาเล่นนอกเกมจริงๆ
แน่นอนแอตเลติโก้ มาดริด โมโหมาก เพราะจังหวะจุดโทษก่อนหน้านี้ VAR ไม่เห็นว่าอะไรเลย แล้วทำไมคราวนี้ถึงมาเช็กจนเฟลิเป้โดนไล่ออก พอกรรมการเป่าเริ่มเล่น มาเทอุส คุนย่า อัดแฟร์นันดินโญ่จนกระเด็นโดนใบเหลืองไปอีกคน
แมนฯ ซิตี้ มีความแสบเหมือนกัน ในขณะที่แอตเลติโก้ กำลังโมโห ริยาด มาห์เรซ จงใจถ่วงเวลามันซะเลยไม่เตะฟรีคิกสักที แถมยังหัวเราะอีก โยนน้ำมันลงในกองไฟ จนกรรมการเดินมาแจกใบเหลืองข้อหาถ่วงเวลา คือสิ่งเหล่านี้ แอตเลติโก้ มาดริด เคยใช้ทั้งนั้น เกมรอบ 16 ทีมสุดท้าย แมนฯ ยูไนเต็ด โดนเล่นงานอย่างเจ็บแสบ แต่นัดนี้ พวกเขาโดนเล่นมุกเดียวกันจากแมนฯ ซิตี้บ้าง
ตามด้วยเอแดร์ซอน นายทวารแมนฯ ซิตี้ ชกบอลทิ้ง แต่ไม่โดนกระแทกอะไรเลย กลับล้มลงกุมไหล่ด้วยความเจ็บปวด จงใจถ่วงเวลานั่นแหละ ตามด้วยช็อตต่อมาแฟร์นันดินโญ่ นอนบาดเจ็บลงกับพื้นอีก
นั่นทำให้ ดีเอโก้ ซิมิโอเน่ ออกมาปรบมือประชด แล้วกระตุ้นในสนามให้ปรบมือประชดแมนฯ ซิตี้ด้วยที่จงใจดึงเวลา สุดท้ายเขาเลยโดนกรรมการเดินมาแจกใบเหลือง เพื่อให้เบรกอารมณ์
แมนฯ ซิตี้เองก็มีความ Panic เหมือนกัน กานเซโล่รู้ทั้งรู้ว่า ถ้าโดนเหลืองอีกใบ จะโดนแบนในรอบรองชนะเลิศ แต่เขาก็เสียบใส่คู่แข่งจนโดนเหลืองจนได้
เกมนี้กรรมการชูเวลาทดเจ็บ 9 นาที แต่ด้วยความที่มันมีการถ่วงเวลาตลอด ผู้ตัดสินจึงทดไปถึง 12 นาที และแอตเลติโก้ มาดริด มีโอกาสสุดท้ายกอร์เรอา แต่ติดเซฟของเอแดร์ซอนอย่างหวุดหวิด และนั่นคือการเล่นครั้งสุดท้าย จบเกมแมนฯ ซิตี้ ยัน 0-0 ได้สำเร็จ สกอร์รวมแมนฯ ซิตี้ชนะ 1-0 เข้ารอบต่อไปแบบบ้าคลั่งจริงๆ
นี่เป็นสกอร์ 0-0 ที่มันส์มาก เพราะทั้งสองทีมเล่นกันเดือดจริงๆ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ให้ลูกทีมทำทุกอย่างที่แอตเลติโก้ มาดริด เคยทำ ทั้งเล่นช้า เล่นเคาะ ถ่วงเวลา นี่เป็นอีกหนึ่งเกมที่แสดงความอัจฉริยะของเป๊ป ว่าเพื่อการเข้ารอบ เขารู้ว่าต้องใช้แท็กติกอย่างไร
ที่ต่างประเทศ ใช้คำว่า Giving Atletico a taste of their own medicine (ให้แอตเลติโก้ ได้รู้รสฤทธิ์ยาของตัวเอง) พอเจอคนอื่นเล่นแท็กติกบ้าง แล้วเป็นยังไงบ้างล่ะ
ความเดือดยังไม่จบ เพราะพอจบเกม ซาวิช กับ กรีลิช ยังตามมาด่ากันต่อถึงในอุโมงค์ ส่วนอีกคู่สกอตต์ คาร์สัน กับ ซิเม่ แวร์ซัจโก้ ก็เตรียมจะหวดกัน ขณะที่เอแดร์ซอนชูนิ้วด่าแฟนแอตเลติโก้ มาร์กอส ยอร์เรนเต้ขว้างของไปในทิศทางที่ลาป๊อกต์ยืนอยู่
คือเรื่องมันส่อแววจะบานปลายมากๆ จนตำรวจ 4 นาย ต้องเดินลงสนาม เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นได้
เหตุการณ์ก็ยุติตรงนี้ หลังเกมนักข่าวถามเป๊ปเรื่องเหตุตะลุมบอน เป๊ปขอ No Comment ส่วนฝั่งซิมิโอเน่ตอบว่า "ผมไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น ผมอยู่ในสนามและปรบมือให้แฟนบอลของเราอยู่"
นอกจากนั้น ซิมิโอเน่ยังด่ากรรมการว่า ต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด คือกรรมการนั่นแหละ "ผมคิดว่าความยุติธรรมควรเกิดขึ้นโดยกรรมการ แต่กับจังหวะที่กอร์เรอาโดนเสียบ เราไม่ได้รับมันแม้แต่การเช็กวีดีโอ" คำของซิมิโอเน่กล่าวว่า ถ้ากรรมการให้ความยุติธรรมกับช็อตนี้ เกมในสนามก็อาจไม่เดือดถึงขนาดนั้น
เรื่องราวก็จบลงตรงนี้ เป็นการเข้ารอบต่อไปของแมนฯ ซิตี้ แต่ก็เป็นชัยชนะที่แลกมากับอะไรเยอะจริงๆ เดอ บรอยน์เจ็บ วอล์กเกอร์เจ็บ โฟเด้นหัวกระทบกระเทือน กานเซโล่โดนแบน อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็รักษาโอกาสที่จะคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ได้อยู่
ขณะที่แอตเลติโก้ มาดริด คราวนี้กลยุทธ์ Dark Art ของพวกเขา ไม่สัมฤทธิ์ผล ก็ต้องหอบความเจ็บใจกลับไป แล้วค่อยมาเอาคืนในซีซั่นหน้า ยังไงซิมิโอเน่ก็เล่นแบบนี้อยู่แล้ว เพราะเป็นมาตลอด คงยากจะเปลี่ยนแนวทาง
อย่างไรก็ตาม ศึกแมนฯ ซิตี้ vs แอตเลติโก้มาดริดในยกนี้ เรือใบสีฟ้าเป็นฝ่ายชนะ และเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็ทำให้เห็นอีกครั้งว่า เขาเป็นสุดยอดนักวางแผนจริงๆ ใครเล่นเกมรุกมาก็เล่นเกมรุกกลับ และใครใช้ลูกเล่นแสบๆ อะไรมา เขาก็พร้อมจะเอาคืนได้อย่างเจ็บแสบเช่นเดียวกัน
#TASTEOFYOUROWNMEDICINE
- 11
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
