17 เม.ย. 2022 เวลา 00:18 • ประวัติศาสตร์
อาถรรพ์งู ๔ ตัว ในหลุมหลักเมือง
หลักเมืองวันนี้มี ๒ หลัก
ตามประเพณีแต่โบราณกาลมา การสร้างเมืองใหม่จะต้องมีหลักธงชัยของบ้านเมือง เพื่อเป็นศูนย์รวมของความเชื่อมั่นต่อการดำรงอยู่ของประชาชน ว่าจะลงหลักปักฐานกัน ณ ที่ตรงนี้ให้วัฒนาถาวรสืบไป นั่นก็คือ การทำพิธียกเสาหลักเมือง
กรุงเทพมหานครของเราก็เช่นกัน เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกได้ทำพิธีปราบดาภิเษกในวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๓๒๕ แล้ว ก็ทรงดำริว่า เมืองธนบุรีนี้ ฝั่งฟากตะวันออกเป็นที่มีชัยภูมิดีกว่าฟากตะวันตก โดยเป็นแหลมมีแม่น้ำเป็นขอบเขตอยู่กว่าครึ่ง ถ้าตั้งพระนครฝั่งตะวันออก ก็จะต่อสู้ป้องกันข้าศึกได้ง่ายกว่าอยู่ข้างฝั่งตะวันตก
ฝั่งตะวันออกนั้นเสียแต่เป็นพื้นที่ลุ่ม พระเจ้ากรุงธนบุรีจึงเลือกฝั่งตะวันตกซึ่งเป็นที่ดอน แต่ก็เป็นคุ้งน้ำเซาะทรุดพังอยู่เสมอ ทั้งพระราชนิเวศน์มณเฑียรสถานก็มีวัดแจ้งและวัดท้ายตลาดขนาบอยู่ทั้ง ๒ ข้าง ทรงพระราชดำริดังนี้แล้วจึงดำรัสสั่งให้ พระยาธรรมาธิกรณ์ กับ พระยาวิจิตรนาวี เป็นแม่กองคุมช่างและไพร่ไปวัดกะที่สร้างพระนครใหม่ข้างฝั่งตะวันออก จากนั้นจึงตั้งพิธียกเสาหลักเมืองเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๑ เมษายน ๒๓๒๕ ฤกษ์เวลาย่ำรุ่งแล้ว ๔๕ นาที
ในพิธียกเสาหลักเมืองของกรุงเทพมหานครนั้น มีเรื่องแปลกเล่ากันไว้ว่า เมื่อใกล้จะถึงเวลาพระฤกษ์ พระโหราจารย์กล่าวโฉลกบูชาฤกษ์แล้ว พระมหาราชครูอ่านพระราชโองการตั้งพระมหานคร ขุนโหรเริ่มประกอบพิธีกล่าวอุทิศเทพสังหรณ์ อัญเชิญก้อนดินซึ่งพลีมาแต่ทิศทั้ง ๔ แห่งพระนคร กระทำให้เป็นก้อนกลมดุจลูกนิมิตลงสู่ก้นหลุมเป็นลำดับกันไป เริ่มแต่ทิศบูรพา ทักษิณ ปัจฉิม และทิศอุดร จากนั้นก็นำแผ่นศิลาลงยันต์สำหรับรองรับหลักวางลงบนก้อนดินทั้ง ๔ ภายในก้นหลุมก็ตกแต่งไว้เรียบร้อย กรุด้วยผ้าขาวบริสุทธิ์ ดาดด้วยใบไม้อันเป็นมงคล ๙ ประการ โปรยด้วยแก้วนพรัตน์เรียงรายโดยรอบขอบปริมณฑลภายในก้นหลุม
เมื่อถึงพระฤกษ์ โหราจารย์ก็ย่ำฆ้องบอกกำหนด ชีพ่อพราหมณ์เป่ามหาสังข์ แกว่งบัณเฑาะว์ เจ้าพนักงานประโคมดุริยางค์แตรสังข์และพิณพาทย์ เจ้าหน้าที่ประจำยิงปืนใหญ่เป็นมหาพิไชยฤกษ์ เริ่มพระราชพิธีอัญเชิญเสาหลักเมืองลงสู่ก้นหลุมโดยวางไว้บนแผ่นศิลายันต์
ทันใดนั้นเองก็ปรากฏการณ์อันเป็นมหัศจรรย์ขึ้นอย่างไม่คาดคิด มีงูเล็ก ๔ ตัวปาฏิหาริย์ลงไปอยู่ในหลุมตั้งแต่เมื่อใดไม่มีใครเห็น มาเห็นก็ต่อเมื่อเสาหลักเมืองได้เคลื่อนลงสู่หลุมแล้ว จะยั้งไว้ก็มิได้ เพราะขั้นตอนพิธีทุกอย่างต้องเป็นไปตามพระฤกษ์ จึงต้องเลยตามเลย ปล่อยเสาลงก้นหลุมแล้วกลบดินทับงูทั้ง ๔ ตัวไว้ในหลุมหลักเมืองนั้นด้วย
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ได้ยังพระปริวิตกให้แก่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเป็นอันมาก ทรงเรียกประชุมเหล่าเสวกามาตย์ ราชบัณฑิต ปุโรหิต โหราจารย์และพระราชาคณะ ตลอดจนผู้รู้ทั้งหลาย มาร่วมวิพากษ์วิจารณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าจะดีร้ายประการใด ซึ่งที่ประชุมก็ถวายความเห็นสอดคล้องกันว่า ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนับว่าเป็นเรื่องที่ไม่ดี คือ เป็นอวมงคลนิมิต แต่ก็ไม่มีผู้ใดบ่งชี้ได้ว่าอวมงคลที่ว่าจะปรากฏผลอย่างใด บอกแต่เพียงว่างูเล็กทั้ง ๔ ตัวนั้นจะเป็นเหตุที่นำความเสื่อมเสียไม่ดีมาสู่
นอกจากนั้นยังมีเรื่องเล่ากันว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ได้มีผู้ทำนายว่าราชวงศ์จักรีจะดำรงอยู่ได้เพียง ๑๕๐ ปี แต่ก็ไม่มีรายละเอียดที่ทำให้น่าเชื่อถือได้ว่า งูเล็กทั้ง ๔ ตัวนี้เกี่ยวข้องอะไรกับราชวงศ์จักรี และเกี่ยวกับตัวเลข ๑๕๐ ปีอย่างไร
อย่างไรก็ตาม งูเล็กในหลุมหลักเมืองของกรุงเทพฯ ก็ได้สร้างความวิตกกังวลให้ผู้คนตลอดมา โดยเฉพาะคนที่เชื่อถือในเรื่องไสยศาสตร์และโหราศาสตร์ จนกระทั่งในปี พ.ศ. ๒๓๙๕ คือ ๗๐ ปีต่อมา ในแผ่นดิน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงเชี่ยวชาญในเรื่องของโหราศาสตร์ จึงโปรดเกล้าฯให้ทำพิธีสร้างเสาหลักเมืองขึ้นใหม่อีกเสาหนึ่งคู่กับเสาเก่า เมื่อวันพุธขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๖ พร้อมทั้งปรับปรุงเปลี่ยนแปลงศาลหลักเมืองจากของเดิมที่เป็นไม้ มาเป็นก่ออิฐถือปูนฉาบสีขาว มุงหลังคาด้วยกระเบื้อง ทั้งยังทรงจะให้แก้เคล็ดในเรื่องนี้ด้วยการสร้างสะพานเชื่อม ๒ ฝั่งเจ้าพระยาให้ติดต่อถึงกัน ระหว่างเมืองเก่าหลวงและเมืองหลวงใหม่ แต่ก็ยังไม่สามารถสร้างได้ในขณะนั้น
จนกระทั่งในปี ๒๔๗๐ ซึ่งมีการวางแผนที่จะจัดงานเฉลิมฉลองอย่างเอิกเกริก ในโอกาสที่กรุงเทพฯจะมีอายุครบ ๑๕๐ ปีใน พ.ศ.๒๔๗๕ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงดำริที่จะให้สร้างอนุสรณ์สถานในพิธีนี้ด้วย และทรงวินิจฉัยให้สร้างพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีผู้ให้กำเนิดกรุงเทพมหานคร พร้อมกันก็ให้สร้างสะพานเชื่อม ๒ ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อเป็นประโยชน์แก่ประชาชนที่จะไปมาหาสู่กัน โดยทรงวางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ ๙ มกราคม ๒๔๗๒ และเปิดใช้ได้ในวันที่ ๖ เมษายน ๒๔๗๕ ทันพิธีเฉลิมฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ ๑๕๐ ปีพอดี
นอกจากนี้เจ้านายชั้นผู้ใหญ่ที่เป็นหลักของแผ่นดิน ซึ่งประสูติในปีมะเส็ง ราศีงูเล็ก ๔ พระองค์ คือ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินทร สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ได้ร่วมกันทำบุญสร้างตึกคนไข้หลังหนึ่งให้โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ พระราชทานชื่อตึกหลังนี้ว่า “ตึกสี่มะเส็ง”
ล่วงเข้าบัดนี้ กรุงเทพมหานครก็มีอายุ ๒๓๓ ปีแล้ว เติบโตจนติดอันดับมหานครของโลก กษัตริย์ในราชวงศ์จักรีทุกพระองค์จนถึงรัชกาลปัจจุบัน ก็ได้รับความเคารพรักเทิดทูนจากประชาชนชาวไทยเหนือเกล้า ทั้งยังทรงได้รับความชื่นชมศรัทธาจากชาวโลก และเชื่อมั่นได้ว่าจะยืนยงสถาพรตลอดไป
อาถรรพณ์งูเล็ก ๔ ตัวในหลุมหลักเมืองที่วิตกกันว่าจะเป็นอวมงคล อันจะนำความวิบัติอันตรายมาสู่กรุงเทพฯนั้น บัดนี้กาลเวลาที่ล่วงเลยมาจนพอจะบ่งบอกได้ว่า งูเล็กทั้ง ๔ ตัวนั้นมิได้มีผลใดๆ ต่อความเจริญรุ่งเรืองของกรุงเทพมหานครอมรรัตนโกสินทร์และราชวงศ์จักรีเลย
โดย โรม บุนนาค
เรื่องเก่าเล่าสนุก
credit:เจาะเวลาหาอดีต fb fanpage
Thanks like love comments follow all fc @min Rookie
โฆษณา