17 เม.ย. 2022 เวลา 07:58 • หุ้น & เศรษฐกิจ
พลังของการออม
เงิน 10 บาท คงดูเหมือนน้อย ในสายตาของใครหลายๆคน
ผมทึกทักเอาว่าคนที่ได้อ่านบทความนี้น่าจะมีอายุเกิน 20 ปีกันแล้ว ไม่ก็ใกล้เคียง
งั้นเรามาลองทายกันขำๆ ก่อนดูเฉลยว่า
ถ้าเราเก็บเงินวันละ 10 บาท เป็นเวลา 20 ปี เราจะมีเงินเก็บเท่าไหร่??
😆
😆😆
😆😆😆
ลองนึกดู
เฉลย
10*365*20= 73,000 บาท
โฮ่ๆๆ เจ็ดหมื่น ไม่ใช่เงินน้อยๆ
และยิ่งคุณนำไปลงทุนที่”ง่ายที่สุด”คือกองทุนดัชนี เอาเป็นว่า SET ของประเทศไทย เอาแบบขำๆเลยที่ ผลตอบแทน 6% ต่อปี เงินวันละ 10 บาทจะกลายเป็นกี่บาท
😆
😆😆
😆😆😆
ลองนึกดู
เฉลย
ผมแอบใช้โปรแกรมคำนวนให้
140,373 บาท
(เก็บเฉยๆ ก็ว่าไม่น้อย ยิ่งเอาไปลงทุน ผลตอบแทน ได้เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า)
เห๋อๆ จากเงิน 10 บาทต่อวัน สู่เงิน หลักแสน ไม่น้อยนะ
แล้วเราในวันนี้มีเงินเก็บกันเท่าไหร่??
ถ้าคุณมีเกิน 140,000 ยินดีด้วยคุณเป็นคนส่วนน้อยของประเทศไทย
แล้วถ้าวันนี้คุณยังมีเงินเก็บน้อยกว่า 140,000 แล้วหล่ะก็ วันนี้น่าจะเป็นวันดีที่คุณ”เริ่มเก็บเงิน” “วันละ 10 บาท”
ไม่สำคัญว่าตอนนี้คุณจะมีหนี้ หรือไม่มีหนี้ จะผ่อนหรือไม่ผ่อนอะไรอยู่ ผมเชื่ออย่างสุดหัวใจว่าตัดเงินวันละ 10 บาทหยอดกระปุก มันจะไม่กระทบการใช้ชีวิตของคุณเลยแม้แต่น้อย
!!!แล้วชีวิตของคุณจะเปลี่ยนไป เชื่อผม!!!
เพราะผมเคยผ่านจุดนั้นมาแล้วถึงเอามาเล่าให้ฟัง
ผมเป็นชนชั้นกลางที่ชีวิตไม่ได้ลำบากอะไร เป็นมนุษย์เงินเดือน มีชีวิตแบบเดือนชนเดือน เพราะ ”ลืม” คำว่าเก็บ เคยเรียนรู้การเก็บออมกับธนาคารออมสินจากที่พ่อแม่สอน แต่พอโตขึ้นก็ลืมมันซะยังงั้นกลายเป็นมนุษย์เงินเดือน(ชนเดือน) ได้มาใช้ไปไม่มีอะไรเก็บ
ผมเลยอยากจะเขียนบทความนี้ขึ้นสำหรับคนที่รู้จักการออมแบบผม ”แล้วลืม” กับคนที่ชีวิตนี้ไม่รู้จักการออมเลย
หลังจากที่ผมได้รู้จักการออม(อีกครั้ง) ชีวิตผมก็เปลี่ยนไป เงินเดือนก็เท่าเดิมนะ (แน่นวลเพิ่มขึ้นนิดหน่อยประจำปีแต่ไม่เยอะ) แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างหน้ามือเป็นหลังมือก็คือ ใช้ขีวิตมีความสุขขึ้นมากกกกก กอไก่สิบห้าตัว เพราะได้เห็นตัวเลขในบัญชีเงินออมที่มันโตขึ้นทุกเดือนๆ (ผมแบ่งเก็บ 3 ที่ บัญชีเงินฝากที่สมัครใหม่เพื่อการออมโดยเฉพาะ, พอร์ตกองทุน, และพอร์ตหุ้น) มันทำให้ผมใช้ชีวิตกับครอบครัวง่ายขึ้นมั่กๆ
แต่สิ่งสำคัญคือต้อง “ออมก่อน” แล้วค่อยใช้ เพราะว่าถ้าคุณใช้ก่อนแล้วค่อยเก็บ มันจะไม่เหลือ เหมือนผมเมื่อก่อน ทำไมนะเหรอ เพราะว่าความต้องการเรามีมากมายเกินกว่าที่เราจะหาเงินมาตอบสนองได้หน่ะสิ (ถึงแม้ผมเองไม่ได้เป็นคนฟุ้งเฟ้อแต่อย่างใด)
ฝอยซะยาว สรุปประเด็นตรงนี้อีกครั้ง เมื่อเรามีเงินออมในรูปแบบต่างๆเก็บไว้นั้น เราะจะใช้ชีวิตมีความสุขมากขึ้น ทั้งๆที่รายได้เท่าเดิม “เพราะ” มันคือ ”ความมั่นคง” อันนี้แหละเบื้องหลังความรู้สึกสุขที่แค่จริงของการออม ไม่ว่าเราจะประสบปัญหาต่างๆเรื่องการเงิน ไม่ว่าจะค่าใช้จ่ายพิเศษ ค่าหยูกค่ายา ค่านู่นค่านี่ และอื่นๆอีกมาก แน่นอนว่าเราพยายามจะไม่ใช้ส่วนของเงินออมนี้ เราจะต้องพยายามผ่านเรื่องของเงินต่างๆนี้ให้ได้ด้วยเงินรายเดือน แต่ ถ้ามันจำเป็นจริงๆ เราก็ยังมีส่วนที่เราออมไว้นี่แหละมาช่วยบรรเทาปัญหาที่เราประสบ ความอุ่นใจที่ทำให้เราไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังนี้แหละ ประโยชน์ที่แท้จริงของเงินออม นอกจากนั้นหลังจากที่มันมีเยอะหลังจากที่ออมมานาน เราก็จะมีไอเดียมากมายที่จะใช้เงินกองนี้อย่างสร้างสรรค์ เพื่อช่วยให้เราเดินทางไปสู่จุดหมายทางการเงินของเราได้ง่ายและเร็วขึ้นอีกด้วย
แต่ช้าก่อน ผมย้ำเสมอว่าจะทำอะไรนั้นต้องมีความสุข เงินซื้อความสุขที่แท้จริงไม่ได้ แต่มีไว้ก็ย่อมดีกว่าไม่มี ล้มและผิดพลาดบนฟูก ก็ดีกว่าบนพื้นปูนเป็นไหนๆ
ที่ผมเขียนบทความนี้ก็เผื่อว่ามันจะไปช่วยเตือนสติใครบางคนที่ใช้ชีวิตประมาทอยู่ตอนนี้ได้
ถ้าตอนหาได้ใช้หมด ไม่เก็บ แล้วตอนหาไม่ได้ ตอนเกษียณจะใช้ชีวิตยังไง
ถ้าคุณเป็นพวกมีเหลือมากๆ ผมไม่เป็นห่วง กินเลยใช้เลย เต็มที่
แต่ถ้าคุณยังเป็นราชา/ราชินีเงินผ่อนอยู่ ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ผ่อนเครื่องใช้ไฟ บลาๆๆๆ ก็ควรจะหยุดคิดสักนิด
“เก็บเงินวันละสิบ คุณจะมีเงินแสน”
ใช้ชีวิตให้มีสติ อะไรจำเป็นใช้ ก็ใช้ อะไรไม่จำเป็น ตัดได้ ก็ตัด
นั่งคิดดีๆ
“แยก ความอยาก กับ ความจำเป็น ออกจากกัน”
เราใช้ชีวิตตามความจำเป็นเราจะอยู่ได้
แต่ถ้าใช้ตามความอยากเราจะลำบาก เพราะความอยากของคนนั้นไร้ที่สิ้นสุด
ความจำเป็นของคนเราไม่เหมือนกัน คุณนั่นแหละรู้ดีที่สุด
นี่แค่หลักสิบนะ ถ้าคุณออมได้มากกว่านี้ และยิ่งแท็คทีมกับ ประหยัด ด้วยแล้ว เข้าสูตร “ประหยัดอดออม “ เชื่อเถอะว่าเงินล้านไม่ไกลเกินเอื้อม
ไหนๆ ผมก็พูดถึงหลักการประหยัดแล้วก็จะขอ เปรยไว้เป็นน้ำจิ้มตรงนี้สักหน่อย ตัวอย่างเช่น ถ้าวันนี้คุณกินกาแฟแก้วละร้อย ก็ลอง 1 ลดปริมาณดู หรือ 2 ถ้าลดไม่ได้ก็ลองเปลี่ยนหาทางเลือกที่ถูกกว่าเช่นกาแฟเซเว่น เป็นต้น
หลักการนี้สามารถไปประยุกต์กับการใช้จ่ายอื่นๆได้ เช่น
ค่าล้างรถ ลองลดดู หรือล้างรถเอง, ค่าข้าว ลองร้านที่ถูกลง หรือลองเริ่มทำกินเอง, ค่าน้ำมันลองวางแผนการซื้อของดู ออกซื้อเป็นรอบๆ แทนที่จะหมดก็ขับ อยากไปไหนก็บิดกุญแจ เป็นต้น จริงๆมีเยอะมาก ผมว่าถ้าคุณเองน่าจะนึกออก หรือไม่ก็ลองชวนเพื่อนๆคุยว่ามีวิธีไหนบ้างที่จะประหยัดได้
ลองปรับดูให้เหมาะกับตัวคุณเอง ไม่ตึง ไม่หย่อน จนเกินไป
“มัชฌิมาปฏิปทา เดินทางสายกลาง”
ที่พิมพ์มายาวเหยียดนิ้วหงิกถึงตรงนี้ก็อยากฝากข้อคิดไว้ให้เผื่อมันจะไปถึงใครที่เล็งเห็นประโยชน์จะได้เอาไปลองใช้
ถ้าคุณอ่านมาถึงตรงนี้ สุดยอดมากๆ ขอบคุณที่ติดตามปลายปากกากันมา กด หัวใจทิ้งไว้ซักกะติ๊ด 😍🥰💙💚💛🧡❤️💜🖤❤️‍🔥💖💗
ใช้ชีวีให้มีสติและความสุขนะครัช
โฆษณา