18 เม.ย. 2022 เวลา 02:54 • สุขภาพ
รีวิวประสบการณ์ทำ Femto LASIK
บอกลาชีวิตหลังกรอบแว่นกว่า 15 ปี
ก่อนอื่นต้องเกริ่นก่อนว่า เราเป็นคนที่มีปัญหาสายตาสั้นและเอียงมาตั้งแต่ม.1 ต้องใส่แว่นมาโดยตลอด สายตาเราครั้งสุดท้ายที่วัดก่อนทำเลสิก คือ ข้างขวาสั้น 375 เอียง 75 ส่วนด้านซ้ายมีทั้งสั้นและเอียงเหมือนกัน แต่จะน้อยกว่า
จริง ๆ เมื่อก่อนเราก็ไม่ได้รู้สึกว่าการใส่แว่นมีปัญหาอะไรมาก และแทบไม่เคยใส่คอนแทคเลนส์ด้วยซ้ำ (ซื้อคอนแทคมา 2 กล่อง เพราะสายตา 2 ข้างไม่เท่ากันแล้วยังใช้ไม่หมด) แต่ในระยะช่วงปี 2 ปีนี้มาเราหันมาดูแลสุขภาพตัวเอง ออกกำลังกายมากขึ้น ซึ่งเราก็ได้พบว่าการใส่แว่นนั้นมันไม่สะดวกสำหรับการออกกำลังกายเลย รวมถึงเวลาทำกิจกรรมที่ค่อนข้างลุย ๆ หน่อย แบบดำน้ำ เดินเขา อะไรก็ไม่ค่อยสะดวก แล้วบางทีถ้าเกิดใส่แว่นทำกิจกรรมพวกนี้ ถ้าเกิดมีปัญหามาก็อาจจะเกิดอันตรายได้
ซึ่งนั่นเองก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เราเริ่มหันมาสนใจการทำเลสิก ประกอบกับเป็นคนขี้ลืม ต้องเสียเวลาทุกวันในการหาแว่น แถมระยะหลังด้วยความที่เลสิกราคาเริ่มถูกลง และมีคนรอบ ๆ ตัวเริ่มหันมาทำกันมากขึ้น เลยตัดสินใจทำเลสิก
ปัจจัยหลักที่เราเลือกรพ.ในการทำเลสิกมีอยู่ 4 ข้อด้วยกัน คือ
- รพ.จะต้องไม่ไกลจากบ้านจนเกินไป เนื่องจากการทำเลสิกจะต้องมีการไป-กลับ รพ.หลายครั้ง ทั้งตรวจตาก่อนทำเลสิก วันที่ทำเลสิก นัดเช็คตาหลังทำระยะ 1 วัน / 1 สัปดาห์ / 1 เดือน / 3 เดือน / 6 เดือน / 1 ปี ซึ่งถ้าเป็นรพ.ที่อยู่ไกลบ้านมาก สำหรับคนที่ไม่ได้มีคนไปรับ ไปส่งอย่างเรา ก็จะค่อนข้างลำบากเลยทีเดียว โดยเฉพาะช่วงหลังทำเลสิกแรก ๆ ที่หมอนัดถี่มาก
- ราคา ในที่นี้คือราคาอาจจะไม่ต้องถูกที่สุด แต่จะต้องเกาะกลุ่มกับที่อื่น ๆ ไม่แพงโดดจนเกินไป
- ความเชี่ยวชาญของหมอ ในจุดนี้เราก็อาศัยถามจากเพื่อนหรือคนรู้จักว่าทำที่ไหนกันบ้าง แล้วผ่านมาระยะนึงสายตาเป็นยังไง ซึ่งการปรึกษาคนที่เคยทำมาก่อนจะช่วยตัดสินใจได้ง่ายขึ้นมาก ๆ หรือหารีวิวตามอินเทอร์เน็ตว่าหมอชื่ออะไร ทำเคสมาเยอะไหม มีคนรีวิวไว้ว่ายังไงบ้าง ก็สามารถช่วยได้อีกทางนึง
- ความสะดวกสบายของรพ. ในที่นี้อาจจะไม่ได้สำคัญมาก แต่เรามองว่าเป็นหนึ่งในความสบายของเราเอง และเราไปทำในช่วงโควิดระบาด ถ้าไปทำที่รพ.ที่มีคนหนาแน่นมาก ๆ ก็อาจจะไม่สบายใจเท่าไหร่
สำหรับขั้นตอนในการทำเลสิก หลังจากที่เราเลือกรพ. ได้แล้ว เราจะทำการนัดหมอเพื่อตรวจตาว่าสามารถทำเลสิกได้ไหมก่อน โดยเราจะต้องมีการแพลนไว้ก่อนคร่าว ๆ ว่าจะตรวจตาวันไหน และสะดวกเลสิกวันไหน เพราะจะต้องใช้เวลาพักฟื้นอย่างน้อย 1 วัน จะได้จัดตารางและลางานไม่ให้กระทบกัน
โดยวันที่ตรวจตาเราก็จะเจอกับเครื่องตรวจเยอะมาก ประมาณ 6-7 เครื่อง เพื่อให้แน่ใจว่าเราไม่ได้มีโรคตา และมีความหนาของกระจกตาที่มากพอที่จะทำเลสิก โดยในขั้นตอนตรวจตาจะมีการหยอดยาขยายม่านตา ทำให้สายตาเราจะมองไม่ชัด โดยคนที่ไปตรวจควรจะมีคนพามาด้วยหรือถ้ามาคนเดียวก็จะต้องใช้รถสาธารณะ ห้ามขับรถไปเอง
ถ้าผลตรวจออกมาทุกอย่างปกติดี กระจกตาหนามากพอก็จะมาในขั้นตอนคุยรายละเอียดกับหมอ ซึ่งที่เราไปทำมาคุณหมอจะอธิบายความแตกต่างของการทำเลสิคแต่ละวิธี ดังนี้
- PSK จะเป็นการเลเซอร์ที่กระจกตาโดยตรง เป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด ถูกที่สุด แต่ใช้เวลาพักฟื้นนานที่สุด และมีอาการเจ็บหลังจากการทำ
- LASIK มีการเปิดกระจกตาด้วยใบมีดก่อน แล้วค่อยยิงเลเซอร์
- Femto LASIK ขั้นตอนจะคล้าย LASIK แต่ใช้เลเซอร์ทำทั้งหมด ซึ่งจะแพงที่สุดในบรรดา 3 วิธีนี้ แต่จะใช้เวลาพักฟื้นน้อย ซึ่งเราเลือกทำวิธีนี้
นอกจากนี้ยังมีวิธี ReLEx SMILE อีก แต่เนื่องจากรพ. ที่เราทำไม่มีวิธีนี้ และเท่าที่หาราคาคือหลักแสน ค่อนข้างเกินงบเราไปมาก
และก็มาถึงวันที่ทำเลสิก ในวันที่ทำควรใส่เสื้อผ่าหน้าไป ซึ่งตอนแรกพี่ ๆ พยาบาลไม่ได้อธิบายเหตุผล แต่เพิ่งมาเข้าใจตอนกลับบ้านว่าเพราะหลังจากผ่าตัดเราจะใส่ที่ครอบตากลับบ้านจนถึงตอนเช้า ซึ่งจะสะดวกกว่ามากในการถอดเสื้อหลังผ้าตัดถ้าเราใส่เสื้อคอกว้างหรือมีกระดุมด้านหน้า และในวันนั้นควรเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีคนไปด้วย เพราะหลังทำเลสิกเราจะค่อนข้างเคืองตาและตาไม่ค่อยสู้แสง ถ้าไปคนเดียวจะค่อนข้างลำบาก
พอมาถึงก็จะมีการตรวจเช็คค่าสายตาครั้งสุดท้าย และมาจ่ายเงิน รับยากลับบ้านก่อน ต่อมาก็จะมีการหยอดยาชา และใส่ชุดคลุม หมวก เพื่อเข้าห้องผ่าตัด ภายในห้องผ่าตัดจะมีเตียงให้เรานอนและมีเครื่องเลเซอร์ 2 เครื่อง ขั้นตอนก็จะมีการเปิดชั้นกระจกตา ยิงเลเซอร์ แล้วก็ปิดกระจกตา โดยใช้เวลาเลเซอร์ปรับสายตาจริง ๆ แค่เแปปเดียว ประมาณ 8 วินาทีเท่านั้นเอง ซึ่งแต่ละขั้นตอนก็ไม่มีความเจ็บเลย แต่ด้วยการที่เราทำเลสิก หมอจะใส่เครื่องถ่างตา ทำให้เราไม่สามารถกะพริบตาได้ มันจะออกแนวตึง ๆ ตามากกว่า แต่ความน่ากลัวจะอยู่ที่เราจะเห็นทุกอย่างที่หมอทำกับเรา (ถึงแม้จะเบลอ ๆ ไม่ชัดก็ตาม) จะต้องอาศัยแรงใจและคุมสติระดับนึงเลย
พอเสร็จเรียบร้อย หมอก็จะใส่ที่ครอบตาให้เรา โดยเราจะต้องใช้ชีวิตกับที่ครอบตาไปจนถึงเช้าของอีกวันจึงจะถอดออกได้ และใส่เฉพาะตอนนอนเป็นเวลา 1 สัปดาห์ และก็ทานยาแก้ปวด ก่อนจะกลับบ้านได้ ซึ่งหลังกลับมาช่วง 2-3 ชม.แรกจะมีอาการเคืองตาชัดเจนเลยคือ ตาไม่สู้แสง และมีอาการแสบ ๆ เล็กน้อย และมีน้ำตาไหลมาประมาณนึง แต่พอสัก 5 ชม.ผ่านไปก็ไม่มีอาการอะไร อาจจะมีอาการตาแห้งหลังทำ ซึ่งก็ต้องหยอดน้ำตาเทียมไป ไม่มีอะไรมาก หมอจะห้ามเราล้างหน้าและสระผมเองเป็นเวลา 7 วัน เพราะฉะนั้นใครจะไปทำเลสิกก็อาบน้ำ สระผมไปดี ๆ ก่อน
วันรุ่งขึ้นหลังจากที่ถอดที่ครอบตาออกก็มองเห็นได้ชัดเจน โดยอาจจะไม่ถึงกับ 100% ชัดเจนแบบ Full HD ขนาดนั้น แต่สามารถใช้ชีวิตประจำวันโดยไม่ต้องใส่แว่นได้เลย แต่เวลาออกแดดในระยะแรกจะต้องใส่แว่นกันแดดก่อน นอกจากนั้นยังมีอาการตาแห้งต้องหยอดยาแทบทุกชม. ซึ่งอาการที่ตาแห้งมาก ๆ ก็จะทำให้ภาพที่เห็นจะติดฟุ้ง ๆ เบลอ ๆ บ้างแต่ก็นับว่าดีกว่าก่อนทำมาก ๆ แล้ว
สรุป สำหรับคนที่มีปัญหาสายตา ต้องใส่แว่นหรือคอนแทคเลนส์เป็นประจำแล้วไม่ค่อยแฮปปี้ กำลังลังเลว่าทำดีไหม เรามองว่าคนกลุ่มนี้ทำแล้วจะเวิร์คสุด เพราะเหมือนได้ทำลายข้อจำกัดบางอย่างที่เราต้องเผชิญในทุก ๆ วันออกไป แล้วด้วยเดี๋ยวนี้แต่ละรพ. ที่ทำเลสิกมีโปรออกมาเยอะ บางที่ก็สามารถผ่อนได้ถึง 10 เดือน ทำให้ภาระค่าใช้จ่ายลดลงมาจากแต่ก่อนเยอะมากเลยทีเดียว
โฆษณา