18 เม.ย. 2022 เวลา 07:39 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
ถือเป็นการเปิดตัวอย่างสวยงาม ที่ทำได้สำเร็จทั้งคะแนนจากฝั่งคนดู รวมถึงรายได้ทั่วโลกที่ขึ้นสู่อันดับ 2 ในฐานะหนังฮีโร่ทำรายได้สูงสุดในช่วงโควิด (ตามหลัง Spider-Man: No Way Home) แน่นอนว่าทิศทางหนังสไตล์สืบสวนอย่างเต็มรูปแบบของ แมท รีฟส์ มันมอบความสดใหม่ให้กับเราได้ดีมาก พาไปสำรวจเบื้องลึกอีกแง่มุมของทั้งแวดล้อม และสภาพจิตใจของแบทแมน ที่นิยามของคำว่า ‘ล้างแค้น’ ในภาคนี้มันดิบเถื่อนดีจริง
การวางตัวเป็นหนังสืบสวนทำให้ฉุกคิดในทีแรกว่า ถ้าเรารู้การดำเนินเรื่อง วิธีคลายปมของหนังแล้ว เมื่อกลับมาหยิบมันดูอีกครั้งเรายังจะประทับใจอยู่ไหม ซึ่งมีอยู่หลายเรื่องที่ให้ความรู้สึกไม่อยากกลับไปดูแล้ว แต่ยอมรับว่าไม่ใช่กับ The Batman เพราะนอกจาก pacing ในการสืบสวนสอบสวนที่สนุกเข้มข้นมากๆ แล้ว ยังสามารถตอกย้ำว่าแบทแมนเป็นตัวละครที่หยิบมาทำซ้ำ เล่าใหม่ในแบ็คกราวนด์เดิมได้อยู่จริงๆ ขอให้อยู่ในมือผู้กำกับถูกคนเท่านั้น
องค์ประกอบหลายอย่างของหนังอิงคอมมิคแบบเอาใจแฟนๆ กันไปเลย ชอบตัวละครหลักไปจนถึงตัวละครรองที่นักแสดงหน้าใหม่ทั้งหมด แต่ยังสามารถดึงเรากลับไปในห้วงอารมณ์ พื้นหลังอันมืดดำของเมืองก็อตแธมได้ไม่ยาก บรรยากาศความอึมครึมคือสามารถพาเราไปได้สุดทางที่หนังตั้งใจจะเล่น ชอบการเปิดตัวด้วย Batsignal ที่มันเท่และให้อารมณ์น่ากลัวในเวลาเดียวกัน ชอบมุมกล้องของแอ็คชั่นและในอีกหลายๆ ฉากที่ดูแล้วรู้เลยว่ามีความพิถีพิถัน ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี
และทั้งหมดทั้งมวลมันเป็นสิ่งที่ส่งเสริมกันอย่างถูกทางมากๆ กับเนื้อเรื่องฉบับนี้ อย่างไรก็ตามต้องบอกว่าการได้ โรเบิร์ต แพททินสัน มารับบทนี้ เราไม่เคยติดขัดอะไรในใจเลยแม้แต่น้อย(อยู่แล้วตั้งแต่แรก) เพราะเอาจริงช่วงหลังมานี้ผลงานของเขาเรียกว่ายกระดับขึ้นมาเรื่อยๆ จนเราต้องกลับมามองฝีมือการแสดงของผู้ชายคนนี้ใหม่อีกครั้ง ซึ่งในฐานะการเป็นแบทแมนคนใหม่ก็ถือว่าเป็นอะไรที่ถูกต้องมากๆ (ส่วนตัวชอบแคสต์ของเพนกวิน, กอร์ดอน และริดเลอร์นะ คนอื่นยังไม่ถึงกับถูกใจ)
ในส่วนของเนื้อเรื่องที่กล่าวไปข้างต้นว่ามันสามารถมอบความสดใหม่ให้กับเราได้ แต่ลงลึกในคดีปริศนาของริดเลอร์ หนังไม่ได้มีอะไรทำให้เราเซอร์ไพรส์มากนัก หนักไปในทางการวางเกมไล่ต้อนแบทแมนมากกว่า ซึ่งสนุกตรงที่ริดเลอร์นำหน้าอยู่หลายก้าวตลอดเวลานี่แหละ ดูเป็นวายร้ายที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย ทั้งนี้ อีกส่วนที่หนังทำได้สุดยอดจริงๆ และเชียร์ให้ได้ออสการ์ด้วยคงจะเป็นงานกำกับภาพกับดนตรี ที่เรายอมใจในทุกรายละเอียดที่สร้างสรรค์ขึ้นมาเลย ปรบมือให้
สรุปว่าทุกอย่างในแบทแมนฉบับนี้มีลายเซ็นต์ที่ชัดเจน ทั้งตัวผู้กำกับ งานโปรดักชั่น เนื้อเรื่อง รวมไปถึงบทบาทใหม่ของ โรเบิร์ต แพททินสัน ภาพรวมมันคือฟิล์มนัวร์ที่ทันกับยุคสมัย คือความดิบโหดที่มีประเด็นฐานะชนชั้น ประเด็นผิวสี หรือกระทั่งการเมืองมาเป็นพื้นหลัง คืออีกเวอร์ชั่นของแบทแมนที่ใส่ความเป็นมนุษย์มากๆ ลงไปอยู่ในนั้น แต่สุดท้ายแล้วสำหรับภาคนี้เรายังไม่ค่อยเข้าใจ message ของคำว่า “vengeance” สักเท่าไหร่ ถึงแม้จะคอยพูดมาตลอดเรื่องก็เถอะ
ปล. ฉากเปิดตัวแบทโมบิลคือเท่ฉิบหายวายวอดเลย
(ดูได้แล้วทาง HBO GO)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา