19 เม.ย. 2022 เวลา 02:46 • หุ้น & เศรษฐกิจ
✅Morning Update 19.04.2022
🇺🇸🇪🇺ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผันผวนระหว่างวันและปิดปรับตัวลดลงเล็กน้อย ขณะที่ดัชนี Nasdaq 100 ปิดบวก
- คณะกรรมการบริหาร Twitter หาหรือถึงแผนงานป้องกันการ take over จาก Elon Musk
- Bond Yield สหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเข้าใกล้ระดับเกือบ 3%
- หุ้น Didi Global ร่วงแรงจากความกังวลที่จะถูกถอดถอนออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ คืนวันจันทร์ที่ 18.04.2022 ดัชนี Dow Jones -39.54 จุด -0.11% S&P 500 -0.90 จุด -0.02% และ Nasdaq 100 +17.55 จุด +0.13% โดยมีรายละเอียดต่าง ๆ ดังนี้
1. ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดทำการเนื่องในวันหยุด Easter ซึ่งเป็นวันสำคัญของชาวคริสต์ และเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ
2. ภายหลังที่นาย Elon Musk ประกาศว่าประสงค์ที่จะเข้าซื้อหุ้น Twitter 100% และนำบริษัทออกจากจากเป็นบริษัทจดทะเบียน
ด้านคณะกรรมการบริหารของ Twitter ได้หาหรือถึงมาตรการป้องกันการเข้าซื้อบริษัทอย่างไม่เป็นมิตรหรือ Hostile Takeover จากคุณ Elon Musk
โดยมีแผนปฏิบัติการทีเรียกว่า “Poison Pill” ซึ่งจะเป็นการให้สิทธิกับผู้ถือหุ้นรายย่อยของ Twitter สามารถซื้อหุ้นเพิ่มทุนได้ในราคาที่ต่ำกว่าราคาปัจจุบัน ซึ่งวิธีนี้จะช่วยเพิ่มสัดส่วนการถือครองหุ้นของรายย่อย
แต่จะแลกมาด้วยโอกาสที่ราคาหุ้นจะปรับตัวลดลงจากการเกิด Dilution effect หรือการที่มีจำนวนหุ้นเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่กำไรยังเท่าเดิม ส่งผลให้กำไรต่อหุ้นลดลงนั่นเอง
3. อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ หรือ US Bond Yield ยังคงผันผวนรุนแรง โดยเมื่อไม่นานมานี้ช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมาตลาดมีความกังวลถึงประเด็น inverted yield curve หรือ Bond Yield ระยะสั้นให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า Bond Yield ระยะยาว ระหว่างพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 2 ปี และ 10 ปี
โดยล่าสุดส่วนต่างหรือ Spread ของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระหว่างอายุ 2 ปี และ 10 ปี เพิ่มขึ้นต่อเนื่องและห่างกันถึงราว 0.40%
โดยล่าสุด Bond Yield 2 ปี อยู่ที่ 2.45% และ Bond Yield 10 ปี อยู่ที่ 2.85%
4. การปรับตัวเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ส่งผลเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มสถาบันการเงิน
โดยผู้เชี่ยวชาญจาก Bank of America ได้ออกมาคาดการณ์ถึงการเติบโตด้านการปล่อยกู้ โดยให้ความเห็นว่าตัวเลขมูลค่ารายได้จากการปล่อยกู้มีแนวโน้มจะปรับตัวสูงขึ้นในช่วง 2-3 ไตรมาสข้างหน้าซึ่งสอดคล้องกับช่วงเวลาที่ Fed หรือธนาคารกลางสหรัฐฯ จะดำเนินการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
5. หุ้นที่ Outperform ตลาด 3 อันดับสูงสุด ได้แก่หุ้นกลุ่มพลังงาน +1.51% กลุ่มสถาบันการเงิน +0.61% และกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย +0.34%
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นโดดเด่นภายหลังราคาน้ำมันกลับมายืนเหนือ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
Valero Energy +5.24% Phillips66 +5.20% Coterra Energy +4.59%
Exxon +0.82% Chevron +1.34% ConocoPhillips +2.07% APA +0.69% Occidental +3.42% EOG Resources +0.31%
กลุ่มสถาบันการเงินโดยรวมปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดี โดย Bank of America รายงานผลประกอบการดีกว่าคาดจากการเติบโตของการปล่อยกู้
ทว่าในทางตรงกันข้าม Charles Schwab ปิดลบรุนแรงจากการรายงานผลประการไตรมาส 1 ที่ต่ำกว่าคาด
Bank of America +3.41% Well Fargo +1.77% Citi Group +2.71% State Street -1.89%
Berkshire Hathaway +0.59% JP Morgan +1.86% Morgan Stanley +2.03% Goldman Sachs +2.56% Black Rock -1.19% Charles Schwab -9.44%
McDonald +0.22% Starbucks +0.13% Nike -1.37% Lowe’s -1.37% Home Depot -1.42% Target +0.92% TJX -0.43%
Ralph Lauren +0.17% PVH -2.90% Tapestry +0.50%
6. หุ้นเชิงรับปรับตัวลดลงและ underperform ตลาดทั้ง 3 อันดับสูงสุด โดยหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ -1.12% หุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค -0.81% และกลุ่มผู้ให้บริการสาธารณูปโภค -0.49%
กลุ่มเฮลท์แคร์ปรับตัวลดลงจากแรงกดดันของหุ้นกลุ่มวัคซีน
Johnson & Johnson -1.25% Pfizer -2.41% Moderna -6.49%
United Health -0.14% Abbot Labs -1.19% AbbVie -1.82%
Coca-Cola -0.89% PepsiCo -0.86% Walmart -0.76% Costco -1.40%
P&G -0.95% Philip Morris -0.71% Mondelez -0.24% Colgate -1.15% Estee Lauder -+0.09%
7. หุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
Apple -0.13% Alphabet +0.75% Microsoft +0.25% Amazon +0.71% Meta +0.28% Netflix -0.96% Adobe +1.20% Salesforce -1.27% Visa +0.18% Mastercard -0.29%
หุ้น Innovation ปรับตัวลดลง
Tesla +1.96% Lucid Group -3.28% Roku -3.10% Teladoc Health -4.86% Block (Square) -1.58% Zoom -4.14% Spotify -1.35% Twilio -4.00% Coinbase -1.45% Robinhood -3.43% Affirm Holdings +0.06% Unity Software -2.17% Shopify +0.26%
หุ้น Semiconductor ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดี
Nvidia +2.47% AMD +0.89% Intel +2.12% Micron +1.45% Qualcomm +1.76% Broadcom +2.20%
8. ETF ด้าน Technology & Innovation ปรับตัวลดลง
ARK Innovation (ARKK) -2.78% ARK Fintech (ARKF) -1.89% PowerShares WilderHill Clean Energy (PBW) -1.36% iShares PHLX Semiconductor (SOXX) -1.73% SPDR S&P Kensho Smart Mobility (HAIL) -0.95% VanEck Vectors Video Gaming and eSports (ESPO) -1.49% Global X Cybersecurity (BUG) -1.64% และ KraneShares CSI China Internet (KWEB) -1.90%
9. หุ้นจีนและเอเชียที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงรุนแรง
แม้ว่าทางการจีนจะมีรายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจออกมาค่อนข้างดีในช่วงวันจันทร์ที่ผ่านมา แต่ทว่าตลาดยังคงความกังวลเรื่องการล็อกดาวน์ในหลายพื้นที่ ซึ่งส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีนต้องหยุดชะงัก
หุ้น Didi Global ผู้ให้บริการด้านแพลตฟอร์มการเดินทางชื่อดังร่วงแรงหลังจากมีประกาศงบการเงินที่ออกมาต่ำกว่าคาดและประเด็นเรื่องการประชุมเพื่อหาหรือถึงการถอดถอนหุ้นออกจากตลาดหลักทรัพย์ NYSE ในช่วงเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้
Alibaba -0.82% Baidu -2.18% Coupang -2.73% iQIYI -9.47% JD +1.66% Didi Global -18.29% KE holdings -3.77% Luckin Coffee -2.51% NetEase -1.66% Pinduoduo -0.05% SEA -4.19% TAL Education -6.29% TSMC -0.42% Nio -2.44% Xpeng -1.75%
10. S&P500 VIX Index ปรับตัวลดลง โดยปิดที่ 22.17 จุด (-2.33%)
ด้าน Nasdaq 100 VIX ผันผวนระหว่างวัน ก่อนปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 29.53 จุด (+2.32%)
ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าทะลุระดับ 100 จุด โดยล่าสุดอยู่ที่ 100.82 จุด
ราคาทองคำผันผวนแรงขึ้นไปแตะระดับ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนปิดปรับตัวลดลง โดยล่าสุดอยู่ที่ 1,977 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ค่าเงินบาทอ่อนค่า โดยราคาล่าสุดอยู่ที่ 33.72 บาทต่อดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบ WTI ผันผวนระหว่างวันเล็กน้อย ภายหลังปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยราคาล่าสุดอยู่ที่ 107 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ที่มาภาพ :
#LHBankAdvisory

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา